ในสมัยก่อน สำหรับชาวอิหร่านแล้ว กล้วยหอมเป็นสินค้าราคาแพงและถือเป็นผลไม้หรูหราที่นอกจากผู้ที่มีฐานะดีและมีรายได้สูงพอสมควรแล้ว ชาวอิหร่านทั่วไปไม่สามารถหาซื้อไว้รับประทานได้ กล้วยหอมในอิหร่านมีราคาแพง ก็เนื่องมาจากอิหร่านจำกัดปริมาณการนำเข้าจากต่างประเทศ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สถานการณ์กลับกลายเป็นตรงกันข้าม กล่าวคือ กล้วยหอมในอิหร่านกลายเป็นผลไม้มีขายในตลาดโดยทั่วไปและได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ชาวอิหร่าน กล้วยหอมกลายเป็นผลไม้ที่ใช้รับรองแขกและพบเห็นในกระจาดผลไม้ของทุกครัวเรือนและทุกงานเลี้ยงสังสรรค์ ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการที่ผู้นำเข้าอิหร่านนำเข้ากล้วยหอมเพิ่มมากขึ้น ทำให้ราคาขายในตลาดลดลงอย่างรวดเร็ว และถึงแม้ว่าในบางฤดูกาลราคากล้วยหอมในตลาดอิหร่านจะมีราคาสูงขึ้นบ้าง แต่ก็จะกลับมามีราคาลดลงเท่าเดิมเมื่อเวลาผ่านไป นอกจากนี้ ผู้นำเข้ากล้วยหอมปรับปริมาณนำเข้าตามความต้องการของตลาดอีกด้วย ทำให้ราคากล้วยหอมไม่สูงมากเหมือนในอดีต
กล้วยหอมที่นำเข้าในอิหร่านจะเป็นกล้วยดิบและถูกเก็บไว้ในห้องเย็นประมาณ 1-2 สัปดาห์ จนกว่าจะสุกและนำออกสู่ตลาด โดยอิหร่านนำเข้ากล้วยหอมจากประเทศกลุ่มละตินอเมริกา ฟิลิปปินส์ เอกวาดอร์ และโคลัมเบีย ซึ่งในแต่ละปีอิหร่านมีการนำเข้ากล้วยประมาณ 200,000 ตัน คิดเป็นการบริโภคกล้วยหอมเฉลี่ยคนละ 2-3 กิโลกรัมต่อปี
ชาวอิหร่านนิยมบริโภคกล้วยหอมที่สุก ห่าม ไม่เละ และไม่มีตำหนิดำ กล้วยต้องมีขนาดใหญ่และยาวดูสวย ราคากล้วยในท้องตลาดปัจจุบัน อยู่ระหว่างกิโลกรัมละ 9,000- 15,000 เรียล หรือประมาณ 30 บาทต่อกิโลกรัม
ทั้งนี้ ปัจจุบัน กล้วยที่นำเข้าในอิหร่านจะเป็นเพียงกล้วยหอมเท่านั้น และอิหร่านไม่มีการนำเข้ากล้วยจากไทยแต่อย่างใด นอกจากนี้อิหร่านยังไม่รู้จักกล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ และกล้วยชนิดอื่นๆ ที่ไทยมี จึงน่าจะเป็นโอกาสอันดีของผู้ส่งออกไทย ที่จะเปิดตลาดกล้วยชนิดอื่น ๆ ในอิหร่าน และแนะนำให้ชาวอิหร่านรู้จักสินค้าอื่นๆ ที่ผลิตจากกล้วยของไทย เช่น กล้วยตากอบน้ำผึ้ง กล้วยฉาบ ฯลฯ
หากผู้ส่งออกกล้วยรายใดต้องการส่งออกกล้วยหอมหรือกล้วยชนิดอื่นๆ ไปอิหร่าน ควรต้องศึกษาขั้นตอนการนำเข้าและขั้นตอนการขอใบรับรองการนำเข้าจากกระทรวงสาธารณสุขอิหร่านให้รอบคอบก่อนดำเนินการส่งออก โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงเตหะราน ทาง E-mail: thaitctehran@depthai.go.th
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเตหะราน
ที่มา: http://www.depthai.go.th