ยานยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบในตลาดเวียดนาม

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 26, 2010 14:52 —กรมส่งเสริมการส่งออก

อุตสาหกรรมรถยนต์ของเวียดนามยังอยู่ในขั้นการประกอบรถ โดยมีอัตราการใช้ชิ้นส่วน ส่วนประกอบและเครื่องยนต์ในประเทศโดยเฉลี่ยเพียง 10 — 20 % ซึ่งน้อยกว่าเป้าหมายของ localization rate ที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ 40% ภายในปี 2548 และ 60% ภายในปี 2553 มีเพียงบริษัท โตโยต้าเวียดนามที่ผลิต INNOVA ในอัตราการใช้ชิ้นส่วนประกอบเกือบ 30 — 35% และส่วนประกอบที่ผลิตในประเทศส่วนใหญ่เป็นแบบง่าย ๆ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเวียดนามยังไม่สามารถพัฒนา อุตสาหกรรมสนับสนุนเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศได้

ขนาดของตลาด
  • การผลิต เวียดนามมีผู้ผลิตรถยนต์มากกว่า 40 ราย และผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์รถยนต์มากกว่า 100 ราย มีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้นกว่า 200,000 หน่วยต่อปี โรงงานผู้ผลิตในประเทศเป็นผู้ครองตลาดรถบรรทุกและรถเพื่อการค้า ( commercial vehicles ) ส่วนรถนั่งส่วนบุคคลโดยเฉพาะรถ ซีดานผู้นำเข้าจากต่างประเทศเป็นผู้ครองตลาด บริษัทจากญี่ปุ่นเป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมยานยนต์ของตลาดเวียดนาม

การผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในเวียดนามยังมีต้นทุนสูงกว่ารุ่นเดียวกันเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในกลุ่มอาเซียนเนื่องจากการขาดแคลนอุตสาหกรรมหล่อโลหะและเครื่องจักรที่ทันสมัย ยกเว้นการผลิตสายไฟสำเร็จรูป ซึ่งญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนและสามารถส่งออกได้เป็นสินค้าลำดับต้น ๆ ของเวียดนาม

ตลาดรถยนต์ของเวียดนามเป็นตลาดขนาดเล็ก แต่มีคู่แข่งขันจำนวนมาก เพราะมีผู้ประกอบการผลิตรถยนต์รายใหญ่ถึง 16 ราย ดังนั้น การจะประสบความสำเร็จในธุรกิจรถยนต์ในเวียดนามจึงเป็นเรื่องยากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ

ในปี 2552 สมาคมผู้ผลิตยานยนต์เวียดนาม ( VAMA) ซึ่งมีสมาชิก 16 รายที่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่สำคัญและสามารถครองตลาดเกือบทั้งหมดของรถยนต์ที่ผลิตในประเทศได้ตั้งเป้าจำหน่ายรถที่ประกอบในประเทศไว้ 110,00 คัน แต่ ณ มกราคม — พฤศจิกายน 2552 จำหน่ายได้ 104,395 คัน ( ตารางที่ 1 )

  • การบริโภค การบริโภครถยนต์ในเวียดนามมีประมาณ 200,00 คัน ( สถิติปี 2552 )ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถนั่งส่วนบุคคลและรถบรรทุก รองลงมาคือรถอเนกประสงค์และ sport utility vehicles ( ตารางที่ 2)

ตารางที่ 1 : ผู้ผลิตรถยนต์รายสำคัญในเวียดนาม

                    ยอดขายปี 2550              ปี 2551                    ปี 2552  ( มค.- พย.)          สัดส่วนครองตลาด
                       ( คัน )        ยอดขาย ( คัน)      เพิ่ม / ลด      ยอดขาย ( คัน)      เพิ่ม / ลด       ( โดยเฉลี่ย ) %
Toyota                 20,113           24,421            21%           25,927            19%            24.80%
Truong Hai             11,534           16,373            42%           18,783            17%            18.00%
GM Daewoo               7,580           11,036            46%           12,528            24%            12.00%
Vinaxuki                7,358            8,070            10%            8,012             6%             7.70%
Vinamotor               5,476           20,887           281%           13,928           -30%            13.30%
Ford                    5,975            6,494             9%            6,806            16%             6.50%
Honda                   4,260            5,909            39%            3,736           -30%             3.60%
Vinastar                4,595            2,925           -36%            3,063            17%             2.90%
( Mitsubishi )
Isuzu                   4,229            3,385           -20%            2,597           -27%             2.50%
       อื่น ๆ             9,272           10,686            15%            9,015                            8.60%
ยอดขายทั้งหมด            80,392          110,186          37.06          104,395             2%              100%
ที่มา:  VAMA  ( Vietnam  Automobile  Manufacturers Association )


ตารางที่  2 :  ยอดขายรถยนต์ในประเทศของเวียดนาม

หน่วย: คัน

                      2552       2551       อัตราขยายตัว %
   รวม              104,395    102,449            2%
SUV / MPV            24,378     24,253            1%
Passenger  cars      29,518     21,280           39%
Comm. Vehicles       50,499     56,916          -11%
Bus  Chassis            397        408           -3%
ที่มา:  VAMA  ( Vietnam  Automobile  Manufacturers Association )

แต่การที่ตลาดรถยนต์เวียดนามมีการบริโภคสูงมากเช่นนี้ เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ดังนั้นเมื่อรัฐบาลยุติมาตรการดังกล่าว ณ สิ้นปี 2552 จึงคาดว่าในต้นปี 2553 ความต้องการบริโภครถยนต์อาจลดลงประมาณ 20 %

|---------------------------------------------------------------------------------------------------|
| มาตรการกระตุ้นความต้องการซื้อรถยนต์เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบชิ้นส่วนและอุปกรณ์รถยนต์ของเวียดนาม เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 |
         | รัฐบาลเวียดนามได้ประกาศลดค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 10% เป็น 5% และลดค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนรถยนต์         |
         | ( registration fee ) ในเขตกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์จาก 12 % เป็น 6 % ส่วนในเขตจังหวัดอื่น ๆ ลดจาก 10%        |
         | เหลือเพียง 5% โดยมาตรการนี้จะสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2552                                                   |
-----------------------------------------------------------------------------------------------------

อย่างไรก็ตาม กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม ( MoIT) คาดว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ ของเวียดนามจะเติบโตอย่างมากในทศวรรษหน้า โดยสัดส่วนการใช้รถยนต์นั่งส่วนบุคคลในปี 2563 คาดว่าจะเป็น 38 คันต่อประชากร 1,000 คน และจะสูงมากขึ้นในปี 2568 โดยมีสัดส่วนการใช้รถ 88 คัน ต่อประชากร 1,000 คน ซึ่งถือว่าเป็นการก้าวเข้าสู่สังคมยานยนต์ ( motorization ) เมื่อสัดส่วนการใช้รถยนต์มากกว่า 50 คันต่อประชากร 1,000 คน

Forecast for Motorization in Vietnam

             ปี              สัดส่วนการใช้รถ             ขนาดตลาด

( คัน / ประชากร 1,000 คน ) ( คัน )

            2558             28 / 1,000               235,000
            2563             38 / 1,000               347,000
            2568             88 / 1,000               836,000
  • การนำเข้า ในช่วงกลางปี 2550 สมาชิกหลายรายของ VAMA ได้ขออนุญาตนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศมาจำหน่ายในเวียดนาม โดย Mercedes Benz Vietnam ซึ่งเป็นบริษัท joint venture รายแรกที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ารถยนต์มาจำหน่ายได้ ทั้งนี้ เนื่องจากกระทรวงการคลังเวียดนามได้ลดภาษีนำเข้าจาก 90% เป็น 60% ในปี 2550 ทำให้การนำรถยนต์เข้ามาจำหน่ายได้กำไรดีกว่าการผลิตในประเทศ นักวิเคราะห์ประมาณว่า 25% ของจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ใช้งานอยู่ในขณะนี้ ( 28,000 คัน) เป็นรถยนต์นำเข้าและคาดว่าหากบริษัทร่วมทุนการผลิตรถยนต์ได้รับอนุญาตให้นำเข้ารถยนต์เพื่อการบริโภคในประเทศได้ ตลาดในประเทศจะถูกรถยนต์นำเข้าทะลัก เข้ามาอย่างแน่นอน

ตารางที่ 3 : การนำเข้ารถยนต์ของเวียดนาม

                                         2551                          2552
                                     คัน       ล้าน USD          คัน              ล้าน USD
  Completely  built — up cars     49,959      1,025       76,282 ( +52.7%)   1,193 ( +16.4%)
  Auto  parts                                 1,362                          1,772 ( +30.1%)
  Others vehicles & parts                                                      580
ที่มา:  VAMA  ( Vietnam  Automobile  Manufacturers Association )

VAMA กังวลว่าการนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปจะเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดในประเทศส่วนใหญ่ และอาจยึดกิจการรถยนต์ในประเทศในอนาคต จึงเตือนว่าหากผู้ผลิตในประเทศไม่สามารถแข่งขันกับรถยนต์ที่นำเข้าได้ ไม่เพียงแต่เวียดนามจะไม่สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ได้แล้ว ยังต้องประสบภาวะขาดดุลการค้าให้กับรถยนต์นำเข้าที่จะได้รับการลดภาษีเป็น 0% ในปี 2561 ตามพันธะของข้อผูกพันภายใต้ CEPT ของการเปิดเสรีการค้าอาเซียน( AFTA)

|---------------------------------------------------------------------------------------------------|

| การลดภาษีรถยนต์ให้สมาชิกอาเซียนตามข้อผู้พันที่เวียดนามต้องปฏิบัติตามข้อตกลงการเปิดเสรีภายใต้ CEPT ( Agreement on the |

| Common Effective Preferential Tariff ) ของการเปิดเสรีอาเซียน ( AFTA ) เวียดนามต้องลดภาษีรถยนต์ที่นำเข้า |

          | จากประเทศในอาเซียนเหลือ 60%  ในปี 2556  และ 0 %  ในปี 2561                                            |

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ทั้งนี้ ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2552 ประเทศที่ครองตลาดรถยนต์นำเข้าในเวียดนามมากที่สุดได้แก่ เกาหลีใต้ 41,445 คัน ( 60.5 %) รองลงไปได้แก่ สหรัฐ ฯ 8,430 คัน ( 12.3 %) ญี่ปุ่น6,153 คัน ( 9.0 %) จีน 3,905 คัน ( 5.7 %) ไต้หวัน 3,598 คัน (5.2 %) ไทย 3,077 คัน ( 4.5 %) และประเทศอื่น ๆ 1,834 คัน ( 2.8 %)โดยรถยนต์ที่นำเข้ากว่าครึ่งหนึ่งจะเป็นรถยนต์ขนาด 9 ที่นั่งลงมารองลงไปจะเป็นรถยนต์บรรทุกประมาณ 32%

  • การส่งออก จากข้อมูลของสำนักสถิติของเวียดนาม ( GSO ) ที่เผยแพร่ทั่วไปไม่ได้แยกมูลค่าการส่งออกยานยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบออกมาอย่างชัดเจน เพราะยังมีมูลค่าส่งออกไม่มากนัก โดยรวมอยู่ในกลุ่มสินค้าที่เป็นพาหนะและอุปกรณ์ ( Means of transport and equipment ) ซึ่งส่งออกได้

ในระยะ 11 เดือนแรกของปี 2552 มูลค่า US$ 734.7 ล้าน โดยมีตลาดส่งออกที่สำคัญคือ ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา และยังอยู่ในกลุ่มสินค้าสายไฟฟ้า (Electrical wire and cable ) มูลค่า US$ 725.0 ล้าน โดยมีตลาดส่งออกที่สำคัญคือ ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา เช่นกัน

พฤติกรรมผู้บริโภค
  • เวียดนามเป็นตลาดใหม่แต่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม ดังนั้นผู้ประกอบการที่สามารถรักษาเครือข่ายการขายทั่วประเทศไว้ได้จะทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจในสินค้าและยอมรับในตราสินค้า
  • ผู้บริโภคในประเทศมักนิยมใช้สินค้าต่างประเทศ
  • โดยปกติ ช่วงเวลาสิ้นปีจะเป็นช่วงที่ความต้องการซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้นเพราะทั้งห้างร้านและครอบครัวมักซื้อรถ / เปลี่ยนรถสำหรับการเดินทางช่วงเต๊ด ( Tet : ตรุษเวียดนาม )
  • รถไฮ- คลาส จะถูกนำมาใช้สำหรับแขก VIP ในโรงแรมระดับหรูของเวียดนามโดยทางภาคเหนือ ( กรุงฮานอย ) จะนิยมใช้รถ BMW เช่นรุ่น BMW 530i ส่วนทางตอนใต้ของเวียดนาม ( นครโฮจิมินห์ ) นิยมใช้รถ Mercedes ซึ่งความนิยมดังกล่าวคาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไปอีก 1 — 2 ปีข้างหน้า แต่ความเป็นไปได้ที่ความนิยมรถ Mercedes ในทางตอนเหนือจะเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับความนิยมในรถ BMW ในทางภาคใต้จะเพิ่มขึ้น และขณะเดียวกันก็จะมีรถ ไฮ — คลาสยี่ห้ออื่นมาร่วมแข่งขัน เช่น Rolls Royee
การค้าในประเทศและราคาขายปลีก

ปัจจุบันรถยนต์ที่จำหน่ายในเวียดนามมีราคาสูงมากเพราะถูกปกป้องด้วยกำแพงการค้าโดยเฉพาะภาษีสูงมาก ราคารถยนต์ในเวียดนามสูงกว่าราคารถยนต์ที่จำหน่ายในไทย 2 เท่า และสูงกว่าราคาในประเทศพัฒนาแล้ว 2.5 — 3 เท่า ทั้ง ๆ ที่รายได้โดยเฉลี่ยต่อปีของคนเวียดนามมากกว่า US$1,000 เพียงเล็กน้อยถ้าราคารถยนต์ที่จำหน่ายในเวียดนามมีราคาใกล้เคียงกับราคาที่จำหน่ายในไทย การบริโภครถยนต์ในเวียดนามอาจเพิ่มขึ้นประมาณ 3 — 4 เท่าตัว

สาเหตุที่ราคารถยนต์ในเวียดนามสูงเกินควรคือ ภาษี ซึ่งปัจจุบันภาษีของรถยนต์ CBUs เป็น 83% รวมภาษีฟุ่มเฟือย ( special consumption tax ) 50% รถยนต์ที่ประกอบในประเทศได้รับการจูงใจมากกว่าด้วยอัตราภาษีเพียง 20% และ 15% สำหรับเครื่องยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ ตามลำดับ

มาตรการด้านภาษี

|-------------------------------------------------------------------|
        |  รถยนต์  1  คัน  ต้องจ่ายภาษีอะไรบ้าง                                   |
        |  ปัจจุบันอุตสาหกรรมรถยนต์ของเวียดนามต้องจ่ายภาษีและค่าธรรมเนียม              |
|  6  ประเภท คือ  ภาษีนำเข้า  ภาษีฟุ่มเฟือย ( special consumption  tax )   |
|  ภาษีรายได้นิติบุคคล  ค่าธรรมเนียมการเป็นเจ้าของ และค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนรถ|
|  ซึ่งภาษีที่มีผลต่อผู้ประกอบการรถยนต์มากที่สุด คือ ภาษีฟุ่มเฟือยและภาษีมูลค่าเพิ่ม       |
---------------------------------------------------------------------

รัฐบาลเวียดนามเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีรถยนต์บ่อยครั้ง เริ่มจากเดือนพฤศจิกายน 2550 ได้ประกาศลดภาษีนำเข้าทั้งรถใหม่และรถใช้แล้วลงเหลือ 60% แต่ในเดือนมีนาคม 2551 ได้ประกาศเพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์ดังกล่าว โดยรถยนต์ใหม่เพิ่มจาก 60% เป็น 70% และเพิ่มขึ้นอีกเป็น 83% ในเดือนเมษายน 2551 ส่วรถยนต์ใช้แล้ว การเก็บภาษี ( absolute tax ) ขึ้นกับขนาดเครื่องยนต์ แต่โดยเฉลี่ยแล้ว absolute tax เพิ่มขึ้น 10%

การที่นโยบายภาษีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาส่งผลกระทบต่อราคาในตลาดเมื่อภาษีลดต่ำลง ผู้บริโภคต่างพากันเร่งซื้อรถยนต์ ทำให้การขาดแคลนสินค้าที่ไม่แท้จริงเกิดขึ้นในตลาด แต่เมื่อภาษีสูงขึ้นตลาดจะซบเซาลงอย่างมาก ทั้ง ๆ ที่เจตนารมณ์ดั้งเดิมของการมีอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ คือ (1) เพิ่มอัตราการใช้ในประเทศ ( localization rate ) (2) ผลิตรถยนต์ภายใต้ brand ของเวียดนาม และ (3) ลดต้นทุนการผลิต

โอกาสของชิ้นส่วนยานยนต์ไทยในตลาดเวียดนาม

ชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยนับว่ามีจุดแข็งทั้งด้านภูมิศาสตร์และตัวคุณภาพของสินค้า คือ เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งขันของไทยเช่น ญี่ปุ่น จีนและเกาหลีใต้ แล้ว การขนส่งสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์จากไทยประหยัดด้านต้นทุนขนส่งมากกว่า ส่วนด้านคุณภาพนั้นผู้ประกอบรถยนต์ในเวียดนามมีความมั่นใจในคุณภาพของสินค้าไทยว่าสามารถผลิตได้คุณภาพมาตรฐานไม่ด้อยกว่าญี่ปุ่น แต่ในราคาที่ต่ำกว่าประกอบกับคุณภาพของสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์ในเวียดนามยังไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้นโอกาสของชิ้นส่วนยานยนต์ไทยในตลาดเวียดนามจึงนับว่าสดใสมากทีเดียว

สคร.นครโฮจิมินห์

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ