มีมูลค่าการค้ารวม จำนวน 956.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ร้อยละ 34.90 แยกเป็น มูลค่าการส่งออกจากไทย จำนวน 857.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.46 (เป้าหมายปี 2552 ร้อยละ 15) และการนำเข้า จำนวน 98.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 3.80 โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้า จำนวน 758.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 50.69 และมี สัดส่วนการส่งออก : การนำเข้า เท่ากับ 89 : 11
- ร้อยละ 39.65 เป็น เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ มีมูลค่า 340.0 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2,714.55
- ร้อยละ 35.83 เป็น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มีมูลค่า 307.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.04
- ร้อยละ 3.58 เป็น เครื่องวีดิโอ เครื่องเสียง อุปกรณ์และส่วนประกอบ มีมูลค่า 30.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 47.26
- ร้อยละ 1.97 เป็น รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ มีมูลค่า 16.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 0.04
- ร้อยละ 1.81 เป็น หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ มีมูลค่า 15.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 36.83
- ร้อยละ 1.79 เป็น เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มีมูลค่า 15.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 330.05
- ร้อยละ 1.40 เป็น เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ มีมูลค่า 12.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.90
- ร้อยละ 1.46 เป็น แผงวงจรไฟฟ้า มีมูลค่า 12.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 59.21
- ร้อยละ 1.30 เป็น ทองแดงและของที่ทำจากทองแดง มีมูลค่า 11.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 52.61
- ร้อยละ 0.89 เป็น ด้ายและเส้นใยประดิษฐ์ มีมูลค่า 7.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 3.27
- ร้อยละ 0.82 เป็น อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป มีมูลค่า 7.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 31.09
- สับประรดกระป๋อง ส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 54.78 อันดับ 1
- ปลากระป๋อง ส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 14.75 อันดับ 3
- อาหารทะเลกระป๋อง ส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 25.28 อันดับ 1
- ข้าว ส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 11.95 อันดับ 2
- เครื่องประดับเงิน ส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 33.34 อันดับ 1
- เครื่องประดับเทียม ส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 13.18 อันดับ 3
- เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 10.67 อันดับ 3
- เครื่องวีดิโอ ชิ้นส่วนฯ ส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 14.36 อันดับ 2
- เครื่องรับโทรทัศน์และฯ ส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 12.63 อันดับ 3
- วิทยุสำหรับรถยนต์ ส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 12.63 อันดับ 3
- เครื่องใช้ในครัวเรือนทำด้วยไม้ ส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 6.40 อันดับ 4
- เครื่องตกแต่งทำด้วยไม้ ส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 2.60 อันดับ 6
- ยางธรรมชาติ ส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 22.31 อันดับ 2
- ผลิตภัณฑ์ยาง ส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 18.84 อันดับ 2
- ถุงมือยาง ส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 19.56 อันดับ 2
4. โครงสร้างสินค้านำเข้า ปี 2552- ร้อยละ 17.95 เป็นเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ มูลค่า 17.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 21.50
- ร้อยละ 15.32 เป็นลวดและสายเคเบิ้ล มูลค่า 15.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1,867.29
- ร้อยละ 10.67 เป็นเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ มูลค่า 10.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 38.61
- ร้อยละ 9.69 เป็นยุทธปัจจัย มูลค่า 9.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.18
- ร้อยละ 7.82 เป็นสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ มูลค่า 7.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 31.03
รองลงมา ได้แก่ นมและผลิตภัณฑ์นม ผลิตภัณฑ์โลหะ ผลิตภัณฑ์ทำจากพลาสติก เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
- ยุโรปตะวันออก : มูลค่าการส่งออกปี 2552 จำนวน 2,333.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 22.64 จากปี 2551 โดยส่งออกมายังสาธารณรัฐเช็กมากเป็นอันดับ 1 มูลค่า 857.4 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 36.74 รองลงมาได้แก่ โปแลนด์ รัสเซีย ฮังการี และสโลวัค
- สหภาพยุโรป (27) : สาธารณรัฐเช็ก เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป ตั้งแต่ปี 2547 มูลค่าการส่งออกจากไทยมายังสหภาพยุโรป ปี 2552 มีจำนวน 18,154.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 22.39 โดยส่งออกมายังสหราชอาณาจักรมากเป็นอันดับ 1 สัดส่วนร้อยละ 17.83 และส่งออกมายังสาธารณรัฐเช็ก อันดับ 7 สัดส่วนร้อยละ 4.7
เศรษฐกิจของสาธารณรัฐเช็กชะลอตัวอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปลายปี 2551 เป็นต้นมา เนื่องจากผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก กระทรวงการคลังของเช็กคาดการณ์ว่า ในปี 2552 เช็กจะมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเท่ากับ -5.0 % อัตราเงินเฟ้อร้อยละ 0.9 (ซึ่งในช่วงปลายปี เช็กประสบปัญหาอัตราเงินฝืด เนื่องจากประชาชนชะลอการใช้จ่าย ) อัตราการว่างงานร้อยละ 8.6 รายได้ต่อหัว 24,510 เหรียญสหรัฐ/คน/ปี สาธารณรัฐเช็ก เป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกสูงถึงร้อยละ 68 ประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป โดยค้ากับเยอรมันมากเป็นอันดับ 1 สำหรับการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐเช็กในช่วงเดือนมกราคม — เดือนพฤศจิกายน 2552 เช็กส่งออกลดลงร้อยละ 15.4 และนำเข้าลดลงร้อยละ 19.2
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก
ที่มา: http://www.depthai.go.th