1.1 GDP
ในปี 2552 GDP ของประเทศจีนรวม 33,535,300 ล้านหยวน เทียบกับปี 2551 เพิ่มขึ้น 8.7% โดยแยกเป็น
- ด้านการเกษตร 3,547,700 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 4.2%
- ด้านอุตสาหกรรม 15,695,800 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 9.5%
- ด้านธุรกิจบริการ 14,291,800 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 8.9%
1.2 การลงทุนด้านทรัพย์สินถาวร
การลงทุนด้านทรัพย์สินถาวรรวม 22,484,600 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 30.1% โดยแยกเป็น
- ในเขตเมือง 19,413,900 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 30.5%
- ในเขตชนบท 3,070,700 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 27.5%
1.3 การค้าปลีกของสินค้าอุปโภคบริโภค
มูลค่าค้าปลีกของสินค้าอุปโภคบริโภครวม 12,534,300 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 15.5% โดยแยกเป็น
- ในเขตเมือง 8,513,300 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 15.5%
- ในเขตชนบท 4,021,000 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 15.7%
1.4 การนำเข้าส่งออกระหว่างประเทศจีน-ทั่วโลก
มูลค่าการนำเข้าส่งออกรวม 2,207,266 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง -13.9% โดยแยกเป็น
- มูลค่าการนำเข้ารวม 1,005,603 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง -11.2%
- มูลค่าการส่งออกรวม 1,201,663 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง -16%
ประเทศจีนได้ดุลการค้า 196,060 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับปี 2551 ลดลง —99,399 ล้านเหรียญสหรัฐ
1.5 การนำเข้าส่งออกระหว่างประเทศจีน-ประเทศไทย
มูลค่าการนำเข้าส่งออกรวม 38,204 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง —7.5% โดยแยกเป็น
- มูลค่าการนำเข้ารวม 24,897 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง -3%
- มูลค่าการส่งออกรวม 13,307 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง —14.9%
ประเทศจีนขาดดุลการค้า 11,589 ล้านเหรียญสหรัฐ
1.6 รายได้เฉลี่ยต่อหัว
- ในเขตเมือง 17,175 หยวน เพิ่มขึ้น 9.8%
- ในชนบท 5,153 หยวน เพิ่มขึ้น 8.5%
2.1 GDP
ในปี 2552 GDP ของมณฑลกวางตุ้งรวมทั้งหมด 3,908,159 ล้านหยวน เทียบกับปี 2551 เพิ่มขึ้น 9.5% โดยแยกเป็น
- ด้านการเกษตร 200,602 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 4.9%
- ด้านอุตสาหกรรม 1,927,048 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 8.7%
- ด้านธุรกิจบริการ 1,780,509 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 11%
2.2 การลงทุนด้านทรัพย์สินถาวร
การลงทุนด้านทรัพย์สินถาวรรวม 1,336,678 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 9.5% โดยแยกเป็น
- ในเขตเมือง 1,040,374 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 18.2%
- ในเขตชนบท 296,304 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 24.5%
2.3 การค้าปลีกของสินค้าอุปโภคบริโภค
มูลค่าค้าปลีกของสินค้าอุปโภคบริโภครวม 1,277,220ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 20.3% โดยแยกเป็น
- ในเขตเมือง 901,048 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 19.8%
- ในเขตอำเภอ 58,277 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 27.6%
- ในเขตตำบลและหมู่บ้าน 317,894 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 20.6%
2.4 การนำเข้าส่งออกระหว่างมณฑลกวางตุ้ง-ทั่วโลก
มูลค่าการนำเข้าส่งออกรวม 611,118 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 27.7% ของทั่วประเทศจีนเทียบกับปี 2551 ลดลง-10.8% โดยแยกเป็น
-มูลค่าการนำเข้ารวม 252,162 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง —9.7%
-มูลค่าการส่งออกรวม 358,956 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง —11.5%
มณฑลกวางตุ้งได้ดุลการค้า 106,793 ล้านเหรียญสหรัฐ
2.5 ภาวะการค้าระหว่างมณฑลกวางตุ้งกับไทย
มูลค่าการนำเข้าส่งออกรวมทั้งหมด 12,898 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 33.7% ของยอดการนำเข้าส่งออกระหว่างไทย-จีน ลดลง -2.2% เมื่อเทียบกับปี 2551 โดยแยกเป็น
- การนำเข้าจากไทยรวม 9,499 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.3%
- การส่งออกไปไทยรวม 3,399 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง —8.6%
มณฑลกวางตุ้งขาดดุลการค้า 6,100 ล้านเหรียญสหรัฐ
2.6 การนำเข้าสินค้าเกษตรของไทย
- ปริมาณการนำเข้าผลไม้ไทยรวม 476,413 ตัน มูลค่ารวม 405.96 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 68.4% และ 69.6% ตามลำดับ
- ปริมาณการนำเข้าข้าวไทยรวม 283,066 ตัน มูลค่ารวม 172.78 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 9.7% และ 7.3% ตามลำดับ
- ปริมาณการนำเข้ามันสำปะหลังรวม 295,644 ตัน มูลค่ารวม 87.21ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 81.6% และ 36.3% ตามลำดับ
- ปริมาณการนำเข้ายางพารารวม 71,696 ตัน มูลค่ารวม 111.09 ล้านเหรียญสหรัฐ ปริมาณเพิ่มขึ้น 10.4% และมูลค่าลดลง —12.8% ตามลำดับ
3.1 ปัจจุบันอาเซียนและไทยถือเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิตของจีนสินค้าส่งออกหลักๆ ไปจีนเป็นสินค้าขั้นกลางและสินค้าทุนที่จีนใช้ผลิตและส่งออกไปยังตลาดโลก สำหรับสินค้าส่งออกของไทยไปจีนสำคัญอันดับต้นๆ เป็นสินค้าวัตถุดิบ/ขั้นกลางที่ใช้ในภาคการผลิต ได้แก่ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ยางพารา เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติกแผงวงจรไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ยาง และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง
3.2 สินค้าผลไม้ไทยได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวจีน ปริมาณการนำเข้าเพิ่มขึ้น 68.4 % โดยเฉพาะทุเรียนกับมังคุด มูลค่าการนำเข้าสูงถึง 122.49 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 123.52 ล้านเหรียญสหรัฐตามลำดับ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 34.8 และ 151.3 ตามลำดับ นอกจากนี้ มูลค่าการนำเข้าลำใยลำใยสูงถึง 100.53 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 34
3.3 ปี 2553 เป็นปีแรกที่อาเซี่ยนและจีนต้องลดภาษีสินค้านำเข้าให้เหลือร้อยละ 0 ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการนำเข้าสินค้าไทย และเชื่อว่าจีนจะมีการนำเข้าสินค้าไทยเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสินค้านำเข้าส่วนใหญ่ จะไม่มีกำแพงภาษีต่อไป แต่ขณะเดียวกัน ประเทศไทยคงต้องระวังสินค้าจีนที่จะทะลักเข้าสู่ตลาดไทยเหมือนกัน โดยเฉพาะสินค้าเส้นใย สิ่งทอ เสื้อผ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นต้น ซึ่งจุดขายของสินค้าจีนคือราคาถูก และจุดขายดังกล่าวเป็นส่งสำคัญในการดึงดูดผู้บริโภคด้วย
ทั้งนี้ สถิติการนำเข้า/ส่งออก สินค้าเกษตร และสินค้า 15 อันดับแรกระหว่างมณฑลกวางตุ้งกับประเทศไทย ตามเอกสารแนบ
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองกวางโจว
ที่มา: http://www.depthai.go.th