เมื่อเดือนกันยายน 2009 ญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas Emission) สูงเป็นอันดับ 5 ของโลก ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อประชาคมโลก โดยนายกรัฐมนตรี Yukio Hatoyama ได้ประกาศเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของญี่ปุ่นลงร้อยละ 25 เทียบกับปริมาณในปี 1990
The National Institute for Environmental Studies ของญี่ปุ่นได้ทำการศึกษาวิจัยและพบว่า เพื่อลดก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 25% ภายในปี 2020 ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวญี่ปุ่นจะต้องปรับเปลี่ยนขนานใหญ่ หลักใหญ่ใจความ คือ การลดการใช้พลังงานจาก Carbon และหันมาใช้พลังงานทดแทนอื่นๆเช่น การใช้รถยนต์ Hybrid รถยนต์พลังงานไฟฟ้า การติด Solar Panel เพื่อนำพลังงานจากแสงอาทิตย์มาใช้ในบ้านเรือน และการติด Insulation เพื่อปรับสมดุลของอุณหภูมิบ้านให้เหมาะสมเพื่อลดการใช้เครื่องปรับอากาศ ดังรายละเอียดในตารางข้างล่าง
สัดส่วนการใช้ สัดส่วนการใช้ สัดส่วนการใช้ Hybrid และ Electric Car Solar Power High-tech Insulation สถานะในปี 2005 0.3% 1.42 ล้าน kw 30% ของบ้านใหม่ การลดก๊าซเรือนกระจก 15% ในปี 2020 25% 37 ล้าน kw 100% ของบ้านใหม่ การลดก๊าซเรือนกระจก 25% ในปี 2020 40% 79 ล้าน kw 100% ของบ้านใหม่
หมายเหตุ: การวิเคราะห์ดังกล่าวตั้งอยู่บนสมมุติฐานของการใช้มาตรการในประเทศเพียงอย่างเดียว หากนำระบบ Emission Trading มาใช้ เช่น การซื้อ Carbon Credit จากต่างประเทศก็จะลดสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนในประเทศลงได้บ้าง
The Environment Ministry ของญี่ปุ่น ได้ประกาศเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ถึงแนวทางการดำเนินการของรัฐบาลในการบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 25 รวมถึงช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศทั้งมาตรการภายในประเทศ เช่น การปลูกป่าเพื่อดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ การใช้พลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ (Renewable Energy) และการผลักดันรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการซื้อ Carbon Credit จากต่างประเทศ
เป้าหมายและมาตรการสำหรับการลดก๊าซเรือนกระจกของ The Environment Ministry ได้ถูกกำหนดไว้สำหรับแต่ละกลุ่ม ดังนี้ กลุ่มเป้าหมาย สัดส่วนการลดเทียบกับปี 1990 ตัวอย่างมาตรการ 1.ภาคอุตสาหกรรม 17-24% - การผลักดันการใช้แผง Solar Cell ในโรงงานและอาคารสำนักงาน 20-40% ของโรงงานและอาคารทั้งหมด - การกำหนดให้สถานประกอบการใช้เครื่องกำเนิดพลังงานแบบที่นำกลับ มาใช้ใหม่ได้ในราคาที่กำหนด 2.ภาคครัวเรือน 18-31% - การผลักดันการใช้เครื่องทำน้ำร้อนแบบประหยัดพลังงาน 70-80% ของครัวเรือน - การผลักดันการใช้ใช้แผง Solar Cell ในบ้าน 6-13 ล้านหลัง - การส่งเสริมการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนที่ประหยัดพลังงาน 3.ภาคการขนส่ง 14-25% - การส่งเสริมการใช้รถยนต์ Hybrid สำหรับรถยนต์ใหม่ที่ออกสู่ท้องตลาด 50% - การส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ใหม่ที่ออกสู่ท้องตลาด 7%
ทุกภาคส่วนในญี่ปุ่นต่างต้องปรับตัวเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นตามที่ผู้นำประเทศประกาศเจตนารมณ์ไว้ การปรับตัวที่ว่ามีผลกระทบทั้งต่อวิถีชีวิตและรูปแบบการประกอบธุรกิจอย่างมาก แต่ทว่าการเริ่มปรับตัวตั้งแต่ปัจจุบันเท่ากับเป็นการสร้างรากฐานที่ดีก่อนประเทศอื่นๆ แม้ในระยะแรกจะต้องมีภาระในการลงทุนมากขึ้นก็ตาม เมื่อทิศทางสังคมญี่ปุ่นมีแนวโน้มเปลี่ยนไปเช่นนี้ ผู้ประกอบการไทยที่สนใจตลาดญี่ปุ่นและภาครัฐที่เกี่ยวข้องจำต้องเร่งปรับตัวเช่นกันเพื่อรักษายอดขายหรือขยายตลาดการส่งออกมายังญี่ปุ่นโดยสิ่งที่ควรพิจารณาดำเนินการมี ดังนี้
1. การปรับกระบวนการผลิต รูปแบบผลิตภัณฑ์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรจุภัณฑ์ ให้สอดคล้องต่อกระแสการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
2. การแสวงหาโอกาสจากภาระการลดก๊าซเรือนกระจกโดยการขาย Carbon Credit แก่ญี่ปุ่น
3. การจูงใจและส่งเสริมให้ญี่ปุ่นไปตั้งโรงงานหรือร่วมทุนผลิตสินค้าที่รองรับต่อ Green Society ยังประเทศไทย เนื่องจากเป็นสินค้าที่ตลาดขยายตัวสูงตามนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นและกระแสรักษ์โลก
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโตเกีย
ที่มา: http://www.depthai.go.th