ข้อมูลสำรวจตลาดไข่ในฮ่องกง

การนำเข้าไข่ของฮ่องกงส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าเพื่อบริโภคภายใน เนื่องจากการจำกัด ในพื้นที่ และตั้งอยู่บนเกาะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการสร้างเพื่อที่อยู่อาศัย และดำเนินธุรกิจ ทำให้ไม่มีพื้นที่เพียงพอในการทำการเกษตรกรรม

ในปี 2552 ฮ่องกงนำเข้าไข่และผลิตภัณฑ์ทั้งหมด(ระหัส SITC 02) มีมูลค่า 713 ล้านเหรียญฮ่องกง ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 โดยแหล่งนำเข้าหลัก ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ (+33.7%) จีน (-17.6%) ไอร์แลนด์(+347.1%) ญี่ปุ่น(+293.1%) ออสเตรเลีย(-8.9%) นิวซีแลนด์(-12.7%) สหรัฐอเมริกา (-7.0%) ไทย(-1.3%) ตามลำดับ

ทั้งนี้ เป็นการนำเข้าไข่ทั้งเปลือก สด ดองหรือปรุงแต่ง(SITC 02510) มูลค่า 120 ล้านเหรียญสหรัฐ อัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 แหล่งนำเข้าหลัก ได้แก่ จีน(-2.5%) สหรัฐอเมริกา(+32.8%) ไทย(-5.2%) เวียดนาม(+18.3%) เยอรมนี(+18.7%) ญี่ปุ่น(+54.2%) ตามลำดับ

ฮ่องกงนำเข้าไข่ ได้แก่ ไข่ไก่สด ไข่เป็ด(ไข่เค็ม ไข่เยี่ยวม้า) ไข่นกกระทา ไข่แดง โดยส่วนหนึ่งนำเข้าเพื่อการแปรรูปในการผลิตอาหารได้แก่ โรงงานผลิตขนมปัง ขนมเค้ก คุกกี้ ขนมไหว้พระจันทร์ และภัตตาคาร/ร้านอาหาร

จีนเป็นแหล่งนำเข้าสำคัญอันดับหนึ่ง แม้จีนในช่วงปีที่ผ่านมาจะเกิดการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในสัตว์ปีก แต่เมื่อภาวะปกติ ชาวฮ่องกงก็ยังบริโภคไข่ที่นำเข้าจากจีน

ผู้นำเข้าฮ่องกง ให้เหตุผลในการนำเข้าไข่จากจีน เนื่องจากราคาถูกกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ แม้ว่าขนาดของไข่ไก่จีนไม่ใหญ่นัก แต่คุณสมบัติของเปลือกจะทนทานต่อแรงขนส่ง ณ ปัจจุบันราคาขายปลีกไข่ไก่จีนในตลาด เท่ากับ 1-1.5 เหรียญฮ่องกง หรือเท่ากับ 4-6 บาท ไข่เป็ด ใบละ 2 เหรียญฮ่องกง หรือเท่ากับ 8 บาท ส่วนไข่เค็มใบละ 1.6 เหรียญฮ่องกง หรือเท่ากับ 6.88 บาท

เมื่อเปรียบเทียบกับไข่ไก่สดจากไทย ชาวฮ่องกงถือว่ามีขนาดใกล้เคียง ราคาสูงกว่าเล็กน้อย(ขายปลีก ใบละ 1.8 - 2 เหรียญฮ่องกง เท่ากับ 7.7 — 8 บาท)

การนำเข้าไข่จากไทย(SITC 02510) มีอัตราขยายเพิ่มขึ้น ระหว่างปี 2006 มูลค่า 8 ล้านเหรียญฮ่องกง (+112%) ปี 2007 มูลค่า 14 ล้านเหรียญฮ่องกง(65.5%) และ ปี 2008 มูลค่า 22 ล้านเหรียญฮ่องกง (+63.5%) และปรับลดลงในปี 2009 มูลค่า 21 ล้านเหรียญฮ่องกง(-5.2%) ไทยเป็นแหล่งนำเข้าลำดับที่ 3 ของฮ่องกง

ไข่ไก่สดจากไทยมายังฮ่องกง พบว่ามีเปลือกบาง สีไข่แดงไม่เข้ม ผู้นำเข้าบางรายให้ความเห็นว่า บางฟาร์มของไทยมีการให้อาหารสัตว์ที่มีส่วนผสมในการเร่งไข่แดงให้สีเข้ม

แม้ว่าไข่จากจีนจะมีส่วนแบ่งในตลาดฮ่องกงค่อนข้างสูง แต่ผู้บริโภคฮ่องกงค่อนข้างใส่ใจในสุขภาพและมีความอ่อนไหวต่อคุณภาพความปลอดภัยในการผลิตไข่จากจีน ดังจะสังเกตุได้ว่าเมื่อมีข่าวไข่ปลอมระบาดในจีน จะทำให้ไข่จากจีนเหลือทิ้งบนชั้นเป็นจำนวนมาก และเป็นโอกาสของไข่จากประเทศอื่น ซึ่งผู้บริโภคมั่นใจมากกว่า เช่น เนเธอแลนด์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และไทย เป็นต้น

ผู้นำเข้ากล่าวว่า ไข่ไก่ไทยยังมีศักยภาพสำหรับตลาดฮ่องกง สังเกตได้จากการวางขายตามท้องตลาด ห้างซุปเปอร์มาเก็ต ภัตตาคาร/โรงแรม ที่นำไข่มาทำอาหาร แต่ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการกระตุ้น และขยายตลาด หน่วยราชการ/ ฟาร์มหรือผู้ส่งออกไทยน่าจะศึกษา ส่งเสริม การพัฒนา ในด้านสุขอนามัย การบรรจุภัณฑ์ ขนาดและราคา เพื่อให้สามารถแข่งขันกับนานาประเทศอื่นๆ ได้ โดยเฉพาะ เวียดนาม ที่ส่งออกไข่มาตลาดฮ่องกงเป็นอันดับต้น เนื่องจากคุณภาพของไข่แดงที่มีสีเข้มข้นและขนาดใหญ่

อีกช่องทางการจำหน่าย คือการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหารในฮ่องกง เช่น งาน HOFEX 2011(จัดปีเว้นปี) เนื่องจากฮ่องกงเป็นศูนย์กลางและแหล่ง sourcing ที่มีจำนวนผู้ร่วมงานและเยี่ยมชมงานจากนานาประเทศ

ณ วันนี้ ยังไม่มีกฎระเบียบควบคุมการนำเข้าไข่(Poultry Egg) ทั้งนี้ หน่วยงาน Food and Environmental Hygiene Department กำลังกำหนดการควบคุมบังคับการนำเข้าไข่ของสัตว์ปีก ที่จะมีผลบังคับใช้ในเร็วนี้ โดยมีข้อกำหนดเบื้องต้น ดังนี้

• ผู้นำเข้าฮ่องกงจะต้องลงทะเบียนกับ Centre for Food Safety
• สินค้าไข่ ที่นำเข้านั้นจะต้องมี Health Certificate ที่ออกโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบทางด้านสาธารณสุขของประเทศที่ส่งออกนั้นๆ ประกอบ
• ผู้นำเข้า/ผู้ส่งออก สามารถสอบถามรายละเอียดได้โดยตรงกับหน่วยงาน Food and Environmental Hygiene Department ที่โทรศัพท์ (852) 2156 3040

ไข่ที่ขายตามท้องตลาดจะแกะจากกล่องและขายปลีกเป็นใบๆ สำหรับตามห้าง/ซุปเปอร์มาเก็ต บรรจุในกล่องกระดาษ หรือกล่องพาสติกใส ที่กล่องจะระบุแหล่งที่มา(ประเทศ) วันผลิต ขนาด(เล็ก กลาง ใหญ่)

ที่มา: http://www.depthai.go.th