เศรษฐกิจอินเดียแข็กโป้กคาดโตเกิน 8%

ข่าวเศรษฐกิจ Monday February 15, 2010 14:54 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(IIP)ของอินเดียพุ่งไม่หยุดจะส่งผลให้เศรษฐกิจปี 2553 ขยายตัวเกิน 8% เปิดโอกาสให้สินค้าไทยเจาะตลาดได้ดีขึ้น

นายไพศาล มะระพฤกษ์วรรณ ผอ. สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ เมืองเจนไน เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอินเดียได้เริ่มฉายแววสดใสมาตั้งแต่เดือน มิถุนายน 2552 เมื่อดัชนีเริ่มปรับตัวสูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2551 อย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนธันวาคม 2552 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมพุ่งสูงถึง 16.8% ซึ่งสูงกว่าประมาณการที่เคยคาดการณ์ไว้เพียง 13% จะส่งผลให้จีดีพีของอินเดียปี 2552 ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 7.2% ทั้งนี้หากแนวโน้มยังไม่เปลี่ยนแปลงก็คาดว่า ปี 2553 เศรษฐกิจอินเดียจะโตเกิน 8% อย่างแน่นอน

สำหรับองค์ประกอบการขยายตัวของดัชนี IIP ของเดือน ธ.ค. 2552 พบว่า ผลผลิตหมวดสินค้าทุน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของการลงทุนมีการขยายตัวถึง 38.8% (6.6% ในปี 2551) ขณะที่ผลผลิตหมวดสินค้าขั้นกลางก็ขยายตัวสูงเช่นกันที่ระดับ 21.7 % ( ติดลบ 8.9% ในปี 2551) ผลผลิตหมวดสินค้าบริโภคขยายตัวที่ 7.5% (2% ในปี 2551) ผลผลิตของสินค้าคงทนขยายตัวที่ 3.7 % (3.2% ในปี 2551)

นอกจากนั้น เมื่อพิจารณาผลผลิตรายสาขา ก็พบว่ามีการขยายตัวที่สูงทั้งสิ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เช่น ภาคอุตสหกรรม 18.5% ภาคเหมืองแร่ 9.5% ภาคการผลิตไฟฟ้า 5.4% เป็นต้น

        ภาคอุตสหกรรม                     ภาคเหมืองแร่                ภาคการผลิตไฟฟ้า
   ธ.ค.2009     ธ.ค.2008         ธ.ค.2009     ธ.ค.2008      ธ.ค.2009      ธ.ค.2008
    18.50%       -0.60%           9.50%         2.20%         5.40%         1.60%

“นับเป็นข่าวดีที่เศรษฐกิจอินเดียเริ่มปรับตัวเข้าสู่ภาวะปรกติ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกไปอินเดีย ทั้งนี้ก่อนวิกฤติเศรษฐกิจโลก ไทยส่งออกไปอินเดียขยายตัวถึงปีละ 35% นอกจากนั้น ในปีนี้ FTA อาเซียน-อินเดียได้เริ่มมีผลบังคับใช้แล้ว จะส่งผลให้สินค้าไทยแข่งขันได้ดีขึ้นในตลาดอินเดีย โดยสินค้าที่คาดว่าจะส่งออกได้มากขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน เนื่องจากสินค้าที่ผลิตในอินเดียมีราคาแพงมาก สินค้ากลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มแรกๆ ที่จะทะลักเข้าอินเดีย นอกจากนั้นก็จะเป็น ชิ้นส่วนยานยนต์ (เช่น ซูซูกิ โตโยตา ฮอนดา ฮุนได บิเอ็มดับบลิว และนิสสัน) เคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนรองเท้า เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอางค์ อัญมณีและเครื่องประดับ ทองรูปพรรณ ผลิตภัณฑ์ยาง ด้ายและเส้นใยสังเคราะห์ และเฟอร์นิเจอร์ ก็จะมีลู่ทางที่แจ่มใสเช่นกันในตลาดนี้” นายไพศาล กล่าวในตอนท้าย

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ