เมื่อเดือนมกราคม 2553 บริษัท Wal-Mart Stores Inc. ได้ประกาศอย่างเป็นทางการถึงแผนการที่จะเปลี่ยนโยบายการแสวงหาสินค้าจากทั่วโลกเพื่อนำเข้าไปวางจำหน่ายในร้านค้าของบริษัทฯทั่วโลก นโยบายใหม่ที่จะนำมาใช้มีเป้าหมายหลักเพื่อ
1. เพิ่มการแสวงหาสินค้าโดยตรงกับโรงงานผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสินค้าที่เป็นยี่ห้อของบริษัทฯ ปัจจุบันมูลค่าการซื้อสินค้าที่เป็นยี่ห้อของบริษัทฯอยู่ที่ประมาณ 100 พันล้านเหรียญฯต่อปี
2. ลดค่าใช้จ่ายในการแสวงหา/จัดส่งสินค้า บริษัทฯคาดว่าการเปลี่ยนกลยุทธการแสวงหาสินค้าจากทั่วโลกในครั้งนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ให้แก่บริษัทฯได้ประมาณ 4 — 12 พันล้านเหรียญฯในระยะเวลา 5 ปี
3. เพิ่มความรวดเร็วในการได้สินค้ามาวางตลาด
4. พัฒนาคุณภาพของสินค้า
5. ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าได้ในราคาที่ถูกมากยิ่งขึ้น
1. ลด/ตัดระบบการใช้คนกลางทั้งที่เป็น middleman และ third party ออกไปจาก supply chain
2. รวมการดำเนินงานด้านการแสวงหาสินค้าจากทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกันทั้งที่เป็นสินค้าทั่วไปและสินค้าอาหาร โดยบริษัทฯวางแผนจะจัดตั้งศูนย์สินค้าขึ้นมาใหม่ — New Global Merchandising Centers สี่แห่งทั่วโลกทำหน้าที่ติดต่อกับผู้ผลิตในพื้นที่ ปัจจุบันบริษัทฯมี Global Procurement Office อยู่ 9 เมืองใน 8 ประเทศ (บังคลาเทศ ดูไบ อินเดีย อินโดนิเซีย อิตาลี เกาหลี ปากีสถาน จีน)
3. ผสมผสานการจัดหาสินค้านำเข้าทั้งโดยตรงและโดยอ้อมเข้าไว้ด้วยกัน ปัจจุบันบริษัทฯสั่งซื้อสินค้าโดยตรงจากโรงงานผลิตเพียงร้อยละ 20 ของการจัดซื้อรวมทั้งสิ้น นโยบายใหม่นี้คาดว่าบริษัทฯจะซื้อสินค้าโดยตรงจากโรงงานผลิตเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 80 ของการจัดซื้อรวมทั้งสิ้น
4. จัดทำกลยุทธที่เป็นการร่วมมืออย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นกับบริษัท Li & Fung
(ก) Li & Fung จัดตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่หนึ่งบริษัทเพื่อบริหารการทำธุรกิจของบริษัท Wal-Mart Stores Inc. โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นเสมือนตัวแทนซื้อ — buying agent ให้แก่ Wal-Mart Stores Inc. มีการประมาณการณ์มูลค่าการซื้อในปีแรกว่าจะเท่ากับ 2 พันล้านเหรียญฯ
(ข) Wal-Mart Stores Inc. และ Li & Fung ทำสัญญาร่วมมือกันที่เน้นผลประโยชน์ที่ Wal-Mart Stores Inc. จะได้รับจากการรวมกิจกรรมการแสวงหาสินค้าเข้าด้วยกันแต่ไม่รวมข้อผูกมัดถึงปริมาณสินค้าหรือการจัดส่งสินค้า
สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมือง Bentonville รัฐ Arkansas เป็นบริษัทส่วนบุคคลที่ใหญ่ที่สุดบริษัทหนึ่งของสหรัฐฯ เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีร้านค้าปลีกทั่วโลกประมาณ 8,421 แห่ง (ในสหรัฐฯ ประมาณ 4,312 แห่ง ใน 15 ประเทศนอกเหนือจากสหรัฐฯ ประมาณ 4,109 แห่ง) ธุรกิจเหล่านี้อยู่ภายใต้ชื่อต่างๆ กัน คือ
1. ร้านค้าปลีกที่มีพื้นที่ประมาณ 107,000 ตารางฟุตจะเป็น Walmart Discount Stores (เฉพาะในสหรัฐฯมีจำนวน 803 ร้าน)
2. ร้านค้าปลีกที่มีพื้นที่ประมาณ 187,000 ตารางฟุตจะเป็น Walmart Supercenters (เฉพาะในสหรัฐฯมีจำนวน 2,476 ร้าน)
3. ร้านค้าปลีกที่มีพื้นที่ประมาณ 42,000 ตารางฟุตจะเป็น Neighborhood Markets(เฉพาะในสหรัฐฯมีจำนวน 152 ร้าน)
4. ร้านค้าปลีกและค้าส่งที่มีพื้นที่ประมาณ 132,000 ตารางฟุตจะเป็น Sam’s Club (เฉพาะในสหรัฐฯมีจำนวน 605 ร้าน)
5. ร้านค้าปลีกที่เรียกว่า Marketside มีอยู่ 4 ร้านทั่วสหรัฐฯ
6. ร้านค้าปลีกที่เรียกว่า Supermerdaco มีอยู่ 2 ร้านทั่วสหรัฐฯ
เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ 2009 (ปีงบประมาณเริ่มเดือนกุมภาพันธ์ สิ้นสุดเดือนมกราคม) บริษัทฯ มียอดขายประมาณ 401 พันล้านเหรียญฯสูงกว่าปีงบประมาณก่อนหน้านี้ร้อยละ 7.2 ยอดขายในไตรมาสที่สามของปีงบประมาณ 2010 เท่ากับ 98.667 พันล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อน หน้านี้ร้อยละ 1.1
สรุปเงื่อนไขพื้นฐานที่ suppliers ของ Wal-Mart Stores Inc. จำเป็นต้องกระทำ (หมายเหตุ: เงื่อนไขบางประการอาจจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อบริษัทฯเข้าสู่ระบบใหม่ของการแสวงหาสินค้า)
1. มาตรฐานที่ suppliers และโรงงานผลิต ต้องมี
ก. ต้องปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศ/ท้องถิ่นในทุกเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของกฎหมายแรงงาน กฎหมายการเข้าเมือง กฎหมายความปลอดภัย สิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
ข. การจ้างงานที่เป็นความเต็มใจของผู้รับจ้างและเป็นไปตามกฎหมายแรงงานของประเทศ/ท้องถิ่น ต้องไม่มีแรงงานเด็ก แรงงานทาส ไม่มีการ กดขี่แรงงานในเรื่องของวันทำงาน สิทธิพื้นฐานของลูกจ้าง ค่าจ้าง และการเลิกจ้างงาน
ค. ลูกจ้างต้องมีอิสระเสรีที่จะเลือกการเข้าเป็นสมาชิกสหพันธ์แรงงาน/การค้าใดๆ
ง. จัดหาสถานที่ทำงานที่ปลอดภัยในการทำงานและปลอดภัยต่อสุขภาพให้กับลูกจ้าง
จ. โรงงานผลิตจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ต้องไม่ทำการใดๆที่จะเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม
ฉ. ไม่ติดสินบน ให้ของขวัญ ให้เงิน หรือเสนอความบันเทิงใดๆให้แก่เจ้าหน้าที่ของ Wal-Mart Stores Inc.
ช. ไม่ทำการใดๆที่เป็นการคอร์รัปชั่น ไม่ว่ากับภาครัฐหรือภาคเอกชนอื่นๆไม่ว่าจะในประเทศของตนหรือนอกประเทศของตน
ซ. ต้องมี/เก็บบันทึกต่างๆที่ถูกต้องที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจกับ Wal-Mart Stores ที่เป็นระบบบัญชีที่เป็นมาตรฐานสากล เช่น General Accepted Accounting Principles (GAAP) หรือ International Financial Reporting Standards (IFRS)
2. ต้องมี Import Supplier Number ติดต่อขอได้จาก Global Procurement Office ปัจจุบันคือสำนักงานที่ตั้งในประเทศต่างๆ 8 ประเทศที่ระบุไว้แล้วข้างต้น เมื่อนโยบายใหม่ถูกจัดตั้งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ขอ)
3. ต้องทำสัญญากับ Wal-Mart Stores Inc. ที่จะกำหนดเงื่อนไขและข้อเรียกร้องต่างๆด้านการเงินการลดราคาสินค้า การประกันสินค้า การหักเงินสินค้าที่ผลิตไม่ดีหรือที่ถูกส่งคืน ค่าใช้จ่ายเรื่องโกดังเก็บสินค้า การส่งสินค้าช้า เป็นต้น
4. ต้องเข้าร่วมในระบบ Retail Link ที่บริษัทฯจัดทำขึ้นเพื่อให้ supplier สามารถวางแผนวิเคราะห์ และดำเนินธุรกิจกับ Wal-Mart Stores Inc. ได้
5. ต้องจัดทำระบบการจัดส่งและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ Wal-Mart Stores Inc. ผ่านทาง Electronic Data Interchange (EDI)
6. ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในเรื่อง lead-time ในการจัดส่งสินค้า
7. ส่งสินค้าตรงเวลา และในราคาที่เหมาะสม
8. การประกันคุณภาพโดยมีการทดสอบสินค้าเป็นอย่างดีก่อนเสนอขายให้แก่บริษัทฯ
9. Wal-Mart Stores Inc. จะทำธุรกิจกับเฉพาะกับผู้ที่เป็นมืออาชีพที่มีความรู้ในสินค้าที่จะขายให้แก่บริษัทฯอย่างแท้จริง
10. การขนส่งสินค้าให้แก่บริษัทฯกระทำในเงื่อนไขที่เรียกว่า collect-payment และขนส่งจาก Suppliers ไปยังศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทฯตามที่ถูกกำหนดให้
11. สินค้าที่ส่งให้แก่บริษัทฯจะต้องผ่านการติด Security Source Tagging ที่เป็นฉลากที่เรียกว่า Electronic Article Surveillance (EAS) มาแล้วงจากโรงงานผลิต หรือโดยผู้บรรจุสินค้า หรือผู้กระจายสินค้า
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นครลอสแอนเจลิส
ที่มา: http://www.depthai.go.th