สถานการณ์ตลาดสินค้ากระดาษในอิตาลี

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 16, 2010 17:14 —กรมส่งเสริมการส่งออก

อิตาลีเป็นประเทศผู้ผลิตสินค้ากระดาษสำคัญอันดับ 4 ในสหภาพยุโรปที่มีมูลค่าการค้ากว่าปีละ 7,000 ล้านยูโร อย่างไรก็ดี ผลจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกทำให้ตลาดของสินค้ากระดาษในอิตาลีได้รับผลกระทบทางลบค่อนข้างมาก ความต้องการทั้งในตลาดอิตาลีและตลาดต่างประเทศลดลง และส่งผลต่อเนื่องถึงอุตสาหกรรมเกี่ยวข้อง ได้แก่ อุตสาหกรรมการพิมพ์และอุตสาหกรรม เครื่องจักรที่ใช้ในการพิมพ์ด้วยเช่นกัน

1. โครงสร้างตลาด
  • ข้อมูลล่าสุดปรากฏว่าในปี 2551 อุตสาหกรรมกระดาษในอิตาลีประกอบด้วยผู้ประกอบการจำนวน 139 บริษัท (ลดลงจากปี2550 ร้อยละ —27) มีจำนวนโรงงานทั้งสิ้น 180 แห่ง (ลดลงจากปี 2550 ร้อยละ -3.2) และมีจำนวนคนงานทั้งสิ้น 21,800 คน (ลดลงจากปี 2550 ร้อยละ -3.9) รายละเอียดตามเอกสารแนบ 1
  • โครงสร้างตลาดกระดาษในอิตาลีแยกตามประเภทของกระดาษได้ 8 ประเภทหลักๆได้แก่ กระดาษและกระดาษอัดแผ่น (Paper /Paperboard waved) กระดาษที่ใช้ในด้านสุขอนามัย (Sanitary / hygienic use) กระดาษมันที่ใช้ด้านกราฟฟิค (glossy graphic use) กระดาษแบบธรรมดาที่ใช้ด้านกราฟฟิค (Natural graphic use ) กระดาษหนังสือพิมพ์ (Newspaper) กระดาษและกระดาษอัดแผ่นสาหรับการบรรจุภัณฑ์(paper /paperboard packing use) และกระดาษสาหรับกล่องต่างๆ (Paper for cases) ในปี 2551 ตลาดสินค้ากระดาษทุกตัวได้รับผลกระทบทางลบจากวิกฤตเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระดาษประเภทที่ใช้ด้านกราฟฟิค กระดาษที่ใช้ในด้านสุขอนามัยและกระดาษ/กระดาษอัดแผ่นสาหรับบรรจุภัณฑ์
2. การผลิต

ในปี 2551 อิตาลีผลิตสินค้ากระดาษและกระดาษอัดแผ่น (Paper & Paperboard) ปริมาณ 9.467 ล้านตัน (ลดลงจากปี 2550 ร้อยละ -6.4) มูลค่าการค้ารวม 7,145 ล้านยูโร (ลดลงจากปี 2550 ร้อยละ -6.7) และในช่วง 9 เดือนของปี 2552 การผลิตลดลงถึง -14.7 % มูลค่าการค้าลดลง -19 % และกาลังการผลิตลดลงเหลือ 70.3 %

แหล่งผลิตกระดาษที่สาคัญ ได้แก่ เขต CAPANNORI เมือง LUCCA แคว้นทัสคานี, เขต CITTA DI CASTELLO —SAN GIUSTINO เมือง เปรูจา (PERUGIA) แคว้นอุมเบรีย และเมืองเวโรนา แคว้นเวเนโต

อิตาลีมีต้นทุนการผลิตกระดาษค่อนข้างสูงโดยเฉพาะต้นทุนด้านพลังงานซึ่งมีสัดส่วนถึง 20-35% ของต้นทุนการผลิตรวมและสูงกว่าประเทศคู่แข่งในสหภาพยุโรปด้วยกันถึงร้อยละ 20 (สาหรับพลังงานก๊าซธรรมชาติ) และร้อยละ 30 (สำหรับพลังงานไฟฟ้า)

3. การบริโภค
  • ในปี 2551 มีปริมาณการบริโภคทั้งสิ้น 11.083 ล้านตัน (ลดลงจากปี 2550 ร้อยละ -7.8) มูลค่ารวม 7,469 ล้านยูโร
  • อุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องและใช้กระดาษเป็นวัตถุดิบ ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตกระดาษและกระดาษอัดแผ่น ( paper & paperboard) ร้อยละ 17.3 อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ (Publishing Industry) ร้อยละ 33.3 อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์,กระดาษแข็ง และอุตสาหกรรมการผลิตเกี่ยวข้อง(printing: Cardboard & Processing Industry) ร้อยละ 44.2 และอุตสาหกรรมเครื่องจักรสาหรับสิ่งพิมพ์และกระดาษแข็งร้อยละ 5.2 ทั้งนี้ ตลาดโดยรวมของอุตสาหกรรมต่อเนื่องข้างต้นค่อนข้างใหญ่โดยปี 51 มีมูลค่าการค้ารวมกันกว่า 42,000 ล้านยูโร การบริโภคกว่า 39,000 ล้านยูโรและจำนวนคนงานระหว่าง 250,000 — 600,000 คน
4. ช่องทางการจำหน่าย

ตลาดสินค้ากระดาษในอิตาลีมีช่องทางการจำหน่ายในหลายๆ ทางได้แก่ ผู้จัดจำหน่ายเครื่องเขียนและเครื่องใช้สานักงาน ร้านขายเครื่องเขียน ห้างซุปเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายหนังสือพิมพ์และแมกกาซีนและร้านจำหน่ายหนังสือต่างๆ

5. การนำเข้า

5.1 แม้อิตาลีจะเป็นประเทศผู้ผลิตสินค้ากระดาษรายสำคัญแต่ก็ยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศมากกว่าร้อยละ 40 ของการบริโภค ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตกระดาษ, กระดาษแข็งและเยื่อกระดาษ (Italian Association of paper, Cardboard & Pulp manufacturers — ASSOCARTA) ปรากฎว่าในปี 2551 อิตาลีมีการนำเข้ากระดาษจานวน 4.96 ล้านตันลดลงจากปี 2550 ร้อยละ -9.1 มูลค่าการนำเข้า 3,379 ล้านยูโร ลดลงจากปี 2550 ร้อยละ -8.5

ประเภทของกระดาษที่นาเข้าสาคัญ ได้แก่ กระดาษลอน (waved paper) กระดาษอัดแผ่น (paperboard) และกระดาษที่ใช้ในงานกราฟฟิค ส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปด้วยกัน โดย 5 อันดับแรกได้แก่ เยอรมัน ฝรั่งเศส สวีเดน ออสเตรีย และสเปน

5.2 การนำเข้าจากไทย ในช่วง 9 เดือนของปี 2552 อิตาลีนำเข้ากระดาษจากไทยมูลค่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ -16.89 โดยไทยครองตลาดเป็นอันดับที่ 40 สัดส่วนตลาด 0.06%

ประเทศคู่แข่งสาคัญของไทย ได้แก่ จีน (อันดับที่ 10 สัดส่วนตลาด 3%) อินโดนีเซีย (อันดับที่ 19 สัดส่วนตลาด 1.03%) เกาหลีใต้ (อันดับที่ 25 สัดส่วนตลาด 0.36%) และไต้หวัน (อันดับที่ 39 สัดส่วนตลาด 0.07%)

6. การส่งออก

อิตาลีมีการส่งออกกระดาษคิดเป็นร้อยละ 35.4 ของการผลิตรวม โดยข้อมูลจากสมาคม ASSOCARTA แจ้งว่าในปี 2551 อิตาลีส่งออกสินค้ากระดาษปริมาณ 3.350 ล้านตัน ลดลงจากปี 2550 ร้อยละ -5.9 มูลค่าการส่งออก 3,074 ล้านยูโร ลดลงจากปี 2550 ร้อยละ -5.6

ประเภทของกระดาษส่งออกที่สาคัญได้แก่ กระดาษชนิดมันที่ใช้ในกราฟฟิคและกระดาษที่ใช้เพื่อสุขอนามัย

ตลาดส่งออกสาคัญได้แก่ ประเทศในกลุ่มเมดิเตอร์เรเนียน (กรีซ, ตุรกี) อิเมริกาเหนือ รัสเซีย อินเดียและอิหร่าน

7. แนวโน้มตลาด

7.1 สมาคม ASSOCARTA ได้คาดการณ์ภาวะสินค้ากระดาษในปี 2553 ว่าในช่วงต้นปีภาวะการค้ายังค่อนข้างลำบากแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยของอิตาลีจะได้ผ่านพ้นไปแล้วก็ตามและคาดว่าจะเริ่มดีขึ้นได้ตั้งแต่มี.ค. 53 เป็นต้นไป ทั้งนี้ สมาคมฯได้คาดการณ์ ภาวะการผลิต การบริโภค การนำเข้าและการส่งออกแยกตามประเภทของกระดาษ ดังนี้

ประเภท                                   การผลิต      การบริโภค    การนำเข้า    การส่งออก
1. Paper /Paperboard waved                 29%          33%         27%         7%
2. Paper Sanitary / hygienic use           14%           7%          2%        24%
3. Paper glossy graphic use                24%          18%         18%        36%
4. Paper natural graphic use                7%          13%         19%         5%
5. Paper for newspaper                      2%           7%         12%         0%
6. Paper /paperboard packing use           11%          10%         11%        12%
7. Paper for cases                          7%           7%          9%        13%
8. Others                                   6%           5%          2%         3%

7.2 โดยที่ตลาดสินค้ากระดาษในอิตาลีค่อนข้างใหญ่ รวมทั้งมีอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ใช้กระดาษเป็นวัตถุดิบค่อนข้างกว้างขวาง โดยมีปริมาณการบริโภคเฉลี่ยต่อหัวปีละประมาณ 200 กิโลกรัม ดังนั้นปัญหาของการเกิดขยะจากกระดาษจึงเป็นปัญหาสาคัญทาให้รัฐบาลอิตาลีต้องพยายามบริหารจัดการการผลิตและการบริโภคให้ได้ประสิทธิภาพ โดยการรณรงค์ให้ประชาชนใช้กระดาษ Re-cycle และ Re-used นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเกี่ยวกับการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่จะต้องคำนึงถึง โดยปัจุบันผู้ผลิตสินค้ากระดาษทั้งในอิตาลีและสหภาพยุโรปได้หันมาใช้แนวทางการปฎิบัติแบบสมัครใจในการผลิตกระดาษโดยไม่ใช้ไม้ที่ตัดโดยผิดกฎหมาย เพื่อส่งเสริมและป้องกันรักษาป่าและสภาพแวดล้อมมากขึ้น นอกจากนี้ สหภาพยุโรปอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดทาระเบียบการค้าสินค้าไม้และสินค้าที่เกี่ยวข้อง (เช่น กระดาษ) เพื่อใช้บังคับเป็นกฎหมายซึ่งคาดว่าจะมีกำหนดกรอบร่างและคำจำกัดความผลได้ในปลายปี 2553

8. SWOT

Strength

ผู้ประกอบการไทยมีต้นทุนค่าแรงและวัตถุดิบค่อนข้างต่ำในขณะที่ต้นทุนของอิตาลีสูงกว่า

Weakness

1. ขาดนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ในด้านเครื่องจักรและการผลิต

2. ราคาสินค้าจากไทยจะสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่งในเอเซียด้วยกัน เนื่องจากต้นทุนค่าขนส่งที่สูงเพราะระยะทางไกล

3. ผู้ประกอบการไทยมักจะกาหนดปริมาณการซื้อขั้นต่ำไว้ค่อนข้างสูง ทำให้ผู้นำเข้าอิตาลีซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการ SME ไม่นิยมซื้อสินค้าเพราะต้องซื้อในปริมาณมากทำให้เกิดภาวะค่าใช้จ่ายในการสต๊อกสินค้า

Opportunities

1. สินค้าไทยเป็นที่ยอมรับและเชื่อถือในด้านคุณภาพ

2. ภาษีนาเข้า 0

Threat

1. ภาวะเศรษฐกิจอิตาลีเพิ่งเริ่มฟื้นตัวและเป็นไปอย่างช้าๆทาให้กาลังซื้อน้อยลง

2. รัฐบาลอิตาลีรณรงค์ให้มีการใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศแทนการนำเข้ารวมทั้งการนำกลับมาใช้ใหม่

9. ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ

9.1 ปัจจุบันปัญหาภาวะโลกร้อน ปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อมและสภาพอากาศทำให้ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มสหภาพยุโรปหันมาให้ความสนใจและรณรงค์ให้ประชาชนช่วยกันบริโภคสินค้าที่ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งอิตาลีก็เป็นประเทศหนึ่งที่รัฐบาลมีการรณรงค์ในเรื่องนี้เช่นกัน โดยเฉพาะสินค้ากระดาษซึ่งอิตาลีมีการบริโภคปีละกว่า 10 ล้านตัน ทาให้รัฐบาลอิตาลีรณรงค์ให้มีการนำสินค้ากลับมาใช้ใหม่( recycle & reused ) ผู้ประกอบการไทยจึงควรให้ความสนใจ ในการศึกษาและติดตามกฎระเบียบการนำเข้าที่เกี่ยวข้องและผลิตสินค้าที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องติดตามระเบียบใหม่ที่เกี่ยวกับการค้าสินค้าไม้และสินค้าเกี่ยวเนื่อง (เช่น กระดาษ)ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาจัดทาของสหภาพยุโรปเพื่อใช้บังคับเป็นกฎหมายในอนาคต

9.2 ผู้ประกอบการไทยควรมีการพัฒนาเครื่องจักรและเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการผลิตสินค้าให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยเฉพาะอิตาลีซึ่งเป็นประเทศผู้นำทั้งด้านเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตสิ่งพิมพ์และด้านดีไซน์

9.3 ผู้ประกอบการไทยควรมีความยืดหยุ่นในเรื่องปริมาณการสั่งซื้อสินค้าขั้นต่ำในแต่ละ lot เนื่องจากผู้ประกอบการอิตาลีส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการ SME และจะสั่งซื้อสินค้าคราวละจำนวนไม่มาก สินค้ากระดาษที่คาดว่ายังมีโอกาสค่อนข้างมากในการเข้าสู่ตลาดอิตาลีได้แก่ กระดาษประเภทใช้ในการตกแต่ง เช่น greeting cards, กระดาษห่อของขวัญ , กล่องกระดาษ ,ซองจดหมาย, Postcard และกระดาษเขียนจดหมาย กระดาษที่ใช้ตกแต่ง ประดับ กระดาษที่ใช้ด้านสุขอนามัย และกระดาษที่ใช้เขียนเป็นต้น

รายชื่อ ที่อยู่และรายละเอียดของสมาคมการค้าที่เกี่ยวข้องและผู้นำเข้าในอิตาลีตามเอกสารแนบ 2

สำนักส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโรม

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ