รายงานสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ การค้า สินค้าที่นาเข้าจากไทยในเขตที่ดูแล

สหราชอาณาจักร

• เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรหลุดพ้นจากภาวะถดถอย (recession) แล้ว สถิติการขยายตัวทางเศรษฐกิจในรอบ 3 เดือนสุดท้ายของปี 2552 มีอัตราการขยายตัวเป็นบวกที่ +0.1 % จากที่ติดลบต่อเนื่องกันมาถึง 18 เดือน โดยเป็นผลจากการขยายตัวของภาคบริการ (โรงแรม ร้านอาหาร และการจัดจาหน่าย) และภาคอุตสาหกรรมการผลิต อย่างไรก็ดี เป็นอัตราการขยายตัวที่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ สาหรับตัวเลข GDP ทั้งปีของปี 2552 ขยายตัวติดลบที่ 4.8%
• นอกจากนี้ สัญญาณอื่นที่ดีขึ้น ได้แก่ การว่างงานเริ่มมีเสถียรภาพดีขึ้นเมื่ออัตราการว่างงานในรอบสามเดือนสิ้นสุดเดือนพฤศจิกายน 2552 คงตัวในระดับเดียวกับไตรมาสก่อนหน้าที่ร้อยละ 7.8ส่วนจานวนผู้ว่างงานในไตรมาสนี้ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า 7,000 คน ทาให้มีจานวนผู้ว่างงานทั้งสิ้นลดลงเป็น 2.46 ล้านคน ซึ่งเป็นไตรมาสแรกที่จานวนผู้ว่างงานลดลง
• ในส่วนของอัตราเงินเฟ้อต่อปีของ CPI อยู่ที่ 2.9% ณ เดือนธันวาคม 2552 เพิ่มขึ้น 1.0% จากเดือนพฤศจิกายน 2552 ซึ่งเป็นการขยายตัวที่สูง ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วงเดือนธันวาคม 2551 มีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแบบไม่ปกติ คือ การปรับลด VAT จาก 17.5% เป็น 15% การลดลงของราคาน้ามันอย่างมาก การลดราคาสินค้าก่อนเทศการณ์คริสมาสเพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งทาให้ CPI ในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายนกับเดือนธันวาคม 2551 ลดลงมาก ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2552 ทาให้ตัวเลข CPI ในปี 2552 สูงขึ้นมาก
• อย่างไรก็ดี การขาดดุลงบประมาณยังคงเป็นปัญหาหลักของสหราชอาณาจักร โดย ณ เดือนธันวาคม 2552 รัฐบาลขาดดุลงบประมาณ 15.7 พันล้านปอนด์ ทาให้ยอดหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2552 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 870 พันล้านปอนด์ หรือคิดเป็นร้อยละ 61.7 ของ GDP อนึ่งรัฐบาลตระหนักถึงความสาคัญของการแก้ไขปัญหานี้ โดยได้รัฐบาลได้เสนอ Fiscal Responsibility Bill ให้รัฐสภาพิจารณาอยู่ในขณะนี้ โดยกาหนดเป็นกฎหมายให้รัฐบาลต้องมีการทาแผนเพื่อลดการขาดดุลการคลัง ดังนั้น ในการเลือกตั้งทั่วไป (general election) ที่จะมีขึ้น ในวันที่ 3 มิถุนายน 2553 ไม่ว่าจะเป็นพรรคใดที่ได้รับเลือกตั้ง ก็จะต้องดาเนินการตามกฎหมายดังกล่าว

สถานการณ์นำเข้าโดยรวม

• ในช่วง 11 เดือน (มกราคม-พฤศจิกายน)แรกของปี 2552สหราชอาณาจักรมียอดนำเข้าสินค้าจากทั่วโลกลดลงร้อยละ 26.43 มูลค่า 464,243.91 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีประเทศที่ สหราชอาณาจักรนาเข้า 5 อันดับแรก และอัตราการเปลี่ยนแปลงร้อยละ ตามลาดับ ดังนี้

(1) เยอรมนี (-30.26)

(2) สหรัฐอเมริกา (-)

(3) จีน (-16.04)

(4) ฝรั่งเศส (-29.64)

(5) เนเธอร์แลนด์ (-34.14)

(31) ไทย (-29.40)

• ในช่วง 12 เดือนแรกของปี 2552 สหราชอาณาจักรนาเข้าจากไทยลดลงร้อยละ 18.45 ด้วยมูลค่าการนาเข้า 3,237.10 ล้านเหรียญสหรัฐ

สินค้า 10 อันดับแรก ที่มีมูลค่าการนำเข้าลดลงอย่างมาก ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (-72.48%) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (-38.82%) อัญมณีและเครื่องประดับ (-26.28%) แผงวงจรไฟฟ้า (-17.36%) เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน (- 17.29%) รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ (-14.75%) เสื้อผ้าสาเร็จรูป (-11.32%) สาหรับไก่แปรรูป ซึ่งเป็นสินค้านาเข้าอันดับ 1 จากไทยนั้น มีอัตราการขยายตัวติดลบที่ 10.19% ในส่วนสินค้าที่มีอัตราการขยายตัวเป็นบวก อยู่ในกลุ่มอันดับ 10-20 ได้แก่ เครื่องสาอาง สบู่และผลิตภันฑ์รักษาผิว (+28.42%) เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ (+8.62%) รองเท้าและชิ้นส่วน (+9.76%) กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง (+17.69%)

• รัฐบาลคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจ สหราชอาณาจักรจะขยายตัวร้อยละ 1.25 ในปี 2553 และในปี 2554 จะขยายตัวร้อยละ 3.5 อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับประเทศมหาอานาจทางเศรษฐกิจอื่นๆ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรเป็นไปค่อนข้างช้าและมีความเปราะบางมาก เนื่องจากเป็นที่คาดว่า ในปี 2553 อัตราการว่างงานยังคงสูงอยู่ประมาณร้อยละ 7 หรือคิดเป็นจานวนผู้ว่างงานประมาณ 2.8-3.5 ล้านคน การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลงร้อยละ 3.5 การลงทุนในภาคธุรกิจยังไม่กระเตื้องขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย กอปรกับยังมีความเข้มงวดในการปล่อยสินชื่อของสถาบันการเงิน

1. ตลาดสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับกีฬา ของที่ระลึก และการเชื่อมโยงการส่งเสริมการขายสินค้าและบริการร่วมกับธุรกิจการกีฬา จากการที่สหราชอาณาจักรจะการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกในปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) ทาให้กระแสความนิยมเรื่องกีฬา และ จะทวีบทบาทในวงการธุรกิจทั้งในสหราชอาณาจักรและประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปมากขึ้น ดังนั้น น่าจะเป็นโอกาสที่จะเจาะตลาดสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับกีฬา ของที่ระลึก และการเชื่อมโยงการส่งเสริมการขายสินค้าและบริการร่วมกับธุรกิจการกีฬาน่าจะช่วยขยายตลาดการส่งออกได้อีกทางหนึ่ง

ปัจจุบันอาหารไทยและร้านอาหารไทยได้รับความนิยมเป็นลาดับต้นๆ ในสหราชอาณาจักร และยังมีโอกาสขยายช่องทางการตลาดอยู่มากในกลุ่มผู้บริโภคทุกระดับ สาหรับผู้บริโภคระดับล่าง-กลาง สินค้าอาหารประเภท Ready to Eat, ซอสปรุงรสและเครื่องแกง อาหารแปรรูปต่างๆ ที่สามารถนาไปปรุงได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และรับประทานได้ทันทีมีลู่ทางที่ดีมาก ในกลุ่มผู้บริโภคระดับบน สินค้าที่เน้นประโยชน์ด้านสุขภาพ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีลักษณะเป็นสินค้า Fair Trade เป็นกลุ่มที่น่าจะได้รับความนิยม รวมทั้งภาครัฐของไทยควรสนับสนุนให้เกิดการรวมตัวของผู้ประกอบธุรกิจไทยที่เกี่ยวข้องกับอาหารในสหราชอาณาจักรให้มากขึ้น เพื่อสร้าง supply chain และลดต้นทุนของผู้ประกอบการ ซึ่งจะเป็นเพิ่มช่องทางการส่งออกสินค้าอาหาร และส่งเสริมธุรกิจร้านอาหารไทยในการใช้วัตถุดิบจากประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี ตลาดสหภาพยุโรปรวมถึง สหราชอาณาจักรให้ความสาคัญกับความปลอดภัยในอาหาร (food safety)โดยมีกฎระเบียบที่เข้มงวดมาก พร้อมมีระบบการสอดส่องและแจ้งเตือนภัยที่รวดเร็ว หากพบสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัย ก็จะดาเนินการตามกฎหมาย ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้ประกอบการส่งออกของไทยต้องระลึกอยู่เสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาหากมีการตรวจพบ เช่นในกรณีที่เกิดขึ้นเร็วๆนี้ ที่มีการตรวจพบยาฆ่าแมลงตกค้างในผักสด (ถั่วฝักยาว มะเขือพวง มะเขือเปราะ คะน้า) นาเข้าจากไทยอย่างต่อเนื่อง ทาให้ถูกรวมอยู่ในกลุ่มสินค้า ‘high risk’ และสหภาพยุโรปมีการออกระเบียบกาหนดให้มีการตรวจสอบที่เข้มงวดมาก ทั้งนี้ หากสินค้าที่เป็นวัตถุดิบอาหารของไทยมีปัญหาการนาเข้า ก็จะกระทบต่อธุรกิจร้านอาหารไทยในสหภาพยุโรป

ควรเจาะขยายตลาดที่เป็น Niche Market ในกลุ่มสินค้าต่างๆ อาทิ เกษตรอินทรีย์ สินค้าและธุรกิจบริการเพื่อสุขภาพ อาทิ สปาและผลิตภัณฑ์สปา และสินค้า/บริการสาหรับผู้สูงอายุ

เพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการตลาดให้แก่สินค้า/บริการไทยที่มีแบรนด์ของตนเองในกลุ่มแฟชั่นแลไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะเร่งสื่อสารการตลาดภาพลักษณ์สินค้าไทย และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับห้างสรรพสินค้าระดับบน

ดำเนินการเผยแพร่และประชาสัมพันฺธ์ในตลาดต่างประเทศ และจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่เป็นรูปธรรมให้แก่ธุรกิจบริการใหม่ๆ อาทิ กลุ่ม Creative Business โดยเฉพาะกลุ่ม Printing, Software & Animation

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงลอนดอน

ที่มา: http://www.depthai.go.th