ภาพลักษณ์ทางด้านเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่คุ้นเคย คือ ประเทศอุตสาหกรรมที่มีความก้าวหน้าทางนวัตกรรม แต่ในปัจจุบัน ญี่ปุ่นซึ่งมีอัตราการพึ่งพาตนเองด้านอาหาร (Food Sufficiency Rate) เพียงร้อยละ 40 เริ่มมีการขยายการส่งออกและการลงทุนผลิตพืชผลทางการเกษตรยังต่างประเทศ โดยเริ่มจากการจับตลาดระดับบนในสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ
สาเหตุสำคัญที่ผู้ประกอบการภาคการเกษตรของญี่ปุ่นให้ความสนใจในตลาดต่างประเทศเกิดจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่หดตัวและการลดลงของประชากรในประเทศ ที่น่าสนใจ คือ สินค้าเกษตรที่ได้รับความนิยมในประเทศได้กลายเป็นสินค้าที่ตลาดต่างประเทศให้การตอบรับที่ดีเช่นกัน ที่เป็นเช่นนั้นเพราะสินค้าเหล่านี้มีคุณภาพและรสชาดที่ดีเลิศเมื่อเทียบกับสินค้าเกษตรชนิดเดียวกันที่วางจำหน่ายในท้องตลาด
ตัวอย่างความสำเร็จของผลิตภัณฑ์จากญี่ปุ่นที่ไปประสบความสำเร็จในการส่งออก เช่น มะเขือเทศซึ่งตลาดในประเทศมีการแข่งขันกันระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่กว่า 10 ราย ทำให้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้การพัฒนาพันธุ์เพื่อแข่งขันกันจนกระทั่งได้ผลิตผลที่มีคุณภาพดีกว่ามะเขือเทศที่ปลูกในประเทศอื่นๆ ทั้งนี้ ยอดส่งออกมะเขือเทศไปยังสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นกว่า 60 เท่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
นอกจากการส่งออกแล้ว ผู้ประกอบการญี่ปุ่น เช่น Ise Foods Inc. ยังไปตั้งฟาร์มเพาะเลี้ยงไก่ไข่ในสหรัฐฯ และสร้าง brand สินค้าจนกระทั่งประสบความสำเร็จ และมีแผนจะขยายการลงทุนไปยังจีนเพื่อจับตลาดระดับบนอีกด้วย นอกจากนี้ Hokuto Corp. ได้ไปตั้งฟาร์มเพื่อผลิตเห็ดขึ้นที่สหรัฐฯ และก็ประสบความสำเร็จในการทำตลาดด้วยเช่นกัน
ความสำเร็จในการส่งออกสินค้าเกษตรคุณภาพสูงดังกล่าวอาจเป็นแรงบันดาลใจให้ภาคเกษตรญี่ปุ่นซึ่งปัจจุบันมีผลผลิตโดยรวมต่อปีมูลค่า 8.47 ล้านล้านเยน ให้ความสนใจในการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่การส่งออกอยู่ในระดับ 243.7 พันล้านเยนต่อปี ทั้งนี้ สำนักงานฯ คาดหวังว่าตัวอย่างดังกล่าวอาจเป็นแรงผลักดันให้เกษตรกรไทยใส่ใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพเพื่อตลาดระดับบนอันจะนำมาซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว
ที่มา: http://www.depthai.go.th