วิกฤติเศรษฐกิจในปี 2009 ส่งผลกระทบต่อปัญหาการว่างงานไปทั่วโลกทำให้รัฐบาลประเทศต่างๆ รวมถึงมณฑลกานซูต้องปรับตัวโดยเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการบริหารใหม่ขึ้นมารับมือกับสภาวการณ์โลกที่เกิดขึ้น ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)เป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหาการว่างงานในสังคม แต่อัตรา SMEs ของมณฑลกานซูเมื่อเทียบกับมณฑลแถบชายฝั่งทะเลยังถือว่ายังต้องพัฒนาอีกมาก
คณะกรรมการสารสนเทศเศรษฐกิจมณฑลกานซู เผยว่า อัตรา SMEs ของมณฑลกานซูในประชากร 1 หมื่นคนมีเพียง 34 ราย แต่ที่ปักกิ่งมี 195 ราย เซี่ยงไฮ้ 280ราย เจ้อเจียง 500 ราย ทั้งประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ 83.3 รายในประชากร 1 หมื่นคน เห็นได้ว่ากานซูยังต้องพัฒนาอีกมาก เนื่องมาจากปัญหาในเรื่องการกู้เงินยาก ระดมทุนยาก เป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาธุรกิจSMEs ของมณฑล ยังผลให้กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม
การแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้น รัฐบาลมณฑลกานซูได้ตั้งกองทุนสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจSMEs ขึ้นโดยให้การสนับสนุนทั้งในด้านการเงิน เทคโนโลยี และการจัดการ พร้อมกับออกนโยบายลดภาษีกว่าร้อยละ 50 สำหรับธุรกิจที่มีการจ่ายภาษีไม่เกิน 3 หมื่นหยวน ลดการเก็บภาษีสังคมสำหรับธุรกิจรายเล็กในช่วงเริ่มต้นเป็นต้น ในส่วนด้านการเงิน จัดตั้งหน่วยงานสถิติและตรวจสอบด้านการเงินสำหรับ SMEs ขึ้นมาทำหน้าที่วิเคราะห์ให้คำปรึกษาด้านความเสี่ยงต่างๆ ในด้านการปล่อยกู้ก้จะเปิดเสรีมากขึ้น โดยการประชุมหารือแนวทางการจัดการในหน่วยงานค้ำประกันเปิดเครดิตในธุรกิจSMEs และการตั้งกองทุนช่วยเหลือการค้ำประกันความเสี่ยงขึ้น พร้อมกับตั้งศูนย์บ่มเพาะธุรกิจSMEsขึ้นให้ได้เขตละ 1-2 แห่งทั่วมณฑลกานซู
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครเฉิงตู
ที่มา: http://www.depthai.go.th