สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงเฮกขอรายงานภาวะการค้าระหว่างไทย-เบเนลักซ์ ในช่วง 12 เดือน (มกราคม - ธันวาคม) ปี 2552 ดังนี้
1. มูลค่าการค้ารวม ในช่วง 12 เดือน (มกราคม - ธันวาคม) 2552 มูลค่า 5,911.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ3 ลดลง ร้อยละ -25.68 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2551 (มูลค่า 7,954.0 ล้านเหรียญสหรัฐ)
1) การส่งออกของไทย - ในช่วงดังกล่าวมีมูลค่ารวม 4,481.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง ร้อยละ -23.67 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 (มูลค่ารวม 5,872.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
2) การนำสินค้าจากเบเนลักซ์ - ไทยนำมูลค่ารวม 1,429.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง ร้อยละ -31.32 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 (มูลค่ารวม 2,081.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
3) ดุลการค้า - ไทยได้เปรียบดุลการค้ากับเบเนลักซ์ในช่วง 12 เดือน ปี 2552 มูลค่ารวม 3,051.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไทยได้เปรียบดุลการค้าลดลงร้อยละ 19.47 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2551 มูลค่ารวม 3,790.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
ตารางที่ 1 : มูลค่าการค้าและดุลการค้าระหว่างไทย-เบเนลักซ์ และส่วนแบ่งการนำเข้าจากไทยของเบเนลักซ์ -เมื่อเทียบกับสหภาพยุโรป 27 ประเทศ ในช่วง 12 เดือน (มกราคม -ธันวาคม) ปี 2552 (มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เบเนลักซ์ สหภาพยุโรปหรืออียู ( 25 ) 2551 2552 % 2552 %share (ม.ค.-ธ.ค.)52 (ม.ค.-ธ.ค.) (ม.ค.-ธ.ค.) เพิ่ม/ลด (ม.ค.-ธ.ค.) เบเนลักซ์-อียู (27) การค้ารวม 7,954.0 5,911.3 -25.68 30,305.4 19.50 ไทยส่งออก 5,872.1 4,481.6 -23.67 18,154.5 24.68 ไทยนำเข้า 2,081.9 1,429.7 -31.32 12,150.9 11.76 ดุลการค้า 3,790.2 3,051.9 -19.47 6,003.6 50.83
เมื่อเทียบมูลค่าการค้ารวมไทย-เบเนลักซ์ ในช่วง 12 เดือน (มกราคม -ธันวาคม) ปี 2552 คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 19.50 ของมูลค่าการค้ารวมของไทย-สหภาพยุโรป (27) และไทยส่งออกไปเบเนลักซ์ คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 24.68 ของมูลค่าการส่งออกโดยรวมของไทย-สหภาพยุโรป และมูลค่าการนำเข้ารวมของไทยจากเบเนลักซ์รวม 1,429.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรืออัตราส่วนร้อยละ 11.76 ของการนำเข้ารวมของไทยจากสหภาพยุโรป
จะเห็นได้ว่าเบเนลักซ์เป็น Gateway ที่สำคัญที่สุดของสินค้าไทยสู่ทวีปยุโรปโดยรวม (ไม่เฉพาะ สหภาพยุโรป)5 ดังนั้นการที่สินค้าไทยเข้าเบเนลักซ์ได้ถือว่า สามารถเข้าสู่ยุโรปได้อย่างน้อยสหภาพยุโรป 27 ประเทศ ซึ่งมีนโยบาย Free Movement of Goods และจากสหภาพยุโรปก็สามารถเข้าสู่ยุโรปส่วนอื่น ได้ด้วยบริการ Logistic ที่มีศักยภาพของเนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม และลักเซมเบอร์ก6
2.1 สินค้าส่งออกในภาพรวม 5 รายการแรกได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และ ส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ แผงวงจรไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับ เสื้อผ้าสำเร็จรูป
ตารางที่ 2 : รายการสินค้าที่ไทยส่งออกไปเบเนลักซ์ 10 อันดับแรก ในช่วง 12 เดือน (มกราคม- ธันวาคม)ปี 2552 ลำดับ รายการสินค้า มูลค่า (ล้าน USD) อัตราการขยายตัว (ม.ค.-ธ.ค.) 52 ( % ) 1. เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 867.5 -36.70 2. เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ 382.2 1.24 3. แผงวงจรไฟฟ้า 363.8 -14.90 4. อัญมณีและเครื่องประดับ 295.8 -17.58 5. เสื้อผ้าสำเร็จรูป 180.4 -3.47 6. เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ 171.8 -6.88 7. ผลิตภัณฑ์ยาง 163.4 -18.42 8. ผลไม้กระป๋องและแปรรูป 131.1 8.88 9. เลนส์ 127.1 5.56 10. เคมีภัณฑ์ 108.6 -8.58
เพิ่มขึ้น - ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ (ร้อยละ 1.24) ผลไม้กระป๋องและแปรรูป (ร้อยละ 8.88) เลนส์ (ร้อยละ 127.1) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (ร้อยละ 27.70) สิ่งปรุงรสอาหาร (ร้อยละ 4.28)
ลดลง - ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (ร้อยละ -36.70) แผงวงจรไฟฟ้า (ร้อยละ -14.90) อัญมณีและเครื่องประดับ (ร้อยละ -17.58) เสื้อผ้าสำเร็จรูป (ร้อยละ -3.47) เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และ ส่วนประกอบ (ร้อยละ - 6.88)
ตารางที่ 3 รายการสินค้า 3 หมวดสำคัญที่ไทยส่งออก 5 อันดับแรก หมวด รายการสินค้า มูลค่า(ล้าน USD) อัตราการขยายตัว (ม.ค.-ธ.ค.) 52 ( % ) 1. แร่ธาตุและสินค้าเกษตร - ข้าว 96.0 -28.03 - กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง 42.0 36.36 - ยางพารา 37.8 -26.88 - ใบยาสูบ 19.7 -13.21 - ดีบุก 3.9 -84.33 2. อุตสาหกรรมการเกษตร - ผลไม้กระป๋องและแปรรูป 131.1 8.88 - ไก่แปรรูป 106.5 -29.18 - อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป 61.3 27.70 - เนื้อสัตว์และของปรุงแต่งที่ทำจากเนื้อสัตว์ 27.0 -15.62 - ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 18.9 -83.17 3. อุตสาหกรรม - เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 867.5 -36.70 - เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ 382.2 1.24 - แผงวงจรไฟฟ้า 363.8 -14.90 - อัญมณีและเครื่องประดับ 295.8 -17.58 - ผลิตภัณฑ์ยาง 163.4 -18.42
เพิ่มขึ้น - ได้แก่ กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง (ร้อยละ 36.36) สินค้าปศุสัตว์อื่น ๆ (ร้อยละ 350.0) เมล็ดผักและสปอร์ ที่ใช้สำหรับเพาะปลูก (ร้อยละ 128.94)
ลดลง - ได้แก่ ข้าว (ร้อยละ -28.03) ยางพารา (ร้อยละ -26.88) เนื้อปลาสดแช่เย็น แช่แข็ง (ร้อยละ -15.62) ดีบุก (ร้อยละ -84.33)
เพิ่มขึ้น - ได้แก่ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป (ร้อยละ 8.88) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (ร้อยละ 27.78) สิ่งปรุงรสอาหาร(ร้อยละ 4.28) อาหารสัตว์เลี้ยง (ร้อยละ 34.28)
ลดลง - ได้แก่ ไก่แปรรูป (ร้อยละ -29.18) เนื้อสัตว์และของปรุงแต่งที่ทำจากเนื้อสัตว์ (ร้อยละ -15.62) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (ร้อยละ -83.17) ผลิตภัณฑ์ข้าว (ร้อยละ -10.0)
เพิ่มขึ้น - ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ (ร้อยละ 1.24) เลนส์ (ร้อยละ 5.56) เครื่องโทรสาร โทรศัพท์และอุปกรณ์ (ร้อยละ 4.38) ส่วนประกอบอากาศยานและอุปกรณ์การบิน (ร้อยละ 94.59) เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ (ร้อยละ 23.43)
ลดลง - ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (ร้อยละ -36.70) แผงวงจรไฟฟ้า (ร้อยละ -14.90) อัญมณีและเครื่องประดับ (ร้อยละ -17.58) เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ (ร้อยละ -6.88) เสื้อผ้าสำเร็จรูป (ร้อยละ -3.47)
2.2 สินค้าที่ไทยนำเข้าจากเบเนลักซ์ในช่วง 12 เดือน (มกราคม - ธันวาคม) ปี 2552 มูลค่ารวม 1,429.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง ร้อยละ -31.32 เมื่อเทียบกับการนำเข้าในช่วงเดียวกันปี 2551 (มูลค่ารวม 2,081.9) สินค้านำเข้าที่สำคัญ 5 รายการแรกได้แก่ เคมีภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ รายละเอียดดังตารางที่ 5
ตารางที่ 4 : รายการสินค้าที่ไทยนำเข้าจากเบเนลักซ์ 10 อันดับแรก ในช่วง 12 เดือน (มกราคม- ธันวาคม)ปี 2552 ลำดับ รายการสินค้า มูลค่า (ล้าน USD) อัตราการขยายตัว (ม.ค.-ธ.ค.) 52 ( % ) 1. เคมีภัณฑ์ 215.3 -43.35 2. แผงวงจรไฟฟ้า 180.9 -12.98 3. เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 158.6 -29.76 4. เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ 136.8 -57.11 5. เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ 95.5 -47.23 6. ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม 84.3 -0.23 7. สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ 48.8 49.69 8. ผลิตภัณฑ์ทำจากพลาสติก 47.0 -35.17 9. กระดาษและผลิตภัณฑ์ 40.0 61.94 10. เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ 40.0 9.89
3.1 เบเนลักซ์เป็น Gateway ที่สำคัญที่สุดของสินค้าไทยสู่ทวีปยุโรป ไม่เฉพาะสหภาพยุโรปเท่านั้น ดังนั้น การที่สินค้าไทยเข้าเบเนลักซ์ได้ถือว่า สามารถเข้าสู่ยุโรปได้อย่างน้อยสหภาพยุโรป 27 ประเทศ ซึ่งมีนโยบาย Free Movement of Goods และสินค้าจากสหภาพยุโรปก็สามารถเข้าสู่ยุโรปส่วนอื่นได้ ด้วยบริการ Logistic ที่มีศักยภาพของเนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม และลักเซมเบอร์ก ทั้งผู้บริโภคมีการศึกษาสูง ฐานะและรสนิยมดี อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รายได้ประชากรต่อหัว 3 ประเทศในปี 2552 เฉลี่ยประมาณ 51,228 เหรียญสหรัฐ/ปี
3.2 ผู้ผลิตและส่งออกไทยควรปรับกลยุทธ์การผลิตและส่งออกสินค้าไทยดังต่อไปนี้ อย่างต่อเนื่อง และตลอดเวลา เพื่อรักษาสถานะให้เหนือประเทศคู่แข่งและสินค้าราคาถูก เช่น
1) การปรับปรุงและพัฒนาสินค้าให้ได้คุณภาพและมาตรฐาน
2) ให้ความสำคัญในด้านการวิจัยและพัฒนา (Research & Development)
3) ให้ความสำคัญในการฝึกอบรมบุคลากรด้านการค้าของไทย ให้มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถ ดำเนินการด้านการค้าระหว่างประเทศได้ และมีความเป็น Internationalisation เพื่อให้ไทยก้าวสู่ความเป็น Trading Nation ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
4) แนะนำสินค้าใหม่ ๆ พร้อมทั้งจดลิขสิทธิ์ให้ครอบคลุมอย่างทั่วถึง
5) หมั่นตรวจสอบตลาดและสถานะสินค้าจากประเทศคู่แข่ง เพื่อให้ทราบจุดเด่นและจุดด้อย ของสินค้าหรือที่เรียกว่า "รู้เขา รู้เรา" เพื่อที่จะได้ปรับแก้ไข
6) ติดตามกฎระเบียบ รูปแบบ แนวโน้ม ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องของประเทศผู้นำเข้าอย่างใกล้ชิด
7) การจัดทำประชาสัมพันธ์ในทุกรูปแบบอย่างครอบคลุมและต่อเนื่อง
8) การเยี่ยมชมงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศทั้งในและต่างประเทศเป็นการเพิ่มโอกาสใน การพบปะนักธุรกิจต่างประเทศ ได้ทราบข้อมูลสินค้าและการตลาดและเพิ่มพูน Vision
9) การพบปะนักธุรกิจต่างประเทศและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและยาวนาน มีความซื่อสัตย์ ตรงต่อเวลาต่อกันตลอดเวลา ซึ่งผู้นำเข้าหลายรายชื่นชมและไม่ต้องการเปลี่ยนคู่ค้าใหม่
10) ผลิตสินค้าโดยใช้วัตถุดิบ/วัสดุที่สะอาด ปลอดภัยถูกสุขอนามัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผู้ผลิตมีความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR หรือ Corporate Social Responsibility) ไม่เอาเปรียบแรงงาน ไม่ใช้แรงงานเด็ก มีความปลอดภัยในทุกขั้นตอนการผลิต ไม่ใช้สารเคมีต้องห้าม ลดภาวะโลกร้อน ใช้พลังงานทดแทน
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเฮก
ที่มา: http://www.depthai.go.th