“อิตาลี” ฟื้นตัว “ไทย” เตรียมจ่อดันอัญมณี

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 3, 2010 13:36 —กรมส่งเสริมการส่งออก

กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์คาดว่าในปี 2553 นี้เศรษฐกิจของประเทศอิตาลีกำลังฟื้นตัว ส่งผลให้ผู้บริโภคมีกำลังในการซื้อสินค้าเครื่องประดับอัญมณีเพิ่มสูงขึ้น เน้นผู้ประกอบการไทยให้ความสำคัญกับดีไซน์

นางศรีรีตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เผยว่าปัจจุบันชาวอิตาลีมีหันมานิยมสินค้าเครื่องประดับอัญมณีเพิ่มมากขึ้น หลังจากช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา อิตาลีเจอกับสภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอน คนส่วนใหญ่จึงบริโภคและใช้จ่ายอย่างประหยัด ทำให้สินค้าอัญมณีกลายเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยและไม่จำเป็น การบริโภคสินค้าเครื่องประดับอัญมณีในช่วงนั้นลดลงถึงร้อยละ 1.7 แต่ในปัจจุบันอิตาลีมีสภาวะเศรษฐกิจดีขึ้นทำให้ประชาชนมีกำลังที่จะซื้อสินค้าประเภทอัญมณีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉลี่ยต่อปีผู้บริโภคชาวอิตาลีควักเงินถึง 85 ยูโรเพื่อซื้อสินค้าเครื่องประดับอัญมณี

“ในปี 2552 ไทยมีมูลค่าการส่งออกมายังอิตาลีเพียง 1,314.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากปี 2551 ถึงร้อยละ 33.58 แต่ในปี 2553 นี้ เศรษฐกิจของทางอิตาลีกำลังฟื้นตัวคาดว่าผู้บริโภคจะมีกำลังในการซื้อสินค้าเครื่องประดับอัญมณีเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน โดยไทยติด 1 ใน 3 ประเทศคู่ค้าสำคัญของอิตาลี ซึ่งสินค้าเครื่องประดับอัญมณีที่เหมาะจะส่งออกไปยังอิตาลี ได้แก่ เหล็ก ทองแดง ไทเทเนียม ซึ่งส่วนมากมักจะมีชิ้นส่วนของ ทอง เงิน คริสตัล แก้ว ลูกปัด เปลือกหอยและอื่นๆ มาประกอบเพิ่มความน่าสนใจ เพราะผู้หญิงอิตาเลียนนิยมตามแฟชั่น จึงให้ความสำคัญกับดีไซน์มากกว่าวัสดุที่ใช้ โดยจำหน่ายผ่านทาง Independent specialist shops ซึ่งเป็นช่องทางการจำหน่ายหลักใน jewelry sector โดยมีร้านค้าประมาณร้อยละ 76 ได้แก่ jewellers, galleries, boutiques and bijouterie shops ในปี 2008 มี retail outlets ที่ขายเครื่องประดับอัญมณีประมาณ 8,300 แห่ง ประกอบไปด้วย jewelry chain stores และ single brand stores ได้แก่ Alfieri & St John ซึ่งเป็น chain ที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี (มีกว่า 600 outlets), Blue spirit (222 outlets), Bulgari(20 outlets), Calderoni Gioielli (19 outlets), Swarowski (foreign-owned), Claire’s accessories(foreign-owned) และ Brigitte (foreign-owned) โดยมีภาษีการนำเข้าสินค้า precious jewelry อยู่ระหว่างร้อยละ 2-2.5 และ costume jewelry ร้อยละ 4 โดยมีภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 20” นางศรีรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ