การค้าระหว่างประเทศของฟิลิปปินส์ เดือน พฤศจิกายน 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 4, 2010 15:44 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. การค้าระหว่างประเทศในเดือนมกราคม — พฤศจิกายน 2552 เปรียบเทียบกับปี 2551

                                       มูลค่า : พันล้านเหรียญสหรัฐ
                  ม.ค.-พ.ย.52     ม.ค. —พ.ย.51     % Change
   การค้ารวม          74.114           99.847         -25.77
   การส่งออก          35.003           46.402         -24.57
   การนำเข้า          39.111           53.445         -26.82
   ดุลการค้า           -4.108           -7.043         -41.67
1.1 ปริมาณการค้า

ปริมาณการค้ารวมเดือน มกราคม - พฤศจิกายน 2552 มีมูลค่า 74.114 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 25.77 จาก 99.847 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในระยะเดียวกันของปี 2551 โดยเป็นการส่งออก 35.003 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ นำเข้า 39.111 พันล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับเดือนพฤศจิกายน 2552 มีปริมาณการค้ารวม 7.318 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2551 ส่วนมูลค่าส่งออกและนำเข้าเดือนพฤศจิกายน 2552 เท่ากับ 3.692 และ 3.626 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ

1.2 การส่งออก

ในช่วงเดือนมกราคม — พฤศจิกายน 2552 ฟิลิปปินส์ส่งออกมูลค่า 35.003 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 24.57 จาก 46.402 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในระยะเดียวกันของปี 2551

สินค้าส่งออกที่สำคัญของฟิลิปปินส์ยังคงเป็นสินค้าอีเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีการส่งออกรวม 20.291 พันล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 57.97 ของมูลค่าส่งออกรวม) ลดลงจาก 27.165 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งส่งออกได้ในระยะเดียวกันของปี 2551 คิดเป็นร้อยละ 25.30 สำหรับการส่งออกในเดือนพฤศจิกายนนี้มีมูลค่าการส่งออก 3.692 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นยอดส่งออกสูงสุดของปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคมที่ผ่านมาร้อยละ 0.63 สินค้าอีเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักลดลงจากเดือนที่ผ่านมาเล็กน้อยประมาณร้อยละ 0.69 ส่วนเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งมีมูลค่าส่งออกมากเป็นลำดับสอง ส่งออกได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.26 แต่สินค้าในกลุ่มสินค้าเกษตรเดือนนี้ส่งออกได้ลดลงร้อยละ 32.44 เช่น น้ำมันมะพร้าวส่งออกลดลงร้อยละ 52.87 ผักและผลไม้ส่งออกลดลงร้อยละ 24.11 ตั้งแต่มกราคม - พฤศจิกายน 2552 ตลาดส่งออกสำคัญของฟิลิปปินส์ คือ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ และเยอรมันนี

1.3 การนำเข้า

ในช่วงเดือนมกราคม — พฤศจิกายน 2552 การนำเข้าของฟิลิปปินส์มีมูลค่า 39.111 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 26.82 จาก 53.445 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมา

สินค้านำเข้าอันดับหนึ่งคือ สินค้าอีเล็กทรอนิกส์ นำเข้ามูลค่า 13.997 พันล้านเหรียญสหรัฐ (มีสัดส่วนร้อยละ 35.79 ของการนำเข้ารวม) นำเข้าลดลงร้อยละ 25.90 จากปีที่ผ่านมาซึ่งนำเข้า 18.891 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลำดับที่สองได้แก่น้ำมันเชื้อเพลิง นำเข้ามูลค่า 6.578 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 43.94 จาก 11.735 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในเดือนพฤศจิกายนนี้มีการนำเข้า 3.626 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากเดือนตุลาคมที่ผ่านมาเล็กน้อยประมาณร้อยละ 4.77 โดยนำเข้าสินค้าอีเล็กทรอนิกส์ ลดลงในอัตราร้อยละ 14.78 แต่นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.72 ส่วนสินค้าข้าวยังคงนำเข้าลดลงร้อยละ 77.07 เนื่องจากเป็นช่วงเก็บเกี่ยวข้าว

1.4 ดุลการค้า

ตั้งแต่มกราคม — พฤศจิกายน 2552 ฟิลิปปินส์มีการนำเข้ามากกว่าการส่งออกทำให้มีการขาดดุล 4.108 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่ยังต่ำกว่าปีที่ผ่านมาที่ขาดดุล 7.043 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 41.67

1.5. ประเทศคู่ค้าสำคัญของฟิลิปปินส์

คู่ค้าที่สำคัญของฟิลิปปินส์ 5 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สาธารณรัฐประชาชนจีน สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดในอัตราส่วนร้อยละ 14.65, 14.24, 8.27, 7.53 และ5.90 ตามลำดับ สำหรับประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 9 โดยมีอัตราส่วนร้อยละ 4.48

2. การค้าระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์เปรียบเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมา
                                                     มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐ
                            ม.ค.— พ.ย.52     ม.ค.- พ.ย. 51      % Change
การค้ารวม                      4,370.80          5,456.20         -19.89
ไทยส่งออกไปฟิลิปปินส์              2,780.10          3,310.90         -16.03
ไทยนำเข้าจากฟิลิปปินส์             1,590.70          2,145.30         -25.85
ดุลการค้า                       1,189.40          1,165.60           2.04
2.1 ปริมาณการค้า

ปริมาณการค้าระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ในช่วงเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2552 มีมูลค่า 4,370.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 19.89 จาก 5,456.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ในระยะเดียวกันของปี 2551 โดยเป็นการส่งออก 2,780.1 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้า 1,590.7 ล้านเหรียญสหรัฐ

ในเดือนพฤศจิกายน 2552 มีปริมาณการค้ารวม 494.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.76 เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2551 ส่วนการส่งออกและนำเข้าเดือนนี้มีมูลค่า 302.4 และ 192.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ

2.2 การส่งออก

ในช่วงเดือนมกราคม — พฤศจิกายน 2552 ไทยส่งสินค้าออกไปฟิลิปปินส์เป็นมูลค่า 2,780.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 16.03 จาก 3,310.9 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2551 เมื่อเปรียบเทียบมูลค่าสินค้าไทยส่งไปฟิลิปปินส์กับมูลค่าที่ฟิลิปปินส์นำเข้าจากทุกประเทศ คิดเป็นร้อยละ 7.11

สินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกไปฟิลิปปินส์อันดับแรกได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มีมูลค่า 606.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 21.82 ของมูลค่าการส่งออกรวมจากไทยไปฟิลิปปินส์) เพิ่มขึ้นงจากระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 1.37 ซึ่งเป็นเดือนแรกของปี 2552 ที่มีมูลค่าเป็นบวก ลำดับที่สองคือ แผงวงจรไฟฟ้า มีมูลค่าส่งออก 271.0 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 9.75 ของมูลค่าการส่งออกรวม) ลดลงจากระยะเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 11.78 สำหรับสินค้าเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิวยังคงส่งออกได้ในอัตราที่เพิ่มขึ้น โดยเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาในอัตราร้อยละ 15.13

2.3 การนำเข้า

ในช่วงเดือนมกราคม — พฤศจิกายน 2552 ไทยนำเข้าจากฟิลิปปินส์มูลค่า 1,590.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากระยะเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งนำเข้ามูลค่า 2,145.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 25.85 มูลค่าที่ฟิลิปปินส์ส่งสินค้ามายังไทยคิดเป็นร้อยละ 4.54 ของมูลค่าส่งออกรวมของฟิลิปปินส์

สินค้านำเข้าจากฟิลิปปินส์ที่สำคัญอันดับแรกคือ แผงวงจรไฟฟ้ามีมูลค่า 290.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 18.28 ของมูลค่านำเข้ารวม) ลดลงจากระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งนำเข้ามูลค่า 383.7 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 24.21 ลำดับที่สองได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์รถยนต์ นำเข้าเป็นมูลค่า 192.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 12.10 ของมูลค่านำเข้ารวม) ลดลงจากระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งนำเข้ามูลค่า 265.1 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 27.40

2.4 ดุลการค้า

เนื่องจากไทยส่งออกไปฟิลิปปินส์มากกว่านำเข้าสินค้าจากฟิลิปปินส์ ในช่วงเดือนมกราคม — พฤศจิกายน 2552 ฟิลิปปินส์ขาดดุลการค้ากับไทยเป็นมูลค่า 1,189.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งขาดดุลสูงกว่าระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ขาดดุล 1,165.6 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 2.04

3. การคาดการณ์ภาวะการค้า

ในปี 2553 รัฐบาลฟิลิปปินส์คาดว่ามีความจำเป็นต้องนำเข้าสินค้าธัญพืช ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด และข้าวสาลีเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เพราะหลังจากผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหายจากพายุใต้ฝุ่น และต่อมาฟิลิปปินส์ก็ประสพภาวะภัยแล้งจากปรากฏการณ์เอลนิโน ส่งผลให้ผลผลิตที่ได้ไม่พอเพียงสำหรับการบริโภค National Food Authority (NFA) คาดว่าอาจจะต้องนำเข้าข้าวเพิ่มอีกประมาณ 800,000 เมตริกตัน หลังจากที่ประมูลรับซื้อไว้แล้ว 2.24 ล้านตัน นอกจากนี้ภาคเอกชนของฟิลิปปินส์ยังมีความต้องการนำเข้าข้าวโพดและมันสำปะหลังอีกด้วย ซึ่งจะเป็นโอกาสในการส่งออกของไทย สำหรับสินค้าที่ไทยมีศักยภาพในการส่งออกไปฟิลิปปินส์ได้เพิ่มขึ้น ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว และสิ่งปรุงรสอาหาร

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ