1.1 ประเภทของอัญมณีและเครื่องประดับ
- อัญมณี
- เครื่องประดับอัญมณีแท้ทำด้วยเงินและทอง
- เครื่องประดับเทียม
1.2 ผู้ประกอบการและจำนวนโรงงาน
ในเยอรมนีมีโรงงานอุตสาหกรรมอัญมณี เครื่องประดับแท้และเทียมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 77 ราย ในจำนวนนี้เป็นกิจการโรงงานเครื่องประดับเทียม 15 ราย นอกจากนี้ ยังมีการออกแบบเครื่องประดับและผลิตโดยเจ้าของกิจการร้านค้าปลีกเครื่องประดับอีกด้วย ปัจจุบันในเยอรมนีมีร้านค้าปลีกประเภทนี้กว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ
1.3 มูลค่าการผลิต
เครื่องประดับแท้และเทียมในเยอรมนีมีการผลิตเป็นมูลค่าโดยเฉลี่ยปีละ 582 และ 44 ล้านยูโร ตามลำดับ ในช่วง 6 เดือนแรกปี 2552 มีการผลิตเครื่องประดับแท้ มูลค่า 210.8 ล้านยูโร และเครื่องประดับเทียม 15.5 ล้านยูโร ลดลงร้อยละ 21.8 และ 22.1 ตามลำดับ
2.1 ในช่วง 10 เดือนแรกปี 2552 เยอรมนีนำเข้าสินค้ารายการนี้เป็นมูลค่า 9,486 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าลดลงร้อยละ 19.1
2.2 สินค้าที่นำเข้าส่วนใหญ่จะเป็นวัตถุดิบเพื่อการผลิตในประเทศ ได้แก่ ทองคำ แพลทินัม และเงิน มีสัดส่วนร้อยละ 30, 20 และ 5 ตามลำดับ แหล่งนำเข้าที่สำคัญๆ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ แอฟริกาใต้ สหรัฐและออสเตรีย เป็นต้น
ปี 2550 ปี 2551 ปี 2552 เพิ่ม/ลด % รวม 158.5 201.3 194.1 - 3.6 - เครื่องประดับแท้ทำด้วยเงิน 63.5 81.3 91.8 +15.9 - เครื่องประดับแท้ทำด้วยทอง 49.8 64.2 53.1 -17.3 - เครื่องประดับอัญมณีเทียม 8.4 9.6 10.0 +4.0 - ทองคำยังไม่ได้ขึ้นรูป 14.6 18.3 13.3 -27.4 - อัญมณีมีค่า (พลอย...) 8.1 7.5 9.3 +25.3 ที่มา กรมศุลกากรไทย หน่วย = ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2552 ไทยส่งออกสินค้ารายการนี้ไปเยอรมนีเป็นมูลค่า 194.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 3.6 โดยเครื่องประดับแท้ทำด้วยเงินมีมูลค่าการส่งออกสูงสุด เป็นมูลค่า 91.8 ล้านเหรียญสหรัฐ มีส่วนแบ่งในตลาดเยอรมนีเป็นอันดับแรกประมาณร้อยละ 30 แหล่งอื่นๆ ที่เยอรมนีนำเข้าจะเป็นจีน อิตาลี และอินเดีย มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 26, 6 และ 5 ตามลำดับ 4. สถานการณ์และแนวโน้ม ถึงแม้ว่าในปี 2552 ที่ผ่านมา การค้าปลีกในภาพรวมมีมูลค่าลดลงประมาณรอ้ ยละ 2.5 ก็ตาม แต่สำหรับเครื่องประดับที่ในช่วงปลายปี มีการซื้อขายกันมากเนื่องจากความไม่แน่นอนในตลาดที่อยู่อาศัย อสังหาริมทรัพย์ ผู้บริโภคจึงหันมาซื้อเครื่องประดับแทน ทำให้ตลาดเครื่องประดับยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีมูลค่ารวมในปีที่ผ่านมาประมาณ 810 ล้านยูโร ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้านี้ สินค้าที่ซื้อขายกันมากจะเป็น เครื่องประดับที่มีระดับราคาต่ำมีส่วนแบ่ง ร้อยละ 52 สินค้าในระดับราคาปานกลาง ร้อยละ 38 สินค้าที่มียี่ห้อ Brand name มีส่วนแบ่ง ร้อยละ 10 สำหรับแนวโน้มในปี 2553 นี้ จากการที่ตลาดแรงงานยังคงมีความมั่นคงดี รวมทั้งราคาของวัตถุดิบต่างๆ ที่มีแนวโน้มลดลงบ้าง จะช่วยให้ ตลาดเครื่องประดับในเยอรมนียังคงแจ่มใสและมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศฯ ณ กรุงเบอร์ลิน ที่มา: http://www.depthai.go.th