อินเดียเป็นตลาดทองคำใหญ่ที่สุดในโลก มีการบริโภคทองคำถึง 20% ของการบริโภคทั่วโลก ขณะที่ตลาดทองคำมีการเติบโตถึงปีละ 10% และคาดว่าในอีก 2 ปีข้างหน้าอินเดียจะบริโภคทองคำเพิ่มเป็น 25% ของการบริโภคทองคำทั่วโลก นับเป็นตลาดที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับผู้ส่งออกไทย ทั้งนี้ปัจจุบันเริ่มมีบริษัทไทยเข้าไปทำธุรกิจแล้วและประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง
คนอินเดียคลั่งไคล้อัญมณีและเครื่องประดับกันเป็นชีวิตจิตใจ สาวๆ ยังนิยมใส่ส่าหรีพร้อมด้วยกำไล แหวน สร้อยคอทองคำเสมอ สำหรับผู้ชายก็ไม่แพ้กัน บางคนสวมแหวนทองคำเกือบครบทุกนิ้ว พร้อมสายนาฬิกาทองคำแท้เหลืองอร่ามไปทั้งตัว ทำเอาอาเสี่ยเมืองไทยอายกันไปเลยทีเดียว ถ้าได้ดูหนังแขกจะเห็นนางเอกใส่เพชรใส่ทองกันวูบวาบทั้งตัว วันนี้เราจะไปสำรวจร้านทอง ร้านเพชรในอินเดียกันให้จุใจ
คนอินเดียไม่มีใครออกจากบ้านโดยไม่สวมใส่เครื่องประดับติดตัว เป็นวัฒนธรรมที่ไม่สามารถเปลี่ยนกันได้ง่ายๆจนถึงสหัสวรรษหน้า โดยเฉพาะทองคำจะนิยมกันเป็นพิเศษ อีกทั้งทองคำยังถือเป็นการลงทุนชนิดหนึ่งด้วย เนื่องจากซื้อง่ายขายคล่อง แม่บ้านอินเดียจึงนิยมทองคำมาก มักจะสะสมกันตั้งแต่วันแต่งงาน เจ้าสาวจะแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยทองและอัญมณีตั้งแต่หัวจรดเท้าแม้แต่นิ้วเท้าก็ไม่ละเว้น อย่างไรก็ตามเครื่องประดับเพชรยี่ห้อดังอย่างเช่น GRT, Joy Alukkas, Gili, Prince Jewellery ก็กำลังมาแรงด้วยกำลังแรงของการโหมโฆษณาอย่างดุเดือดสะท้อนให้เห็นกำลังซื้อของชาวโรตีที่สูงขึ้น การจับจ่ายทองคำในอินเดียมีสัดส่วนถึง 85% ของการจับจ่ายอัญมณีและเครื่องประดับทั้งหมด ส่วนเครื่องประดับเงินมีสัดส่วน 8% ขณะที่เพชรและพลอยสี เช่น ทับทิม และไพลิน มีสัดส่วน 4% และ 2% ตามลำดับ สำหรับแพรตตินัมมีสัดส่วน 1% แม้จะดูน้อยแต่ก็เป็น niche market ที่กำลังมาแรงในหัวเมืองใหญ่
ในภาพรวมความนิยมทองคำมีสูงในทุกภูมิภาคของอินเดีย ในภาคใต้อย่างรัฐทมิฬนาฑู เกเรลา และการ์นาตากะ ดูจะอาการหนักกว่าเพื่อนมีการบริโภคทองคำถึง 90% ของการบริโภคอัญมณีและเครื่องประดับในอินเดีย สำหรับแพรตตินัมกำลังมาแรงในภาคเหนือและภาคตะวันออก โดยเฉพาะกรุงนิวเดลีและโกลกัตตา ส่วนเครื่องประดับพลอยสีเป็นที่นิยมมากในภาคเหนือและภาคตะวันออก
การบริโภคอัญมณีและเครื่องประดับของคนอินเดียในภูมิภาคต่างๆ ของอินเดีย
ทั่วประเทศ เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก เครื่องประดับทอง 85 85 90 82 83 เครื่องประดับเงิน 8 8 7 9 11 เครื่องประดับเพชร 4 3 2 4 5 พลอยสี 2 2 1 4 1 แพลตตินัม 1 1 - 1 -
ทองคำยังคงเป็นที่นิยมอันดับ 1 ทั้งในกลุ่มคนรวย คนชั้นกลาง และคนชั้นล่าง ส่วนเพชรเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรวยและคนชั้นกลางเป็นหลัก
การบริโภคอัญมณีและเครื่องประดับของคนอินเดียในกลุ่มต่างๆ
รวมทุกกลุ่ม คนรวย คนชั้นกลาง คนชั้นล่าง เครื่องประดับทอง 85 85 85 87 เครื่องประดับเงิน 8 8 9 10 เครื่องประดับเพชร 4 5 4 2 พลอยสี 2 2 2 1 แพลตตินัม 1 1 1 -
เครื่องประดับทองเป็นที่นิยมในเมืองทุกขนาด โดยมีสัดส่วนราว 80% ขึ้นไป ตามมาด้วยพลอยสี 8% เป็นที่สังเกตว่าเมืองที่มีประชากร 1.5-3 ล้านคน 1-1.5 ล้านคน และ 5 หมื่น-2 แสนคนมีความนิยมเครื่องประดับพลอยสีในเกณฑ์ที่สูง
การบริโภคอัญมณีและเครื่องประดับของคนอินเดียแบ่งตามขนาดประชากรในเมืองต่างๆ
รวม 10 ล้านขึ้นไป 3-10 ล้าน 1.5-3 ล้าน 1-1.5 ล้าน 5 แสน-1 ล้าน 2-5 แสน 5หมื่น-2 แสน เครื่องประดับทอง 85 85 88 82 84 78 87 84 เครื่องประดับเงิน 4 5 2 2 3 14 3 1 เครื่องประดับเพชร 1 - - 1 1 4 1 - พลอยสี 8 7 9 15 12 3 8 15 แพลตตินัม 2 2 1 2 1 2 1 -
แต่ตัวเลขนี้ในความเป็นจริงอาจเป็นภาพลวงตาได้ เนื่องจากร้านทองส่วนใหญ่อยู่ในเขตเมือง ขณะที่ผู้ซื้อที่แท้จริงเป็นทั้งคนในเมืองและคนที่อยู่ในชนบทใกล้เมืองนั้น จากการศึกษาพบว่า 70% ของผู้บริโภคเครื่องประดับทองเป็นคนชนบท ดังนั้น หากต้องการจับตลาดใหญ่ก็ต้องศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคในชนบทเป็นหลัก สาเหตุที่คนในชนบทนิยมซื้อทองกันมากก็เพราะ
1. ถือเป็นการออมทรัพย์และเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง
2. รัฐบาลไม่เก็บภาษีเงินได้ของเกษตรกรซึ่งส่วนใหญ่ยากจน
3. การขึ้นลงของความต้องการทองคำขึ้นอยู่กับระดับราคาของสินค้าเกษตรในช่วงเวลานั้นๆ
4. คนในชนบทมีการศึกษาน้อย เมื่อถึงคราวจำเป็นจะไปกู้เงินก็กลัวถูกหลอก การซื้อขายทองง่ายกว่าและทำกำไรชัดเจนกว่าการลุงทุนแบบอื่นที่ตนเองไม่ค่อยเข้าใจ
ช่วงเดือนตุลาคม-พฤษภาคมเป็นช่วงเทศกาลแต่งงานของคนอินเดียซึ่งโดยปกติคนอินเดียทุ่มไม่อั้นและเฉลิมฉลองกันมโหฬาร นอกจากนั้นช่วงเดือนตุลาคม-มกราคมและมีนาคม-พฤษภาคมเป็นช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองต่างๆ มากมาย เช่น เทศการดิวาลีในเดือนตุลาคมซึ่งเป็นวันปีใหม่ของอินเดีย เทศการพระพิฆเณศวรต้นเดือนสิงหาคม รวมทั้งเทศกาลเฉลิมฉลองเทพเจ้าต่างๆ ที่มีมากมายนับหมื่นองค์ ในเทศกาลเหล่านี้คนอินเดียมักมีการซื้อทองและอัญมณีเป็นของขวัญแจกจ่ายกัน
ช่วงเดือนตุลาคม-พฤษภาคมเป็นช่วงเทศกาลแต่งงานของคนอินเดียซึ่งโดยปกติคนอินเดียทุ่มไม่อั้นและเฉลิมฉลองกันมโหฬาร นอกจากนั้นช่วงเดือนตุลาคม-มกราคมและมีนาคม-พฤษภาคมเป็นช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองต่างๆ มากมาย เช่น เทศการดิวาลีในเดือนตุลาคมซึ่งเป็นวันปีใหม่ของอินเดีย เทศการพระพิฆเณศวรต้นเดือนสิงหาคม รวมทั้งเทศกาลเฉลิมฉลองเทพเจ้าต่างๆ ที่มีมากมายนับหมื่นองค์ ในเทศกาลเหล่านี้คนอินเดียมักมีการซื้อทองและอัญมณีเป็นของขวัญแจกจ่ายกัน
เศรษฐีใหม่มีประมาณ 40 ล้านครัวเรือน มีรายได้อยู่ระหว่าง 4,000 — 10,000 เหรียญสหรัฐต่อปี ซึ่งมีทั้งที่ทำงานกินเงินเดือนและประกอบธุรกิจส่วนตัว (ส่วนใหญ่จะอยู่ในธุรกิจเกี่ยวกับซ้อฟแวร์และ Call center) คาดว่าเศรษฐีใหม่จะเพิ่มเป็น 65 ล้านครัวเรือนภายในปี 2553 มักจะใช้เงินกันดุเดือดผิดวิสัยแขกโบราณ ซึ่งจะช่วยขยายฐานตลาดให้กับตลาดทองคำได้เป็นอย่างดี
- การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับอินเดียมีมูลค่ากว่า 15% ของการส่งออกรวม โดยมีการจ้างงานโดยตรงและโดยอ้อม 1.3 ล้านคน
- การบริโภคทองคำในอินเดียคิดเป็น 85% ของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
- อินเดียบริโภคทองแท่งราว 800 ตันต่อปี คิดเป็นสัดส่วน 20% ของการบริโภคทั้งโลก ในจำนวนนี้ประมาณ 600 ตันไหลเข้าสู่อุตสาหกรรมทองรูปพรรณ
- มูลค่าตลาดอัญมณีและเครื่องประดับของอินเดียมีมูลค่าปีละประมาณ 18 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 8% ของตลาดโลก
- อินเดียส่งออกเพชรปีละ 11 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการส่งออกทองรูปพรรณมีมูลค่าปีละ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ
- ตลาดส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับอินเดีย ได้แก่ สหรัฐ ฮ่องกง ยูเออี สิงคโปร์ และเบลเยี่ยมตามลำดับ
- อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและการการปล่อยสินเชื่อโดยธนาคารพาณิชย์เป็นอย่างดี โดยมีธนาคารกว่า 50 แห่งปล่อยสินเชื่อราว 3 พันล้านเหรียญให้กับธุรกิจเพชรในอินเดีย
- อินเดียเป็นแหล่งใหญ่ที่สุดในโลกของการเจียรนัยเพชร ประมาณ 70% ของเพชรทั่วโลกผ่านการเจียรนัยที่อินเดีย อินเดียมีช่างเจียรนัยประมาณ 1 ล้านคน โดยศูนย์ใหญ่อยู่ที่มุมไบและสุรัต
แม้ว่าจะมีธุรกิจไทยเข้าไปแล้วหลายราย แต่ยังไม่มีใครที่บุกตลาดหนักเช่นแพรนดา แพรนดาได้เข้าไปในตลาดอินเดียตั้งแต่กลางปี 2551 โดยการร่วมทุนกับบริษัท Gunjan Jewels ตลาดเป้าหมายของบริษัทคือกลุ่มที่อายุ 25 ปีขึ้นไปที่มีกำลังซื้อสูงโดยเฉพาะในกลุ่มเศรษฐีใหม่ กลยุทธของแพรนดามีความรวดเร็ว หนักแน่น เจาะลึก และตรงเป้าหมาย โดยการโจมตีที่จุดอ่อนของคู่แข่งด้วยทอง 24 กะรัตเนื้อบริสุทธิ 99.9% ขณะที่ผู้ผลิตอินเดียทำได้แค่ 22 กะรัต ทั้งนี้เนื่องจากแพรนดาสามารถผลิตเครื่องประดับทองให้ไม่อ่อนตัวได้แม้จะมีความบริสุทธิสูงก็ตาม นับเป็นจุดแข็งอย่างสำคัญในการเจาะตลาดอินเดีย กลยุทธ์เด็ดอีกอันหนึ่งก็คือการปูพรมและปิดล้อมคู่แข่งด้วยการนำเสนอรูปแบบสินค้าที่หลากหลายและแปลกใหม่ดูทันสมัย (ขณะที่คู่แข่งท้องถิ่นยังคงต้วมเตี้ยมกับรูปแบบเดิมๆ) ตั้งแต่เครื่องประดับเครื่องเคียงชุดเจ้าสาว (อินเดียก็เป็นตลาดใหญ่ที่สุดในโลกในธุรกิจงานแต่งงาน) แบบคลาสสิก แบบหรูเลิศ แบบเรียบๆไปจนถึงแบบกิ๊บเก๋แนววัยรุ่น นอกจากนั้นแพรนดายังเจาะตลาดเทวรูปเนื้อทองบริสุทธิ 99.9% ไม่ว่าจะเป็นพระพิคเณศวร หรือพระนารายณ์ ภายใต้แบรนด์ Pranda art เป็น Collection ที่น่าสะสม ซึ่งน่าสนใจไม่น้อยสำหรับตลาดที่มีเทพเจ้ามากมายอย่างอินเดีย การกระจายสินค้าของแพรนดาได้ดำเนินการผ่านร้านเพชร-ทองชื่อดังของอินเดีย เช่น GRT, CKC, Khuranas, Naggi, Damodardas ล่าสุดแพรดาได้คาดการณ์ว่าการเติบโต ของสาขาในอินเดียในปี 2252 จะสูงถึงร้อยละ 30
ขอแนะนำให้เข้าไปทดสอบตลาดก่อน โดยการเข้าไปร่วมงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในอินเดีย เช่น Gems and Jewellery India International Exhibition ณ เมืองเชนไน (ประมาณเดือนมกราคมของทุกปี) และHITEX International Gems & Jewellery ณ เมืองไฮเดอราบัด (ประมาณเดือนพฤศจิกายนของทุกปี) ซึ่งท่านจะสามารถพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าตลาดอินเดียน่าสนใจเพียงใด
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเจนไน
โดย ไพศาล มะระพฤกษ์วรณ
ผอ. สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ เมืองเจนไน
ที่มา: http://www.depthai.go.th