ปี 2553 เป็นยุคหลังวิกฤติเศรษฐกิจของจีน ถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ จีนอาจเป็นประเทศที่เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วที่สุดของโลก แต่มองในภาพรวมแล้ว เศรษฐกิจของโลกอยู่ระหว่างการปรับตัว การส่งออกของจีนได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ทำให้สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มต่ำและต้องใช้แรงงานประสบปัญหาต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ การแข่งขันภายในประเทศกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง สินค้า Brand นานาชาติที่ยึดตลาดบนโดยตลอด กำลังปรับตัวแย่งชิงตลาดกลางและตลาดล่าง เมื่อเป็นเช่นนี้ กลุ่มสินค้าและบริการเทรนด์ใหม่ๆ ในปี 2553 ของจีนจะเป็นอย่างไร นักวิเคราะห์จาก China Brand Management Net ได้สรุปเทรนด์ใหม่และช่องทางตลาดของจีน ดังนี้
1. ผู้บริโภคมีความสำคัญมากขึ้นในการบริโภคสินค้า ไม่ว่าตัวเองจะบริโภคสินค้าตัวนั้นหรือไม่ซึ่งผู้บริโภคจีนจะเชื่อตัวเองมากกว่าการโฆษณา
2. สินค้าเพื่อสุขภาพกำลังได้รับความนิยมเป็นพิเศษ ในปี 2552 ที่ผ่านมา ประเทศจีนเกิดปัญหาMelamine และไข้หวัดหมู (H1N1) ทำให้ผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญในด้านความปลอดภัยสำหรับสินค้าอาหารเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอาหารที่เป็นธรรมชาติ
3. ผู้บริโภคเริ่มมีการซื้อสินค้าราคาแพงมากขึ้น เช่น กระเป๋ายี่ห้อ LV นาฬิกายี่ห้อ Rolex เป็นต้นซึ่งรสนิยมการบริโภคจีนมีแนวโน้มใหม่ คือ ใช้สินค้าราคาค่อนข้างแพง ซึ่งสามารถแสดงฐานะทางสังคมของตัวเองได้ ตลาดสำหรับสินค้ากลุ่มนี้จึงมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในจีน
4. ธุรกิจร้านสะดวกซื้อและอาหารพร้อมบริโภคกำลังได้รับความนิยมมาก ปัจจุบันนี้ ผู้บริโภคจีนจะเน้นความเร็วและความสะดวก ไม่ค่อยยอมเสียเวลารอนาน เพราะฉะนั้น ร้านอาหาร Fast Food ร้านสะดวกซื้อรวมทั้งการซื้อของผ่านอินเทอร์เน็ตกำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่อย่างหนึ่งของจีน
5. สินค้าเสริมสวยสำหรับผู้ชายในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการเพิ่มมากขึ้น ผู้บริโภคชาวจีนที่เป็นผู้ชายเริ่มให้ความสำคัญในการแต่งตัว จากเมื่อก่อนสนใจแต่เรื่องรถยนต์และสินค้า IT
6. ผู้บริโภคจีนชอบซื้อสินค้าใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบใหม่ๆ หรือสินค้ารุ่นใหม่สุด และเน้นความครบถ้วนในด้านฟังก์ชันการทำงานสำหรับสินค้าที่ใช้ทนทาน เช่น โทรทัศน์ เครื่องซักเสื้อผ้า เป็นต้น
7. ความหลากหลายและยี่ห้อของสินค้ามีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้บริโภค ถือเป็นจุดเด่นในการดึงดูดผู้บริโภค เช่น สินค้าของ P&G มีความหลากหลาย เฉพาะแชมพูก็มีหลายยี่ห้อ ได้แก่ Pantene, Palmolive Rejoice และ Head & Shoulders เป็นต้น แต่ละยี่ห้อมีลักษณะพิเศษแตกต่างกัน ผู้บริโภคมีช่องทางในการเลือกซื้อมากขึ้น
8. ผู้บริโภคให้ความสำคัญในด้านความโปร่งใสของข้อมูลสินค้า เช่น คำแนะนำการใช้สินค้าและส่วนประกอบของสินค้า ผู้บริโภคจะต้องทราบอย่างละเอียดก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าตัวนั้น
9. ธุรกิจบริการโดยเฉพาะธุรกิจการท่องเที่ยวได้รับการพัฒนาเร็วมาก ผู้บริโภคที่มีรายได้ค่อนข้างสูงนิยมออกไปท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสกับธรรมชาติและพักผ่อนหย่อนใจ
10.ธุรกิจบันเทิงของจีนมีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมส์โดยใช้คอมพิวเตอร์หรือมือถือ รวมทั้งการดาวน์โหลดเพลงและภาพยนต์จากอินเทอร์เน็ต
จากกลุ่มสินค้าและบริการเทรนด์ใหม่ๆ ดังกล่าว อาจคาดการณ์แนวโน้มการพัฒนาของตลาดจีนในปี 2553 ได้ ดังนี้
1. ตลาดคนรวยรุ่นใหม่ จากสถิติการวิจัยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีน นับถึงปี 2552 ครอบครัวที่รวยขึ้นรุ่นใหม่มีจำนวนมากกว่า 21 ล้านครอบครัว และถึงปี 2558 อาจเกิน 27 ล้านครอบครัว ซึ่งตลาดสินค้าสำหรับคนกลุ่มนี้จะมีสัดส่วนค่อนข้างใหญ่
2. ตลาดสำหรับสินค้าที่ยกระดับคุณภาพชีวิตได้จะมีการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น เช่น บ้านพัก รถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นต้น
3. ตลาดล่าง ซึ่งหมายถึงตลาดในพื้นที่อำเภอและชนบท จากนโยบายขยายความต้องการภายในของรัฐบาลจีน สินค้าที่คนในเมืองบริโภคเป็นประจำ ได้มีการขยายตลาดไปยังพื้นที่อำเภอและชนบท และตลาดนี้เป็นตลาดที่มีศักยภาพมาก
4. ผู้บริโภคจะถูกแบ่งชั้นให้ละเอียดขึ้น เช่น ข้าราชการ นักวิชาการ นักธุรกิจรายใหญ่ นักธุรกิจรายเล็กผู้บริโภคทั่วไป และนักศึกษา เป็นต้น โดยเฉพาะตลาดสำหรับนักศึกษา มีสัดส่วนตลาดค่อนข้างสูง ขนาดตลาดอยู่ประมาณ 300,000 ล้านหยวน/ปี
สคร.กวางโจว
ที่มา: http://www.depthai.go.th