แนวโน้มตลาดสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับ “เพื่อน 4 ขา” ในสหรัฐฯ

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 23, 2010 17:15 —กรมส่งเสริมการส่งออก

สำนักพิมพ์ Package Fact รายงานว่า ร้อยละ 33 ของครัวเรือนที่เลี้ยงสุนัข หรือจำนวนประมาณ 12.5 ล้านครัวเรือน และร้อยละ 24 ของครัวเรือนที่เลี้ยงแมว “เพื่อน 4 ขา” ทั้งสุนัขและแมวในสหรัฐฯ มีจำนวน 150 ล้านตัว หรือ เทียบเท่ากับครึ่งหนึ่งของประชากรสหรัฐฯ แยกเป็นแมวจำนวน 83 ล้านตัว และ สุนัขจำนวน 67 ล้านตัว และจะมีจำนวนสัตว เลี้ยงดังกล่าวจะเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ ปัจจุบัน“เพื่อน 4 ขา” ถือได้ว่าเป็นตลาดเฉพาะ (Niche Market ) ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในสังคมสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ มีส่วนแบ่งตลาดสูงมากถึงร้อยละ 65 ของตลาดสินค้าสัตว์เลี้ยงของสหรัฐ

แม้ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นมากของสหรัฐฯ และส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจในการจับจ่าย หรือ การชะลอการใช้จ่ายซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภคในสหรัฐฯ แต่ยอดขายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงยังคงมีอัตราการขยายตัวสูงเป็นก้าวกระโดด โดยในปี 2552 ผู้บริโภคสหรัฐฯ ยังคงใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าให้สัตว์เลี้ยงของตนเป็นมูลค่ารวม 53 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5 จากมูลค่ารวมในปี 2551 และในจำนวนนี้พบว่า เป็นการใช้จ่ายซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงประมาณ 20 พันล้านเหรียญฯ ผู้บริโภคในสหรัฐฯ ใช้เงินสำหรับสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ในการซื้อผลิตภัณฑ์ ยา หรืออาหารเสริมและสินค้าเพื่อสุขภาพ (Veterinary Services) และ อีกร้อยละ 5 ในการซื้ออาหารสัตว์

เป็นที่น่าสังเกตว่า จากข้อมูลสถิติ พบว่า ผู้เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ ที่เดินเข้าไปในร้านขายผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงจะใช้จ่าย ครั้งละ 47 เหรียญสหรัฐฯ ทุกครั้งเมื่อออกซื้อของ ในขณะที่ผู้บริโภคอื่นๆ จะใช้จ่ายเพียง 37 เหรียญสหรัฐฯ ต่อครั้งเท่านั้น

ดังนั้น จึงไม่ต้องสงสัยว่ามูลค่าการขายสินค้าในกลุ่มสำหรับสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นนั้นเกิดขึ้นจากการให้ความรัก เอาใจใส่และทุ่มเท ให้กับสัตว์เลี้ยง เช่นเดียวกับสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวซึ่งมีความสำคัญยิ่ง แม้ในสภาพเศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นในปัจจุบัน เจ้าของสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ ยินดีที่จะลดค่าใช้จ่ายของครอบครัวในการซื้อสินค้า ของใช้ภายในบ้าน หรือลดความสะดวกสบายของตนเองเพื่อให้คงสามารถจัดหาอาหารและของใช้ที่ดีที่สุดสำหรับ “เพื่อน 4 ขา ” ของตน ซึ่งถือว่าเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ที่สุดของมนุษย์

สมาคมการค้าสินค้าสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ American Pet Products Association (APPA) รายงานว่า จากการสัมภาษณ์ เจ้าของสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ ประมาณ 21,000 รายทั่วประเทศ เกี่ยวกับผลกระทบของสภาวะเศรษฐกิจต่อสัตว์เลี้ยงของตน พบว่า ร้อยละ 70 มีความเห็นว่าภาวะดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสัตว์เลี้ยงของตนน้อยมาก และเจ้าของสัตว์เลี้ยงมากกว่าร้อยละ 80 ภาวะดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายสินค้าเพื่อสัตว์เลี้ยงของตน เจ้าของม้าร้อยละ 62 ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูสูงสุด กล่าวว่าภาวะเศรษฐกิจดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อตนเช่นกัน และในกลุ่มนี้ ร้อยละ 5 ของเจ้าของม้า ให้สัมภาษณ์ว่ามีการจับจ่ายให้กับสัตว์เลี้ยงของตนเพิ่มขึ้นด้วย

ในกลุ่มเจ้าของสัตว์เลี้ยงร้อยละ 57 ที่มีรายได้ระหว่าง 25,000-50,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อปี พบว่าสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่ส่งผลกระทบจนต้องเลิกเลี้ยงสัตว์แต่อย่างใด

แนวโน้มสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง

ปัจจุบัน อาหารสุนัขและแมวได้ฉีกแนวจากอาหารกระป๋องไปสู่อาหารชนิดที่ค่อนข้างคล้ายกับผลิตภัณฑ์อาหารของมนุษย์บริโภคมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมสร้างสุขภาพ ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและผลิตภัณฑ์อินทรีย์ (Natural and Organic Products) ด้วยเหตุนี้จึงก่อให้เกิดลู่ทางตลาดสินค้าสัตว์เลี้ยงแบบอาหารเสริม (Pet Supplements) สำหรับกลุ่มเจ้าของสัตว์เลี้ยงผู้มีรักและทุ่มเทเพื่อสัตว์เลี้ยงที่รักของตนเอง

วารสาร Nutrition Business Journal (NBJ) ฉบับเดือนสิงหาคม 2552 รายงานว่าสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงแบบอาหารเสริม (Pet Supplements) มีส่วนแบ่งตลาดประมาณครึ่งหนึ่งของของสินค้าอาหารสัตว์รวมในสหรัฐฯ ซึ่งตลาดอาหารสัตว์แบบเสริมมีอัตราการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 7 หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นจำนวน 98 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2551

คาดว่า สินค้า Pet Supplements จะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 39 ภายใน 5 ปี หรือมีมูลค่า1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2555 โดยช่องทางการจำหน่ายที่สำคัญได้แก่ Specialty shops สำหรับสัตว์เลี้ยง ประมาณ 1 ใน 3 ของมูลค่าการจำหน่ายทั้งหมดใตลาด และอีก 2 ใน 3 กระจายไปตามคลีนิคสัตว์ ร้านค้าปลีกขายผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเพื่อสุขภาพ และร้านประเภท Outlet ตลอดจนการขายทาง On-line หรืออาจกล่าวได้ว่า ครัวเรือนประมาณ 6.7 ล้านครัวเรือนในสหรัฐฯ เป็นกลุ่มที่ยินดีจะใช้จ่ายเพื่อสัตว์ซื้อ สินค้า Pet Supplements และ สินค้า Functional Treats

ลักษณะสินค้าสัตว์เลี้ยงที่น่าจับตามอง

สินค้าและผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงที่น่าจับตามองมากที่สุดในขณะนี้ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มความนิยมขึ้นเป็นลำดับได้แก่ สินค้า/ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพสำหรับ “เพื่อน 4 ขา ” จากข้อมูลจากสมาคมสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ พบว่าสถิติของสัตว์เลี้ยงมีอายุยืนยาวขึ้นถึงร้อยละ 44 ของสุนัขเลี้ยงซึ่งจะมีอายุยืนยาวมากกว่า 6 ปี เพิ่มขึ้นจากในปี 1987 ซึ่งสุนัขเลี้ยงมีเพียงร้อยละ 32 เท่านั้นที่จะอยู่จนถึงอายุ 6 ปี เช่นเดียวกันสำหรับแมว ร้อยละ 44 ก็มีอายุยืนมากกว่า 6 ปี เพิ่มขึ้นจากในปี 1987 ซึ่งมีเพียงร้อยละ 28 เท่านั้น และด้วยสาเหตุดังกล่าว จึงทำให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องการหา ยา อาหารเสริม และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อใช้บำรุงรักษาสุขภาพสัตว์เลี้ยงที่รักของตน และเป็นช่องทางในการคิดค้นและผลิตสินค้าแปลกใหม่เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคในกลุ่มนี้

1. อาหารเสริมด้านข้อและไขข้อ

2. อาหารเสริมเพื่อบำรุงผิวหนังและขน

3. วิตามินต่างๆ

4. อาหารเสริมช่วยในการย่อยอาหาร

5. อาหารบำรุงสมองและเสริมสร้างความจำ

6. อาหารเสริมเพื่อคลายเครียด

7. อาหารเสริมเพื่อบำรุงสุขภาพตา

การพัฒนาของผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ

วารสาร Packaged Facts ได้รายงานว่าสินค้ามูลค่าการขายอาหารสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสำหรับสุนัขและแมว) มีมูลค่าถึง 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2009 โดยมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 34 แม้อัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ยังไม่ได้มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วนัก แต่มีสินค้าใหม่ ๆ เพื่อบำรุงบำเรอความสุขและส่งเสริมสุขภาพวางตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและหลากหลายในร้านค้าปลีกและผู้ผลิตรายใหญ่ในตลาดสหรัฐฯ ล้วนเป็นบริษัทที่เป็นผู้ผลิตอาหารชั้นนำสำหรับมนุษย์ เช่น บริษัท Mars บริษัท Nestle — ผลิตสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ Purina Prtcare บริษัท Del Monte Foods บริษัท Colgate - Palmolive — ผลิตสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ Hill’s บริษัทProctor & Gamber — ผลิตสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ Iams กุญแจสำคัญในการพัฒนาอาหารสัตว์เลี้ยง คือ การผลิตสินค้าให้มีความคล้ายคลึงและได้ความรู้สึกใกล้เคียงคล้ายกับอาหารคนเราให้มากที่สุด (humanization pet foods) เช่น

นอกจากนั้นผู้ผลิตอาหารยังเสนออาหารเพื่อสุขภาพหรือเสริมสุขภาพสัตว์สำหรับ“เพื่อน 4 ขา” แยกไปตามวัยหรือแบ่งตามอายุของสัตว์อีกด้วย เช่น อาหารสำหรับ “เพื่อน 4 ขา” วัยหนุ่มสาว หรือ สำหรับ “เพื่อน 4 ขา” กลุ่มอายุมาก หรือ วัยชรา เป็นต้น หรือ แม้กระทั่งเป็นอาหารประเภทช่วยลดความอ้วน เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงจะคำนึงถึงมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ คุณภาพของวัตถุดิบ กรรมวิธีในการผลิตความปลอดภัย ตลอดจนการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม ตลอดจนขบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การประหยัดพลังงาน และสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน(Sustainability)

เจ้าของสัตว์เลี้ยงยอมจ่ายทุกอย่างเพื่อเลี้ยงดูและให้ความสุขของสัตว์เลี้ยงที่เป็นเสมือนสมาชิกในครอบครัว โดยเน้นหนักในด้านสุขภาพพลานามัยของสัตว์เลี้ยงทำให้สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงเป็นสินค้าที่มี ลู่ทางการจำหน่ายได้ดีในตลาดสหรัฐฯ และสามารถเติบโตได้อีกมาก ซึ่งจะเป็นช่องทางหนึ่งสำหรับผู้ผลิต/ส่งออกในวงการควรจะพิจารณาให้ความสำคัญเพื่อเข้าสู่ตลาดสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ ได้มากยิ่งขึ้น

ข้อเสนอแนะการขยายตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงสำหรับเพื่อน”4 ขา” กำลังขยายตัว และมีแนวโน้มขยายตัวโดยต่อเนื่องทั้งในด้านปริมาณความต้องการ และความหลากหลายของสินค้าอาหารสัตว์ ซึ่งเป็นการชี้ให้เห็นช่องทางการขยายตลาดของสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยไปยังสหรัฐฯ ซึ่งควรพิจารณา ดังนี้

1. ผู้ผลิต/ส่งออกไทยควรพิจารณาให้ความสนใจการพัฒนาอาหารสัตว์เลี้ยงแนวใหม่หรือ การผลิตคิดค้นผลิตภัณฑ์แปลกใหม่เพื่อสัตว์เลี้ยง เพิ่มเติมไปจากอาหารสัตว์กระป๋องที่ผลิตและส่งออกไปยังสหรัฐฯในปัจจุบัน โดยต้องมีการศึกษา ค้นคว้า และการเพิ่มแนวคิดที่สร้างสรร เพื่อให้สินค้าเป็นสินค้าในระดับบนหลีกเลี่ยงการแข่งขันกับสินค้าจีน สินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งในกลุ่มอาหารหรือของกินเล่น (Treat) เช่น Dog Cookie & Biscuit เป็นสินค้าที่มีความต้องการสูง ทั้งนี้ ผู้ผลิต/ส่งออกต้องให้ความสำคัญในด้านความปลอดภัย (Food Safety)

2. การปฏิบัติตามกฎระเบียบของสหรัฐ ซึ่งกำกับและดูแลโดยสำนักงาน U.S. Food and Drug Administration (FDA) ได้กำหนดระเบียบที่สำคัญไว้ 4 ประการ คือ

2.1 สินค้าต้องบริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งเจือปนอันตราย

2.2 ส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรง

3.3 ต้องถูกตามระเบียบสินค้าอาหารกระป๋องประเภทที่มีความเป็นกรดต่ำ (Low Acid Canning ของ US. Food & Drugs Administration ซึ่งใช้ระเบียบเดียวกันกับอาหารกระป๋องที่คนบริโภค

3.4 แจ้งข้อมูลที่ถูกต้องบนฉลากสินค้า ดังนี้

1) จะระบุว่าเป็นอาหารสุนัขหรืออาหารแมว

2) ชื่อแบรนด์สินค้าจะต้องไม่สร้างความสับสนหรือความเข้าใจผิดในเรื่องส่วนผสมหรือโภชนาการ

3) แจ้งผลการวิเคราะห์ทางเคมีให้ตรงตามระเบียบอาหารสัตว์ของท้องถิ่น

4) แจ้งส่วนผสม และชื่อของส่วนผสมต้องเป็นที่รู้จักหรือเป็นมาตรฐานทั่วไปที่ใช้ โดยไม่เน้นความสำคัญของส่วนผสมชนิดใดชนิดหนึ่ง

3. เข้าร่วมหรือเยี่ยมชมงานแสดงสินค้า Global Pet Expo : www.globalpetexpo.org ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าสัตว์เลี้ยงที่สำคัญที่สุดของสหรัฐฯ เพื่อศึกษาความเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มของตลาดสินค้าสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก

ที่มา: http://www.depthai.go.th


แท็ก สหรัฐ   แมว  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ