หน่วยงานสิงคโปร์ Economic Development Board (EDB) ได้ประกาศผลของการลงทุนในปี 2552 ซึ่งเกินกว่าที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ และได้คาดการณ์การลงทุนในปี 2553 จะอยู่ในระดับที่ดีและมีมูลค่าสูงกว่าในปี 2552 และจะทำให้สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีศักยภาพสำคัญต่อการเจริญเติบโตเศรษฐกิจของเอเชีย
ในช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง แต่สิงคโปร์ยังคงมีพื้นฐานที่มั่นคงเป็นที่น่าสนใจแก่ชาวต่างชาติให้เข้ามาลงทุนโครงการคุณภาพสูงต่างๆในสิงคโปร์ เนื่องจากสิงคโปร์มีทำเลที่ตั้งเป็น gate way สู่ภูมิภาคต่างๆทั่วโลก การมีเครือข่ายและระบบโลจิสติกส์ที่สะดวกและทันสมัย รวมถึงระบบการจัดการที่ได้ระดับมาตรฐานนานาชาติ จึงทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการเข้ามาลงทุน ซึ่ง การลงทุนดังกล่าวจะส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมของสิงคโปร์มีความแข็งแกร่งและช่วยให้การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจสิงคโปร์อยู่ในระดับสูง
EDB ได้มองเห็นความสนใจของบริษัทจากประเทศเศรษฐกิจต่างๆ และบริษัทจากภูมิภาคเอเชีย ที่มีความประสงค์จะจัดตั้งบริษัท/สำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ โดยที่ EDB มีนโยบายใหม่ คือ Host to Home หมายถึงการให้สิงคโปร์เป็น ‘Home for Business’, ‘Home for Innovation’ และ ‘Home for Talent’ ซึ่งส่งผลให้ชาวต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนในสิงคโปร์เพิ่มขึ้น
ในปี 2552 ผลของการลงทุน Fixed Asset Investment (FAI) มีมูลค่า 11.8 พันล้านเหรียญสิงคโปร์, Total Business Spending (TBS) มีมูลค่า 6.8 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ และการจ้างงานตำแหน่งชำนาญการรวม 15,200 อัตรา เปรียบเทียบกับปี 2551 และคาดการณ์ปี 2552 ดังนี้
Indicator 2551 2552 คาดการณ์ 2552 Total Value-Added (VA) per annum (S$ billion) 14.7 10.0-12.0 12.5 Total Fixed Asset Investments (FAI) (S$ billion) 18.0 10.0-12.0 11.8 Total Business Spending (TBS) per annum (S$ billion) 7.8 6.0-7.0 6.8 Total Skilled Jobs 16,400 12,000-15,000 15,200
Industry VA per annum Total FAI Total TBS Skilled Emp. (S$ billion) (S$billion) (S$ billion) Biomedical Manufacturing 0.7 1.1 0.3 700 Electronics 1.8 4.9 1.8 2,800 Chemicals 0.9 3.1 0.3 400 Precision Engineering 0.9 0.7 0.6 1,100 Transport Engineering 0.4 0.3 0.2 100 General Manufacturing Industries 0.4 0.1 0.1 100 Infocomms & Media 0.6 0.5 0.4 1,200 HQ & Professional Services 6.1 0.5 0.8 3,900 Engineering & Environmental Services 0.3 0.3 0.4 1,500 Logistics 0.2 0.2 0.5 1,200 Education 0.2 0.1 0.36 1,200 Healthcare Services 0.04 0.01 0.1 100 TOTAL 12.5 11.8 6.8 15,200 ที่มา : Economic Development Board, Singapore
ทั้งนี้ การลงทุนเหล่านี้ อัตราการจ้างงานร้อยละ 53 อยู่ในภาคอุตสาหกรรมการผลิต และส่วนที่เหลือร้อยละ 47 อยู่ในภาคการให้บริการนานาชาติ ทั้งนี้ ร้อยละ 69 เป็นระดับศาสตราจารย์ รวมระดับผู้จัดการ วิศวกร นักค้นคว้าวิจัย และผู้ชำนาญงาน
EDB มุ่งเน้นการเชิญชวนชาวต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในสิงคโปร์ โดยเฉพาะในด้าน Capital-, Knowledge - and Innovation-Intensive (CKI) ในอุตสาหกรรมการผลิต, R&D และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่จะทำให้มีการจ้างงานในระดับสูง บริษัทที่เข้ามาลงทุนในสิงคโปร์ส่วนใหญ่มาจากสหรัฐฯและยุโรป โดยใช้สิงคโปร์เป็นฐานในการขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก นอกจากนี้ ผู้ค้าในเอเชียได้เห็นว่าสิงคโปร์เป็นพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพเพื่อการขยายธุรกิจให้มีความเจริญเติบโตไปยังภูมิภาคและนานาชาติด้วย ทั้งนี้ บริษัทต่างๆที่ได้จัดตั้งสำนักงานในสิงคโปร์ให้เป็น home base ได้แก่ Quintiles (US), Medtronic (US), Pall Corp (US), Association to Advance Collegiate Schools of Business (US), Rolls-Royce (UK), Eurocopter (France), Remy Cointreau (France), Zodiac (France), Francotyp-Postalia (Gernamy), International Baccalaureate (Switzerland), AAC Acoustic (China), Li-Ning (China), Focus Media (China), K S Oils (India), NTT Data Corporation (Japan), Hitachi Data Systems (Japan), Agility (Kuwait) ส่วนโครงการสำคัญๆ ที่ได้เปิดตัวแล้ว ได้แก่ 3M Drug Delivery Systems (US), CDM (US), Baxter (US), Abbott (US), Siemens (Gernamy), ABB (Switzerland), TATA Communications (India), Tuas Power (China), Sembcorp Marine (Singapore)
อนึ่ง EDB ได้จัดให้มีโปรแกรมให้ความช่วยเหลือแก่บริษัทในสิงคโปร์ในช่วงเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย ซึ่งเมื่อเดือนมกราคม 2552 EDB ได้ประกาศโปรแกรม PREP-UP (PREParing for the Upturn) มูลค่า 100 ล้านเหรียญสิงคโปร์ เพื่อบริษัทจัดให้พนักงานไปรับการฝึกอบรมในช่วงเศรษฐกิจถดถอย (แทนการปลดพนักงาน เนื่องจากบริษัทมีธุรกิจหดตัวลง) และให้บริษัทมีฐานะที่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นในปลายปี 2552 ทั้งนี้ ในปี 2552 EDB ได้จัดสรรเงินจำนวน 56 ล้านเหรียญสิงคโปร์แก่บริษัท 90 ราย ในการฝึกอบรมพนักงานจำนวน 2,800 คน
ด้วยสภาวะที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียกลับฟื้นตัวได้เร็วกว่าในภูมิภาคอื่นๆ ทำให้การลงทุนมุ่งเน้นสู่ภูมิภาคเอเชีย ดังนั้น EDB คาดหวังว่า มูลค่าการลงทุนจากต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในสิงคโปร์ปี 2553 จะสูงขึ้นกว่ามูลค่าของปี 2552 อย่างไรก็ตาม สิงคโปร์พึงต้องระวังปัจจัยเสี่ยงสำคัญของ FAI ที่อาจจะมีความอ่อนตัวลงมากในการขยายปริมาณการผลิตของบริษัทรอบโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบให้มูลค่าการลงทุนของต่างชาติปี 2553 ลดต่ำลงกว่ามูลค่าในปี 2552 ทั้งนี้ EDB ได้คาดการณ์การลงทุนในปี 2553 ดังนี้
Indicator 2552 2553 คาดการณ์ Total Value-Added (VA) per annum (S$ billion) 12.5 13-15 Total Fixed Asset Investments (FAI) (S$ billion) 11.8 10-12 Total Business Spending (TBS) per annum (S$ billion) 6.8 7-9 Total Skilled Jobs 15,200 14,000-17,000
(1) นโยบาย Host to Home ของ EDB จะเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนให้นักลงทุนหันมาลงทุนในสิงคโปร์เพิ่มขึ้น
(2) การเจริญเติบโตเศรษฐกิจของประเทศในเอเชีย และ Globalization ของผู้ค้าในเอเชีย จะมีอิทธิพลสำคัญต่อสภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน
(3) บริษัทจากทั่วโลกจำนวนมากมองสิงคโปร์เป็นที่ตั้งสำหรับการขยายธุรกิจไปยัง pan-Asian และการเจริญเติบโตอย่างเร็วของการค้าในเอเชียเป็นทั้งในรูปแบบ regionalizing and internationalizing
(4) EDB ได้มุ่งเน้นให้เกิดการประสานกันในกลุ่ม regionalizing and internationalizing และสนับสนุนให้บริษัทสิงคโปร์ดำเนินกิจการนอกประเทศ นอกจากจะเป็นการช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้สิงคโปร์มีศักยภาพการแข่งขันทางการค้าแล้ว ยังทำให้สิงคโปร์มีความมั่นคงในการเป็นผู้นำของโลกที่มีบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนธุรกิจมากขึ้น
ที่มา : Economic Development Board, Singapore
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ สิงคโปร์
ที่มา: http://www.depthai.go.th