นายกฯ ญี่ปุ่นต้องการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล

นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นนาย Yukio Hatoyama กล่าวต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการงบประมาณ ของรัฐสภาว่า ประสงค์ที่จะลดภาษีเงินได้นิติบุคคล(Corporate Tax) ลงให้อยู่ในระดับเดียวกับประเทศพัฒนาแล้ว อื่นๆ เพื่อพยุงเศรษฐกิจ โดยภาษีนิติบุคคลของญี่ปุ่นที่เรียกเก็บ ในปี 2552 มีอัตรา 40.87% ซึ่งสูงกว่าประเทศอุตสาหกรรมหลัก และประเทศกำลังพัฒนาที่เจริญเติบโตเร็ว อยู่ประมาณ 10-15 %

ทั้งนี้ อัตรา 40.87 % เป็นภาษีที่ทางการญี่ปุ่นเรียกเก็บจากนิติบุคคลที่มีรายได้มากกว่า 8 ล้านเยน(ประมาณ 3 ล้านบาท) ขึ้นไป ประกอบด้วย corporate tax (national tax) 30 % ที่เหลือเป็นภาษีที่ต้องชำระแก่จังหวัดและองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ได้แก่ inhabitant tax, enterprise tax, และ special local corporate tax สำหรับนิติบุคคลที่มีรายได้ 4-8 ล้านเยน และนิติบุคคลที่รายได้ไม่เกิน 4 ล้านเยนถูกเรียกเก็บภาษี 26.48 % และ 24.87 % ตามลำดับ ในจำนวนนี้เป็น Corporate tax อัตราเท่ากัน คือ 18%

นักวิจารณ์ และนักวิชาการภาคเอกชน เห็นว่าการลดภาษีนิติบุคคล จะช่วยกระตุ้นให้บริษัทเอกชนในประเทศ ลงทุน และจ้างงานมากขึ้น ภาระภาษีที่หนักเกินไป ทำให้ศักยภาพการแข่งขันลดลง และขาดสิ่งจูงใจต่อการลงทุนในญี่ปุ่น ประเทศอื่นในเอชียต่างก็แข่งขันดึงดูดการลงทุนโดยการคงอัตราภาษีนิติบุคคลในระดับต่ำ เช่น จีนอัตราภาษีอยู่ที่ 25 % เกาหลีใต้ 24.2 % และแม้แต่เยอรมนีประทศผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ได้ลดภาษีลงจาก 38 % เหลือ 28 % ในปี 2551

Dai-ichi Life Research Institute ประมาณการณ์ว่าหากญี่ปุ่นลด corporate tax ลง 5 % จะช่วยให้ real GDP ญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 3.8 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท โดยผ่านการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของบริษัทเอกชน และจ้างงานเพิ่มขึ้นประมาณ 5,000 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ นักวิจารณ์บางราย เห็นว่า รัฐบาลจากพรรค DPJ ที่บริหารประเทศมาแล้วครึ่งปีขาดยุทธศาสตร์เพื่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ นโยบายที่ผ่านมาเน้นทางด้านผู้บริโภค และสร้างความกังวลเรื่องความสามารถในการรับภาระรายจ่ายของภาครัฐ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจบางมาตรการก่อให้เกิดภาระทางการคลังโดยไม่จำเป็น เช่น การจ่ายเงินเลี้ยงดูบุตร การงดเว้นค่าธรรมเนียมทางด่วนในบางเส้นทาง เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการลดภาษีนิติบุคลลเป็นเรื่องที่น่าสนับสนุน ที่จะส่งผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังไม่แน่นอนว่า รัฐบาลจะดำเนินการตามความประสงค์ของนายกฯ ได้ เนื่องจากภาครัฐญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหาขาดแคลนรายได้จากภาษี และก่อนหน้านี้ แม้พรรค DPJ ได้รณรงค์ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2552 ว่าจะยกเลิกภาษีน้ำมัน และลดภาษี corporate tax สำหรับนิติบุคคลที่มีรายได้ไม่เกิน 8 ล้านเยน จาก 18 % เหลือ 11% ก็ยังไม่สามารถเริ่มดำเนินการได้ในปีงบประมาณ 2553 ที่จะเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนนี้ เนื่องจากไม่สามารถหารายได้จากแหล่งอื่นมาชดเชย

สำนักส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว

ที่มา: http://www.depthai.go.th