1. จำนวนการผลิตรถยนต์ของประเทศญี่ปุ่นแบ่งแยกตามผู้ผลิต ในเดือน มกราคม 2553
Japan Production (Motor Vehicle) Type / Manufacturer Jan 2010-Jan 2010
Passenger Cars Trucks Buses Standard Small Mini Total Standard Small Mini Total Large Small Total Grand Total TOYOTA 179,445 67,850 - 247,295 7,814 7,928 - 15,742 - 5,851 5,851 268,888 NISSAN 41,984 34,699 - 76,683 6,117 3,681 - 9,798 - 457 457 86,938 MAZDA 55,455 12,226 - 67,681 50 1,560 - 1,610 - - - 69,291 MITSUBISHI 29,481 5,721 5,350 40,552 299 453 5,410 6,162 - - - 46,714 ISUZU - - - - 11,667 2,167 - 13,834 203 8 211 14,045 DAIHATSU - 6,381 38,699 45,080 416 - 8,156 8,572 - - - 53,652 HONDA 12,383 51,134 8,567 72,084 - 85 5,215 5,300 - - - 77,384 SUBARU 30,348 - 3,327 33,675 - - 4,160 4,160 - - - 37,835 UD TRUCKS - - - - 1,550 595 - 2,145 128 - 128 2,273 HINO - - - - 5,974 188 - 6,162 376 46 422 6,584 SUZUKI 14,809 10,243 48,504 73,556 - 792 10,782 11,574 - - - 85,130 GM JAPAN - - - - - - - - - - - - MITSUBISHI FUSO - - - - 4,221 359 - 4,580 134 242 376 4,956 Others - - - - 83 - - 83 - - - 83 TOTAL 363,905 188,254 104,447 656,606 38,191 17,808 33,723 89,722 841 6,604 7,445 753,773 ที่มา : ข้อมูลจาก Japan Automobile Manufacturer Association 2009
ในปี 2010 นับว่าเป็นปีที่ท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ เนื่องจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของโลกที่เริ่มจากสหรัฐในปี 2008 ก็ยังฉุดรั้งความต้องการของผู้บริโภคในประเทศ วิกฤตเศรษฐกิจในปี 2009 ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอย่างรุนแรงและนอกเหนือจากการ คาดหมายใด แม้ว่าช่วงท้ายปี 2009 เศรษฐกิจในหลายประเทศอาทิ จีน และอินเดียได้ส่งสัญญาณในเชิงบวกว่าสามารถหลุดพ้นจากภาวะ เศรษฐกิจถดถอยแล้วก็ตาม ทว่าในประเทศญี่ปุ่นเองยังไม่มีสัญญาณใดที่ชี้ชัดว่าญี่ปุ่นจะหลุดพ้นจากการถดถอยครั้งนี้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ภาคการใช้จ่ายของผู้บริโภคญี่ปุ่นก็ยังไม่ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากรายได้ของผู้บริโภคลดลง ประกอบกับการ ว่างงานที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศ ส่งผลให้ความต้องการรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในตลาดในปี 2009ปรับตัวลดลงกว่าร้อยละ 9.3หรือลดลงกว่า 4.61 ล้านคันเมื่อเทียบกับปี 2008 ถือว่าเป็นการปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ติดกัน ตลาดรถจักรยานยนต์ก็เช่นกันได้ปรับตัวลดลงติดต่อ กันเป็นปีที่ 4 คือ ลดลงร้อยละ 23.7 หรือมากกว่า 432,000 คันเมื่อเทียบกับปี 2008
แม้ว่าในปี 2009 จะมีวิกฤตการณ์ต่างๆเกิดขึ้นและส่งผลด้านลบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์อย่างต่อเนื่อง แต่ช่วงครึ่งหลังของปี ตลาด รถยนต์ส่วนบุคคลและรถยนต์อุตสาหกรรมก็เริ่มปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุด ซึ่งสาเหตุหลักคือการให้การสนับสนุนจากรัฐบาลในการผ่อนผันภาษี และ ให้เงินสนับสนุนกับผู้ซื้อรถยนต์ในญี่ปุ่น โดยเฉพาะรถ Eco-Car ทำให้ตลาดรถยนต์เล็ก ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Low-Carbon cars)ในประเทศขยายตัวขึ้นมาก ซึ่งภาคอุตสาหกรรมหวังว่าจะเป็นการสิ้นสุดจากภาวะถดถอยในประเทศที่ติดต่อกันถึง 2 ปี
ในปี 2010 นี้ ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมฯ คาดหวังรัฐบาลญี่ปุ่นในการออกมาตรการในการช่วยเหลืออุตสาหกรรมในประเทศอย่าง ต่อเนื่องอีกครั้ง ทั้งด้านภาษีและแรงจูงใจต่างๆที่ภาครัฐจะสามารถสนับสนุนให้ผู้ซื้อเกิดความต้องการได้ เนื่องจากอุตสาหกรรมยังคงไม่ฟื้นตัวดี และยังเสี่ยงต่อความผันผวนของค่าเงินเยนซึ่งปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์จึงไม่สามารถพึ่งพาการส่งออกได้อย่างเดียว
อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอุตสาหกรรมหลักที่ค้ำจุนเศรษฐกิจญี่ปุ่น มีอุตสาหกรรมสนับสนุนที่เกี่ยวข้องมากมาย ดังนั้นการสนับสนุน อุตสาหกรรมหลักให้คงอยู่รอดนั้น หมายถึงผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆของรถยนต์จะได้รับประโยชน์ด้วยเช่นกัน
1. จำนวนแรงงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่นมีจำนวน ราว 5.15 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 8 ของจำนวนแรงงาน ทั้งหมดของประเทศ (64.12 ล้านคน)
2. สามารถแยกแรงงานที่เกี่ยวข้องได้ดังนี้
- ภาคการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนอุปกรณ์รถยนต์ (รวมจักรยานยนต์) จำนวน 895,000 คน
- ภาคการบริการที่เกี่ยวข้อง (รถยนต์รับจ้าง การเช่ารถ เช่าที่จอดรถ การขนส่ง) จำนวน 2,728,000 คน
- ภาควัตถุดิบที่ใช้ในอุตสาหกรรม อาทิ เหล็ก พลาสติก สารเคมี ผ้า ยาง กระจก ฯลฯ จำนวน199,000 คน
- ภายการขาย/ซ่อมบำรุง อาทิ อู่ซ่อมรถ ขายอะไหล่เก่า ขายรถใหม่-มือสอง จำนวน 1,011,000 คน
- อื่นๆ (ปั๊มน้ำมัน ธุรกิจไฟแนนซ์ รีไซเคิ้ลรถยนต์) จำนวน 317,000 คน
ในเดือนธันวาคม 2552 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 7.2 ล้านล้านเยน หรือ 8.1 หมื่นล้าน ดอลลาร์ ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะมีเรื่องการให้เงินอุดหนุนแก่ผู้ซื้อรถประหยัดพลังงาน โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวได้ผ่านการเห็น ชอบจากรัฐสภาในเดือนเมษายน 2552 รายละเอียดที่สำคัญคือ รัฐบาลจะจ่ายเงิน 250,000 เยน (2,600 ดอลลาร์) แก่ผู้ที่ยินยอมขาย รถยนต์ที่ใช้งานเกินกว่า 13 ปี และจะสนับสนุนเงินสมทบให้ 100,000 เยน แก่ผู้ที่ซื้อรถใหม่ที่ผ่านมาตรฐานการปล่อยมลพิษใหม่ ซึ่งกำหนด ให้ปล่อยมลพิษลดลงร้อยละ15 หรือมากกว่า
ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ของสหรัฐเห็นว่าเป็นการไม่ยุติธรรมเพราะรถยนต์จากสหรัฐและรถยนต์นำเข้าจากชาติ อื่นๆไม่ได้อยู่ในแผนการณ์ให้เงินอุดหนุนของรัฐบาลด้วย จึงเตรียมยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นยกเลิกมาตรการสนับสนุนดังกล่าว แต่คาดว่า คงจะเป็นไปได้ยากเนื่องจากเป็นมาตรการการบริหารจัดการภายในของประเทศญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม มาตรการสำคัญที่ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมต้องการให้รัฐบาลใช้ต่อไป คือการขยายเวลาลดหย่อนภาษีของรัฐบาลออก ไปและการสนับสนุนให้ตลาดซื้อรถ Eco-car ซึ่งมาตรการดังกล่าวของรัฐบาลได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีในปี 2009 หากรัฐบาลยังคงนโยบาย ดังกล่าวไว้ คาดว่าในปี 2010 ยอดจำหน่ายรถยนต์ส่วนบุคคลและรถยนต์เชิงพาณิชย์จะปรับตัวสูงขึ้นเป็น 4.8 ล้านคันหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 เมื่อเทียบกับปี 2009 สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์นั้นยังปรับตัวลดลงอยู่ถึงร้อยละ 6.5 หรือ 404,000 คันเมื่อเทียบกับปี 2009 สาเหตุ หลักคือการที่รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซคาร์บอน ทำให้ราคาต้นทุนสูงขึ้น และปัญหาที่จอดรถจักรยานยนต์ภายในเมือง ที่ลดลงทุกปี ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังสะสมมานานของญี่ปุ่นส่งผลให้คนไม่นิยมใช้จักรยานยนต์กัน
- โตโยต้า
โตโยต้าเปิดเผยข้อมูลว่า สิ้นไตรมาส มีนาคม 2010 นี้บริษัทน่าจะสามารถผลักดันการขายให้อยู่ในจุดคุ้มทุนได้ จากเดิมที่ตั้ง เป้าหมายในการทำกำไรถึง 13.9 พันล้านเยน เนื่องจากยอดจำหน่ายรถยนต์ที่สหรัฐและยุโรปลดลงถึงร้อยละ 34
- ฮอนด้า
ฮอนด้าสามารถทำกำไรจากผลประกอบการประมาณ 555 ล้านดอลลาร์เมื่อสิ้นเดือนมีนาคม 2010 โดยบริษัทจำเป็นต้องลด จำนวนพนักงานชั่วคราวและลูกจ้างรายสัญญาลง พร้อมงดจ่ายโบนัสพนักงาน ผู้บริหารทั้งหมดสมัครใจลดเงินเดือนลงร้อยละ 10 นอกจากนั้น บริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องยุติการเข้าร่วมการแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่ง Formula-1 ลงและอาจต้องขายทีมด้วย ซึ่งฮอนด้าประสบปัญหาเช่น เดียวกันกับผู้ผลิตทุกรายโดยยอดจำหน่ายรถยนต์ของฮอนด้าลดลงถึงร้อยละ 31.6 เมื่อเทียบกับ ปี 2008
- นิสสัน
ลดจำนวนการผลิตลง 8 หมื่นคันทันที ที่เกิดวิกฤตการณ์ในสหรัฐฯ
- ซุซูกิ
ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 4 ประกาศลดการผลิตรถยนต์ลง 3 หมื่นคัน เนื่องจากวิกฤตการณ์เศรษฐกิจ อีกทั้งประกาศผลประกอบ การขาดทุนครั้งแรกในรอบ 8 ปี
- มิตซูบิชิ
นอกจากการลดการผลิตแล้วบริษัทยังต้องหยุดสายงานการผลิตสำหรับรถบางรุ่น ยกเว้นอีโค้คาร์ซึ่งยอดขายยังคงที่อยู่ โดย โรงงานที่มิซึชิม่าและโอกาซากิจะเริ่มหยุดการทำงานกะกลางคืนในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2010 โดยรวมบริษัทจะต้องปรับลดกำลังการผลิตลงราว 1.1 แสนคันในปี 2010
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นคร โอซากา
ที่มา: http://www.depthai.go.th