จากการประมาณการณ์ของ Giftware Association อุตสาหกรรมของขวัญของสหราชอาณาจักรมีมูลค่าประมาณปีละ 10 พันล้านปอนด์ โดยที่ผ่านมาการขยายตัวของอุตสาหกรรมของขวัญของสหราชอาณาจักรพึ่งพานักท่องเที่ยวเป็นหลัก อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคภายในประเทศก็มีส่วนสาคัญในการกระตุ้นการขยายตัวของอุตสาหกรรม เนื่องจากชาวอังกฤษนิยมให้ของขวัญแก่กันตามโอกาสและเทศกาลต่างๆ จนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทศกาลคริสต์มาส นอกจากนี้ เทศกาลอื่นๆ เช่น วันแห่งความรัก วันแม่ วันเกิด วันแต่งงาน วันอีสเตอร์ ในส่วนของสินค้าของใช้/ของตกแต่งบ้าน มีมูลค่าประมาณ 11.3 พันล้านปอนด์ ซึ่งการขยายตัวขึ้นกับภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก
ในปี 2552 ภาพรวมของอุตสหากรรมของขวัญ/ของใช้/ของตกแต่งบ้านมีการขยายตัวติบลบ เนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรที่ถดถอย ส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์มียอดจาหน่ายบ้านลดต่ำลงมาก ซึ่งได้ส่งผลกระทบไปยังธุรกิจการตกแต่งที่อยู่อาศัยใหม่ๆ ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสาคัญที่สุดในหมวดสินค้าของตกแต่งบ้าน นอกจากนี้วิกฤตสถาบันการเงินทำให้การปล่อยสินเชื่อแก่ภาคธุรกิจและครัวเรือนชะงักงัน การล้มละลายของหลายบริษัททาให้มีคนตกงานจานวนมาก ผู้บริโภคจึงจำเป็นต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด ท่ามกลางภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจเช่นนี้ ทำให้ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับราคาสินค้าในการเลือกซื้อสินค้ามากขึ้นจากการสำรวจของนิตยสาร Gift Focus สินค้านำเข้าหัตถกรรมประเภท fair trade ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมากในช่วงปีที่ผ่านมาเนื่องจากผู้บริโภคยังมีความต้องการให้ของขวัญ ประกอบกับสินค้า fair trade มีราคาไม่สูง โดยในปีที่ผ่านมายอดขายสินค้าดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 43 ทาให้มีร้านค้าประเภทที่ขายสินค้านำเข้าจากแหล่งต่างๆ ทั่วโลกโดยเน้นว่าเป็นสินค้าที่ traded fairly โดยเฉพาะเกิดขึ้นจำนวนมาก
อุตสาหกรรมเซรามิกเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมการผลิตดั้งเดิมของสหราชอาณาจักร และเคยเป็นอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนต่อจีดีพีสูงสุด ผลิตภัณฑ์เซรามิกของสหราชอาณาจักรมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับทั่วโลกทั้งในแง่ของคุณภาพและการออกแบบ บางแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในปัจจุบันก่อตั้งมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1700 ผู้ผลิตรายใหญ่กระจุกตัวในย่าน Stoke-on-Trent (หรือที่เรียกว่า the Potteries) ทั้งนี้ ผู้ผลิตรายย่อยจะกระจายไปทั่วประเทศ ในช่วงต้นปี ค.ศ. 2000 อุตสาหกรรมเซรามิกของสหราชอาณาจักรเริ่มได้รับผลกระทบอย่างหนักจากผลิตภัณฑ์นำเข้าจากต่างประเทศที่มีราคาถูกกว่ามาก โดยเฉพาะจากจีนเนื่องจากค่าแรงที่ต่ำกว่ามากส่งผลให้หลายบริษัทต้องปิดโรงงานและย้ายฐานการผลิตไปนอกประเทศ ยกตัวอย่างเช่น บริษัทที่มีชื่อเสียงทั่วโลก เช่น Royal Doulton (ประกอบด้วย 3 แบรนด์ คือ Royal Doulton, Royal Albert และ Minton) ได้ย้ายโรงงานผลิตแบลนด์ Royal Albert ไปตั้งอยู่ที่อินโดนีเซียตั้งแต่ปี 2002 แบรนด์ดังอื่นๆ ได้แก่ Waterford Wedgwood ก็ย้ายฐานการผลิตบางส่วนไปจีนตั้งแต่ปี 2003 ล่าสุด ในปี 2552 อุตสาหกรรมเซรามิกของสหราชอาณาจักรได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตทางการเงิน ที่ทำให้ Wedgwood ล้มละลาย และบริษัทอเมริกันได้ซื้อกิจการไป British Ceramics Confederation ประเมินว่าผู้ผลิตเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร รูปปั้นและของประดับอื่นๆ ที่เป็นเซรามิกในสหราชอาณาจักรมีประมาณ 400 ราย โดย 40 รายทำการค้าระหว่างประเทศ อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวยังไม่รวมผู้ผลิตรายย่อย
การจำแนกประเภทสินค้า
สินค้าของขวัญ ของใช้/ของตกแต่งบ้านแบ่งแยกตามการใช้งาน ดังนี้
- ของใช้/ของตกแต่งบ้านประเภทไม้ : หมวดสินค้า 4420 4419 4414
- ของใช้/ของตกแต่งบ้านประเภทแก้วและกระจก : หมวดสินค้า 7013 7009 7018
- ของใช้/ของตกแต่งบ้านประเภทเซรามิก : หมวดสินค้า 6912 6911 6913
- ของใช้/ของตกแต่งบ้านประเภทผ้า : หมวดสินค้า 6302 6303 6304 6301
- ของใช้/ของตกแต่งบ้านประเภทโลหะจำพวกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดง โลหะสามัญ : หมวดสินค้า 7323 7418 7615 8306
- อุปกรณ์รับประทานอาหารจำพวกช้อน ส้อม มีด : หมวดสินค้า 8211 8215
- ของใช้/ของตกแต่งบ้าน ประเภทศิลปวัตถุ สิ่งมีค่า โบราณวัตถุ : หมวดสินค้า 9703 9705 9702 9704
- ของใช้/ของตกแต่งบ้านประเภทพลาสติก : หมวดสินค้า 3924
- ของขวัญ/ของใช้/ของตกแต่งบ้านอื่นๆ : หมวดสินค้า 330499 420231 420232 420239 950510 3301 3406 6702
1.1 การนำเข้าจากทั่วโลก
ในปี 2552 สหราชอาณาจักรนำเข้าสินค้าของขวัญ/ของใช้/ของตกแต่งบ้านจากทั่วโลกมูลค่ารวมประมาณ 8,570.50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 25.81 จากปีก่อนหน้า โดยการนำเข้าลดลงในทุกหมวดสินค้า ทั้งนี้ปัจจัยหลัก คือ การหดตัวของเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรอย่างต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ที่ทำให้กาลังซื้อของผู้บริโภคภายในประเทศถดถอยลง ประกอบกับภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆทั่วโลกในปี 2551-2552 ที่ส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาสหราชอาณาจักรลดลง ในส่วนของส่วนแบ่งตลาด จีนครองตลาดอันดับหนึ่งในเกือบทุกหมวดสินค้าเนื่องจากมีความได้เปรียบด้านต้นทุนทำให้สามารถแข่งขันด้านราคา
1.2 การนำเข้าสินค้าจากประเทศไทย
ในปี 2552 สหราชอาณาจักรนำเข้าสินค้าของขวัญ ของใช้/ของตกแต่งบ้านจากประเทศไทยมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 114.58 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้านำเข้าจากไทยมูลค่าสูงเป็นอันดับ 1 คือ สบู่ ตามด้วยผลิตภัณฑ์บารุงผิว ของใช้บนโต๊ะอาหารและในครัวทำจากเซรามิก (ที่ไม่ใช่ porcelain & china) ของใช้บนโต๊ะอาหาร/ในครัวทาจากพลาสติก กรอบรูป/กรอบกระจก/กรอบภาพทาจากไม้ ของใช้บนโต๊ะอาหาร/ในครัวหรือในส่วนอื่นๆของบ้านเรือนทาด้วยอะลูมิเนียม ของใช้บนโต๊ะอาหาร/ในครัวหรือในส่วนอื่นๆของบ้านเรือน ทำด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้า และของใช้บนโต๊ะอาหารและในครัวทำจากไม้ ตามลาดับ ทั้งนี้ การนำเข้าสินค้าในหมวดของขวัญ/ของใช้/ของตกแต่งบ้านจากไทยลดลงเกือบทุกรายการ ยกเว้น สินค้าบางรายการที่มีการขยายตัวของการนำเข้าเพิ่มขึ้น คือ ผลิตภัณฑ์บารุงผิว ของใช้บนโต๊ะอาหาร/ในครัวทาด้วยพลาสติก อุปกรณ์รับประทานอาหารจำพวกช้อน/ส้อม/มีดทำด้วยโลหะสามัญ ของที่พกติดกระเป๋าเครื่องแต่งกายหรือกระเป๋าถือ ทำจากหนัง พลาสติกและวัสดุอื่น ลูกปัดและเครื่องประดับอื่นๆ ทำด้วยแก้ว ของอื่นที่ใช้ตกแต่งบ้าน (เช่น ผ้าม่าน) ผ้าห่มและถุงนอน ของใช้บนโต๊ะอาหาร/ในครัวหรือในส่วนอื่นๆ ของบ้านเรือนทำด้วยทองแดง สะท้อนให้เห็นว่า สินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพในการแข่งขันท่ามกลางเศรษฐกิจซบเซาของสหราชอาณาจักร
ส่วนแบ่งตลาด
- สบู่ : ที่ผ่านมา ไทยเคยครองตลาดในอันดับ 1 สำหรับสบู่ก้อนในปี 2550 แต่ตั้งแต่ปี 2551 เยอรมันกลายเป็นอันดับ 1 และไทยอันดับ 2 ตามด้วยจีน
- ของใช้บนโต๊ะอาหารและในครัวทำจากเซรามิก (ที่ไม่ใช่ porcelain & china) : ไทยมีส่วนแบ่งตลาดเป็นลาดับที่ 3 รองจากจีน และโปรตุเกส
- กรอบรูป/กรอบกระจก/กรอบภาพทำจากไม้ : ไทยมีส่วนแบ่งตลาดเป็นลาดับ 2 รองจากจีน
- ของใช้บนโต๊ะอาหารและในครัว ทำจากไม้ : ไทยมีส่วนแบ่งตลาดเป็นลาดับ 2 รองจากจีน
1.3 การส่งออกของไทยมายังสหราชอาณาจักร
ในปี 2552 สหราชอาณาจักรเป็นตลาดส่งออกใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไทยสำหรับสินค้าเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร/ในครัวและบ้านเรือน สินค้าถ้วยชามทำด้วยเซรามิก สินค้ากรอบรูปไม้ รองจากสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกใหญ่เป็นอันดับ 1 ของไทยสำหรับสบู่ เป็นตลาดส่งออกใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไทยสาหรับผลิตภัณฑ์บำรุงผิว รองจากอินโดนีเซีย และเป็นตลาดส่งออกใหญ่เป็นอันดับ 3 ของไทยสาหรับเทียนไข รองจากสหรัฐฯ และเยอรมัน
2.1 Independent stores สามารถพบได้ในแต่ละเมืองในสหราชอาณาจักร แต่ละร้านมีสินค้าและรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ร้านค้าเหล่านี้มีการรวมกลุ่มกันผ่าน BHF-BSSA Group (BSSA-British Shops and Stores Association) ซึ่งทำให้เกิดกาลังการต่อรองจากผู้ผลิต ร้านค้าเอกชนเหล่านี้ประมาณว่ามีจำนวนกว่า 1000 ร้านทั่วสหราชอาณาจักร ซึ่งมักเป็นร้านค้าเก่าแก่ที่ตั้งมานานอยู่ในแต่ละเมือง ร้านค้าเหล่านี้มักประสพปัญหาภาวการณ์แข่งขันกับห้างสรรพสินค้าที่มีสาขาในแต่ละเมืองและมีการขายสินค้าที่ใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ ปัจจุบัน ร้านค้าประเภท Fair Trade Shops มีการขยายตัวมาก โดยมีการรวมกลุ่มผ่าน British Association for Fair Trade Shops ร้านค้าเหล่านี้นำเข้าสินค้าหัตถกรรมจากแหล่งต่างๆ ทั่วโลก
2.2 Specialized store chains : ร้านค้าที่จำหน่ายของใช้ในบ้านโดยเฉพาะ (Houseware specialized store chains) ซึ่งมีจำนวนน้อย ร้านค้าที่เป็นที่รู้จักดีได้แก่ Cargo Homeshop, Lakeland, Chinacraft และ Steamer Trading Cookshops และร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์และของใช้ในบ้าน ได้แก่ Habitat ; Heal’s และ IKEA
2.3 เครือซุปเปอร์มาเก็ต mainstream ซึ่งนอกเหนือไปจากสินค้าจำพวกอาหารแล้ว เครือซุปเปอร์มาร์เกตขนาดใหญ่ขายสินค้า non-food ด้วย ได้แก่ เครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า เครื่องสาอาง น้ำหอม เครื่องประดับ กระเป๋า/รองเท้า ได้แก่ Tesco; Sainsbury’s; Asda
2.4 ห้างสรรพสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่นำเข้าสินค้าเอง โดยมีแผนกจัดซื้อพร้อม buyers สำหรับแต่ละกลุ่มสินค้าโดยเฉพาะ ซึ่ง buyers เหล่านี้ มีอำนาจในการตัดสินใจเลือกและสั่งซื้อสินค้า โดยห้างชั้นนำได้แก่ Harrods; Selfridges; Liberty; John Lewis; Mark & Spencer; House of Fraser; Debenhams เป็นต้น
2.5 เครือร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ ได้แก่ Argos ซึ่งเป็นผู้นาตลาด โดย Argos เป็นบริษัทในเครือของ Home Retail Group เครือค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ มีร้านค้ากว่า 700 แห่ง ขายสินค้าผ่าน catalogue (catalogue retailer) โดยไม่มีการโชว์สินค้าหน้าร้าน ลูกค้าสามารถสั่งซื้อทาง on-line หรือซื้อที่ร้านเองก็ได้ อนึ่งการซื้อสินค้ารวมทั้งของขวัญ/ของใช้/ของตกแต่งบ้านผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในปี 2008 ยอดขายสินค้าทางอินเตอร์เน็ตอยู่ที่ 42 พันล้านปอนด์ และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 72 พันล้านปอนด์ในปี 2010
2.6 ตัวแทนนาเข้าและจัดจำหน่าย (agents/distributors) ปัจจุบันบริษัทตัวแทนนำเข้ามีบทบาทสาคัญมากขึ้น Design Centre ณ Chelsea Harbour ซึ่งเป็นศูนย์รวม showroomsสินค้าของตกแต่งบ้านที่เน้นการออกแบบและคุณภาพสูงระดับ premium นอกจากจะขายสินค้าที่ออกแบบโดยเจ้าของร้านแล้ว ส่วนใหญ่ยังรับเป็น showroom และ distributor ให้แก่ผู้ผลิตสินค้าของตกแต่งบ้านชั้นนาในต่างประเทศด้วย ตัวอย่าง ในส่วนของสินค้าจากประเทศไทย เช่น Fox Linton เป็น distributor ให้กับ Jim Thompson และ Brunschwig & Fils เป็น distributor ให้แก่ Jagtar
ผู้บริโภคชาวอังกฤษชมชอบสินค้าที่มีความคิดสร้างสรรสินค้าที่มีความแปลกใหม่ มีการออกแบบเรียบง่าย ใช้งานทนทาน ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (eco-friendly) หากเป็นสินค้านาเข้าจากประเทศกำลังพัฒนาก็จะให้ความสำคัญกับประเด็นว่าสินค้านั้นได้ให้ราคาที่เป็นธรรมแก่ผู้ผลิตหรือไม่ (fair trade)
นิตยสาร Gift Focus ซึ่งเป็นนิตยสารชั้นนำในสหราชอาณาจักร คาดการณ์ว่าแนวโน้มสินค้าของขวัญที่ขายดีสำหรับปี 2009/2010 คือ เทียนหอม ทั้งนี้ เนื่องจากเทียมหอมมีราคาไม่แพงและเป็นสินค้าที่ทาให้รู้สึกดี (‘feel good’) แก่ผู้ได้รับ ทำให้ผู้บริโภคซึ่งจำเป็นต้องรัดเข็มขัดในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำยังสามารถให้ของขวัญในช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆได้ ในส่วนของรูปแบบสินค้า เทียนหอมในภาชนะแก้วมีแนวโน้มได้รับความนิยมมากที่สุด สำหรับวัสดุที่ใช้แนวโน้มเป็นวัสดุเทียนไขจากธรรมชาติมากขึ้น เช่น ถั่วเหลือง ขี้ผึ้ง (ทั้งนี้ หากเป็นน้ามันปาล์ม แม้ว่าจะเป็นวัสดุจากธรรมชาติแต่ผู้บริโภคกลับไม่นิยม เพราะมองว่าวัสดุดังกล่าวเชื่อมโยงกับการทำลายป่าในอินโดนีเซียเพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน) อย่างไรก็ดี paraffin candles ก็ยังได้รับความนิยมมากที่สุด สำหรับกลิ่นแนวโน้มปี 2010 นิยมกลิ่นดอกไม้ ต้นไม้ เช่น วานิลลา ลาเวนเดอร์ orange blossom และ magnolia มากกว่ากลิ่นหวานๆ แบบขนม นอกจากนี้ สีของเทียนหอมก็มีความสำคัญเน้นสีตามแฟชั่นของตกแต่งบ้าน ตกแต่งโต๊ะ โดยจัดทำเป็น collection ตามฤดู ส่วนการออกแบบเน้นที่มี style วัสดุหีบห่อที่สวยงามและทำจากกระดาษที่ recycle
สำหรับสินค้าของใช้/ของตกแต่งบ้าน นั้น การออกแบบที่ทันสมัย และราคาสินค้า เป็นปัจจัยสำคัญมากขึ้นในการเลือกซื้อสินค้า ความนิยมในสินค้ารูปแบบดั้งเดิมจะค่อยๆ เลือนหายไป ปัจจุบัน ผู้ค้าปลีกรายใหญ่มีการแข่งขันด้านราคากันอย่างต่อเนื่อง โดยมีการลดราคาสินค้านอกฤดูการณ์มากขึ้น เรียกได้ว่า แทบจะลดกันตลอดทั้งปี ทั้งนี้ เนื่องจาก แม้ว่าสหราชอาณาจักรจะหลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเมื่อไตรมาสสุดท้ายของปี 2552 โดยมีอัตราการขยายตัวที่ร้อยละ 0.3 หลังจากที่หดตัวต่อเนื่องกันมาถึง 18 เดือน การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะเป็นไปค่อนข้างช้าและมีความเปราะบางมาก โดยในปี 2553 นี้ รัฐบาลคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรจะขยายตัวทั้งปีเพียงร้อยละ 1.25 สาเหตุสาคัญ คือ จำนวนคนว่างงานยังคงสูงมากถึงกว่า 2 ล้านคน กอปรกับสถาบันการเงินยังมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อทำให้ผู้บริโภคยังคงมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย
The Giftware Association (GA) เป็นสมาคมที่มีสมาชิกเป็นผู้ผลิต ผู้ออกแบบ ผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก ผู้นาเข้า และผู้ส่งออก สินค้าของขวัญ (gift) และของใช้/ของตกแต่งบ้าน (homeware) ใน สหราชอาณาจักร
นำเข้าของทุกหมวด/รายการสินค้า สามารถหาได้ที่ website http://ec.europa.eu/taxation_customs/dds/cgi-bin/tarchap?Lang=EN โดย click ที่ browse ก่อน เพื่อหารหัส (code) สินค้า จากนั้นพิมพ์รหัสลงไป และ click ประเทศที่เป็นแหล่งนาเข้า และ click ที่ customs duties
สินค้าของใช้/ของตกแต่งบ้านในสหราชอาณาจักรนั้นสามารถแบ่งสินค้าได้เป็น 3 กลุ่มหลักๆ ซึ่งแต่ละกลุ่มมีลักษณะเด่นของสินค้า และ ดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน การทาความเข้าใจว่ากาลังผลิตและสินค้าของผู้ผลิตไทยเหมาะสมกับกลุ่มสินค้าใดใน 3 กลุ่มนี้ จะทาให้สามารถวางแนวทางในการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของสินค้าได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กลุ่มสินค้าดังกล่าว ได้แก่
7.1 สินค้าเอกลักษณ์ : สินค้ากลุ่มนี้คงรูปแบบและเอกลักษณ์ของแหล่งที่ผลิตสินค้า และสินค้าที่มีการคัดลอกรูปแบบ ลวดลาย หรือรูปทรงจากศิลปหัตถกรรมพื้นเมือง และยังรวมไปถึงตัวหัตถกรรมพื้นบ้านเองด้วย ตัวอย่างสินค้าที่ประสบความสาเร็จในตลาดสหราชอาณาจักร คือ เครื่องครัว Tierra Negra Cookware จากประเทศโคลัมเบีย ซึ่งนาเข้าโดย Scot Columbus ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวมาตั้งแต่ปี 1992 โดยได้มีการพัฒนาความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับผู้ผลิตซึ่งเป็นครอบครัวช่างฝีมือในหมู่บ้านเล็กๆในโคลัมเบีย ซึ่งมีกรรมวิธีการผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่แปลกไม่เหมือนใคร โดยขึ้นรูปด้วยมือ ทั้งนี้ Scot Columbus ได้เข้าไปแนะนาเทคนิคการผลิตใหม่ให้แก่ช่างเหล่านี้เพื่อพัฒนาคุณภาพด้านความทนทาน และการออกแบบ ส่งผลออกมาเป็น Tierra Negra ซึ่งสามารถใช้เป็นทั้ง cookware และ tableware ได้ นอกจากนี้ ยังจัดเป็นผลิตภัณฑ์ organic เนื่องจากไม่มีการผสมสารใดๆทาจากดินเหนียวล้วนๆ ปัจจุบันมีขายในห้างสรรพสินค้าชั้นนา ได้แก่ John Lewis
สินค้ากลุ่มนี้มักดึงดูดลูกค้าที่มีความสนใจในศิลปหัตถกรรมจากต่างชาติ การประชาสัมพันธ์ที่เหมาะสมกับลูกค้ากลุ่มนี้สามารถทาได้โดยการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่ถูกต้องและชัดเจนว่าสินค้าชิ้นนั้นมีประวัติความเป็นมาอย่างไร มีคุณค่าความแตกต่างกับสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดอย่างไร นอกจากนี้ผู้ผลิตควรพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการนาเอาวัสดุ และการผลิตดั้งเดิมเข้ามาประยุกต์ใช้
7.2 สินค้าที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบบางส่วน สินค้ากลุ่มนี้มักได้รับการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์หรือลักษณะการใช้งานให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าแล้ว แต่ยังแสดงออกถึงเอกลักษณ์ของผู้ผลิต โดยสินค้าในกลุ่มนี้มักรูปลักษณ์ภายนอกที่บ่งชี้ถึงประเทศหรือกลุ่มผู้ผลิต แต่บ่งบอกในลักษณะที่ไม่ชัดเจนเท่ากับสินค้ากลุ่มแรก เช่นผ่านทางวัสดุ หรือ วิธีการผลิตที่อีกเอกลักษณ์ เป็นต้น
Tefal ผู้ผลิตเครื่องครัวชั้นนาของยุโรป กับชุด Mosaic ซึ่งประกอบไปด้วย อุปกรณ์สาหรับปรุงอาหารอินเดีย (karhai) อาหารจีน (wog) อาหารโมรอคโค (taijine) อาหารสเปน (paella) และอาหารแมกซิกัน (fajita) แสดงให้เห็นถึงความนิยมในการปรุงอาหารนานาชาติของชาวอังกฤษ
กลุ่มลูกค้าของสินค้ากลุ่มนี้มีขนาดใหญ่ และมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งมักเป็นกลุ่มลูกค้าวัยทางานที่นาสมัย สินค้าจึงควรมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้ชีวิตสมัยใหม่ และยังควรคานึงถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อสินค้าในด้านต่างๆที่มักเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอด้วยเช่น แนวโน้มด้านความสวยงาม (Aesthetic Trends) เทคโนโลยีวิธีการผลิตใหม่ๆ เป็นต้น นอกจากความสวยงามแล้วลูกค้ากลุ่มนี้มักต้องการสินค้าที่สามารถใช้งานได้จริง มีความทนทานและมีคุณภาพอีกด้วย
7.3 สินค้าที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบโดยสิ้นเชิง
กลุ่มสินค้ากลุ่มสุดท้ายนี้เป็นกลุ่มที่มีความซับซ้อนมากที่สุด รูปลักษณ์ของสินค้าไม่ใช่จุดสำคัญที่แสดงออกถึงที่มาของสินค้าอีกต่อไป แต่สิ่งที่สำคัญที่สร้างเอกลักษณ์ให้กับสินค้าคือปรัชญาหรือแนวทางในการสร้างสรรค์สินค้าชิ้นนั้นๆ
ตัวอย่างเช่น MUJI เป็นร้านค้าปลีกจากญี่ปุ่นที่ถูกก่อตั้งขึ้นในช่วงปี 1980 ปัจจุบัน มีร้าน MUJI ทั้งในสหราชอาณาจักร และยุโรป นอกจากนี้ ยังมีขายในห้างสรรพสินค้าชั้นนา ได้แก่ Selfridges; House of Fraser ทั้งนี้ MUJI ถูกก่อตั้งขึ้นด้วยปรัชญาเบื้องต้นคือ สินค้าต้องไม่มียี่ห้อ มีคุณภาพ และมีราคาที่เหมาะสม (non branded quality products at reasonable prices) สินค้าเน้นการออกแบบที่เรียบง่าย ใช้สีกลางเป็นหลัก โดยเฉพาะสีขาว ขายสินค้าหลากหลาย ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า/รองเท้า เฟอร์นิเจอร์ เครื่องครัว อุปกรณ์ในห้องน้า สบู่ เครื่องสาอาง กรอบรูป stationary นาฬิกา เป็นต้น
การที่สินค้าจะคงไว้ซึ่งแนวความคิดในการผลิตและมีการออกแบบ เลือกใช้วัสดุ วิธีการผลิต และการส่งเสริมการขายที่สอดคล้องกับแนวความคิดของสินค้านั้นเป็นเป้าหมายหลักของสินค้าในกลุ่มนี้ สินค้ากลุ่มนี้มักเป็นกลุ่มสินค้าที่ท้าทายผู้ผลิตมากที่สุด เนื่องมาจากสินค้ามักเป็นนวัตกรรมใหม่ หรืออยู่ภายใต้แนวความคิดแบบใหม่ ทาให้ต้องสร้างตลาดใหม่เพื่อรองรับสินค้าด้วย
8.1 แม้ว่าจีนจะครองตลาดสินค้าของขวัญ ของใช้ ของตกแต่งบ้านในสหราชอาณาจักรเกือบทั้งหมด เนื่องจากสามารถผลิตสินค้าในราคาที่ถูกกว่าคู่แข่ง แต่ยังมีช่องทางที่ผู้ประกอบการไทยน่าจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้ โดยสิ่งสำคัญ คือ การออกแบบที่แตกต่าง (original design) มีคุณภาพ และการเน้นประเด็นที่ผู้บริโภคชาวอังกฤษให้ความสาคัญ คือ การใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น วัสดุ recycle นอกจากนี้ แบลนด์สินค้ามีความสาคัญ หากผู้บริโภคยอมรับ จะทำให้สามารถครองตลาดได้ในระยะยาว
8.2.1 Top Drawer Spring เดือนมกราคมของทุกปี
8.2.2 Spring Fair International จัดช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
8.2.3 London Design Week 2010 : 21-26 March 2010 ณ Chelsea Harbour Design Centre
8.2.4 Autumn Fair International จัดช่วงเดือนกันยายนของทุกปี
8.2.5 Top Drawer Autumn เดือนกันยายนของทุกปี
8.2.6 100% Design เดือนกันยายนของทุกปี
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงลอนดอน
ที่มา: http://www.depthai.go.th