สำหรับในอิตาลีเศรษฐกิจแบบใหม่หรือ green economy เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น โดยมีมูลค่า 10 ล้านยูโรหรือประมาณร้อยละ 8 ของตลาดยุโรป ในขณะที่ทั่วโลกมีมูลค่าอยู่ที่ 800 พันล้านยูโร ทั้งนี้มูลค่าดังกล่าวเป็นมูลค่ารวมจากอุตสาหกรรมหลายสาขา เช่น เกษตรอินทรีย์ พลังงานทดแทน การค้าเชิงนิเวศและสังคม และการค้าเชิงธรรมาภิบาล อุตสาหกรรมหลักๆ ของอิตาลีที่อยู่ในกลุ่ม green economy คือ พลังงานทดแทน ซึ่งในประเทศอิตาลีเองมีการบริโภคเพิ่มขึ้น โดยพยายามลดการบริโภคพลังงานในรูปแบบเดิม โดยอิตาลีจัดอยู่ในอันดับที่ 5 ของสหภาพยุโรป
โดยภาพรวมการบริโภคพลังงานของอิตาลีครอบคลุมถึงการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.2 ในปี 2005 เป็นร้อยละ 16.5 ในปี 2008 และมีการคาดการณ์ว่าในปี 2010 จะมีการใช้พลังงานร้อยละ 17.6 และในปี 2020 มีเป้าหมายที่ร้อยละ 17 (ตามกับนโยบายของสหภาพยุโรป)
สำหรับในอิตาลียังไม่มีนโยบายสนับสนุน green economy อย่างชัดเจน ส่วนใหญ่แล้วการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ จะถูกผลักดันโดยบริษัทผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (มากกว่าภาครัฐ) เพื่อวัตถุประสงค์หลักในการค้นหาพลังงานทางเลือกเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ
จากการพิจารณาตามพื้นที่ในแต่ละแคว้น พบว่าแคว้นที่เกี่ยวข้องกับ green economy ได้แก่ ในภาคเหนือ (โดยเฉพาะ Piemonte, Trentino Alto Adige, Veneto, Emilia Romagna และ Lombardia) ส่วนภาคกลางจะมีเฉพาะแคว้น Tuscany และทางใต้คือแคว้น Puglia เท่านั้น โดยในภาคใต้มีการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 โดยเฉพาะใน Molise, Basilicata and Calabria
จากสถิติโดยรวมการผลิตพลังงานทดแทนในประเทศอิตาลี : 58,164 GWh (ส่วนใหญ่ในภาคเหนือ คือ Trentino และ Lombardia) โดยเพิ่มขึ้นจาก 13% ในปี 2008 และส่วนใหญ่ผลิตมาจาก
- พลังงานแสงอาทิตย์ : 193 GWh (ส่วนใหญ่ผลิตในแคว้น Puglia ทางภาคใต้และในแคว้น Trentino, Lombardia และ Emilia Romagna ทางภาคเหนือ) มีสัดส่วนเป็น 0.3%
- พลังงานจากการย่อยสลายของเสีย : 1,556 GWh (ส่วนใหญ่ผลิตในแคว้น Lombardia และ Emilia Romagna ทางภาคเหนือ) มีสัดส่วนเป็น 2.6%
- พลังงานจากน้า : 41,623 GWh (ส่วนใหญ่ผลิตในแคว้น Trentino, Lomardia และ Piemonte ทางภาคเหนือง) มีสัดส่วนเป็น 71.5%
- พลังงานจาก Aeolian : 4,861 GWh (ส่วนใหญ่ผลิตใน Puglia, Campania ทางภาคใต้ และเกาะ Sicily มีสัดส่วนเป็น 8.3%
- พลังงานจากก๊าซชีวภาพ : 1,599 GWh (ส่วนใหญ่ในแคว้น Lombardia, Emilia Romagna และ Piemonte ทางภาคเหนือ มีสัดส่วนเป็น 2.7%
เป็นที่น่าสังเกตว่า พลังงานจากแสงอาทิตย์ยังคงให้ผลผลิตในสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับพลังงานทดแทนด้านอื่น แต่พบว่ามีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในปี 2009 ผลิตเพิ่มขึ้น 72% เมื่อเทียบกับ 2008 โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน Puglia, Lazio และ Basilicata ทางภาคกลางและภาคใต้ ทั้งนี้เนื่องจากมีการสร้างฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่จะผลิตเพื่อใช้บริโภคเองแต่ยังนาสินค้าที่เหลือไปขายได้ด้วย ประเทศอิตาลีเป็นประเทศที่จัดอยู่ในอันดับสองของโลกรองจากเยอรมันที่มุ่งเน้นการใช้พลังงานสีเขียวชนิดนี้ ตามด้วยสเปน ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา
เศรษฐกิจแบบใหม่หรือ green economy ในอิตาลีไม่ได้มีลักษณะเฉพาะในเรื่องของพื้นที่เท่านั้น จะยังมีเรื่องของการแบ่งปันความรู้และเทคนิคอีกด้วย ซึ่งมีทั้งบริษัทและศูนย์วิจัย รวมถึงมหาวิทยาลัยที่สามารถเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจแบบใหม่ดังกล่าว นอกจากนี้สหภาพแรงงานของหน่วยงานต่างๆ ยังสามารถขอรับเงินทุนสนับสนุนจากสหภาพยุโรปได้ด้วย (ซึ่งมักจะได้รับอนุมัติง่ายขึ้นโดยเฉพาะทางภาคใต้เพราะต้องการลดช่องว่างทางเศรษฐกิจกับทางภาคเหนือ)
- ในแคว้น Veneto (ทางภาคเหนือ) เป็นแหล่งผลิตพลังงานทดแทนในเมือง Belluno การผลิต Bio-building ในเมือง Treviso และอุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนในเมือง Venice
- ในแคว้น Tuscany (ทางภาคกลาง) การผลิตเพื่อรักษาระบบนิเวศในเมือง Prato การผลิตโดยใช้ hydrogen ในเมือง Arezzo
- ในแคว้น Puglia (ทางภาคใต้) การผลิต bio-building ในเมือง Lecce
- ในภาคเหนือ ได้แก่ แคว้น PIEMONTE (ก๊าซชีวภาพ biomass การใช้วัสดุใหม่ และพลังงานทดแทน) แคว้น Emilia ROMAGNA (Aeolian) แคว้น TRENTINO (bio-building) และแคว้น LOMBARDIA (พลังงานทดแทน)
- ในภาคกลางได้แก่ แคว้นTuscany (photovoltaic) แคว้นลาซิโอ (solar)
- ในภาคใต้ ได้แก่ แคว้น Puglia (Aeolian) แคว้น Sicily (photovoltaic และพลังงานแสงอาทิตย์)
กลุ่มในแผนพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน ได้แก่ แคว้น Piemonte ทางภาคและแคว้น Tuscany ทางภาคกลาง
แคว้น Lazio
แคว้นลาซิโอเป็นแคว้นที่ประชากรมีรายได้ต่อหัวสูงมากเป็นอันดับสองของประเทศอิตาลี ซึ่งมีมูลค่ารายได้ร้อยละ 10 ของประชากรทั้งประเทศ (27,646 ยูโรต่อหัว) เนื่องจากเป็นแคว้นที่มีบริษัทต่างชาติตั้งอยู่ในพื้นที่มากกว่า 500 บริษัทที่ผลิต/ส่งออกสินค้า ดังนั้นจึงเป็นแคว้นที่มีบริษัทหลากหลายทาให้มีตลาดที่ใหญ่และมั่นคงมาก รวมถึงมีประชากรอาศัยอยู่มากว่า 5 ล้านคน (และอีก 17 ล้านคนจากแคว้นใกล้เคียง) และมีรายได้ต่อหัวสูงกว่ารายได้เฉลี่ยของประเทศร้อยละ 12 แคว้นลาซิโอเป็นแคว้นที่ผลิตพลังงานทดแทนได้ร้อยละ 2.1 ของจานวนการผลิตพลังงานทดแทนในอิตาลี มีการใช้พลังงานจากโซล่าเซลล์มากขึ้น (+210 %) และยังเป็นที่ตั้งของศูนย์วิจัยพลังงานแสงอาทิตย์ photovoltaic ที่สาคัญในกรุงโรม เพื่อใช้ในการขนส่งอย่างยั่งยืนและอุตสาหกรรม Hydrogen ในเมือง Civiavecchia
แคว้นทัสคานี (Tuscany)
แคว้นทัสคานีเป็นแคว้นที่มีรายได้ประชากรต่อหัวมีมูลค่าร้อยละ 6.7 ของประเทศ (มากกว่า 25,000 ยูโรต่อหัวต่อปี) เมืองฟลอเรนส์เป็นเมืองหลวงของแคว้นและเป็นศูนย์กลางของแหล่งผลิตสินค้าที่ทาในอิตาลี แคว้นทัสคานีเป็นแคว้นที่ผลิตพลังงานทดแทนได้ร้อยละ 11 โดยเป็นที่ตั้งของกลุ่มคลัสเตอร์ hydrogen ในเมือง Arezzo และphotovoltaic park ในเมือง Maremma และในเมือง Pisa และศูนย์ clean electromagnetic wave ใน เมือง Navacchio ปัจจุบันอุตสาหกรรมในแคว้นนี้กาลังเริ่มปรับตัวเองให้เข้าสู่ green economy ดังนี้
- ส่วนหนึ่งของกลุ่มคลัสเตอร์สิ่งทอในเมืองปราโต้กาลังจะเปลี่ยนเป็น ecological district
- โรงงาน Electrolux ในเมืองฟลอเรนส์เปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิตตู้เย็นเป็น solar photovoltaic panels
- บริษัท Pramac ในเมืองเซียนาเปลี่ยนการผลิตจาก electrogen และเครื่องจักรด้าน logistic เป็น photovoltaic panels
แคว้น Basilicata
แคว้นบาซิลิคาตาเป็นแคว้นที่มีความหลากหลายมากที่สุดในภาคใต้ มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงที่สุดในพื้นที่ 16,065 ยูโรต่อหัว เมืองหลวงคือ โพเทนซา ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการผลิตและการค้า เปรียบเสมือนแม่เหล็กของเศรษฐกิจของแคว้น แคว้นบาซิลิคาต้าเป็นแคว้นที่ผลิตพลังงานทดแทนได้ร้อยละ 0.9 เป็นแคว้นที่มีแนวโน้มในการใช้พลังงานทดแทนที่ดีที่สุด (เพิ่มขึ้น 8%) โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ (เพิ่มขึ้น 465%) เดิมใช้พลังงานจากAeolian ในการผลิต
แคว้น Puglia
เป็นแคว้นที่มีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมของตนเองและประวัติศาสตร์และการผลิต ซึ่งมีการคิดค้นเทคโนโลยีการผลิตในอุตสาหกรรมหลายด้าน รายได้ต่อหัว 15,598 ยูโร นโยบายการให้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนทาให้มีการลงทุนจากต่างชาติมากกว่า 40 กลุ่มทางด้านยานอากาศ อุตสาหกรรมเครื่องยนต์ เคมีภัณฑ์ และ ICT
แคว้นปูเลียเป็นแคว้นที่ผลิตพลังงานทดแทนได้ร้อยละ 3.7 เป็นแคว้นที่มีแนวโน้มในการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ดีที่สุด (เพิ่มขึ้น 110%) ซึ่งแคว้นดังกล่าวเป็นแคว้นทางภาคใต้ที่เน้นเรื่อง green economy (โดยเฉพาะ photovoltaic, Aeolian และ bio building) ยังเป็นที่ตั้งของกลุ่มคลัสเตอร์ bio building และ Aeolian park ในเมือง Lecce ด้วย
แคว้น Marche
แคว้นมาร์เก้มีรายได้ประชากรต่อหัวร้อยละ 2.6 ของประชากรประเทศ (รายได้ต่อหัว 23,294 ยูโร) เมืองหลวงอังกอราเป็นศูนย์กลางของการเป็นแคว้นที่มีศักยภาพด้านวิศวกรรมเครื่องกลและ ICT เนื่องจากมีมหาวิทยาลัยที่ทางานด้านวิจัยและพัฒนาให้อุตสาหกรรมถึง 4 มหาวิทยาลัย 11
แคว้นมาร์เก้เป็นแคว้นที่ผลิตพลังงานทดแทนได้ร้อยละ 1 โดยส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมการผลิตที่เกี่ยวข้องกับเทคโลโลยีพลังงานจากแสงอาทิตย์ ปัจจุบันอุตสาหกรรมในแคว้นนี้กาลังเริ่มปรับตัวเองให้เข้าสู่ green economy ดังนี้
- บริษัท Loccioni ในเมือง Ancona สร้างแนวคิดหมู่บ้านยั่งยืนโดยให้ทุกอาคารและโรงเรียนใช้พลังงานจากพลังงานทดแทน ธุรกิจของกลุ่มคือ ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเคมีภัณฑ์
- โรงงานหนึ่งในเมือง Ancona เป็นโรงงานผลิต amiantus เปลี่ยนเป็นศูนย์อัฉริยะ photovoltaic
แคว้น Abruzzo
แคว้นอาบรุโซเป็นแคว้นที่ผลิตพลังงานทดแทนได้ร้อยละ 2.7 โดยส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมการผลิตที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน Aeolian
แคว้น Umbria
แคว้นอุมเบรียเป็นแคว้นที่ผลิตพลังงานทดแทนได้ร้อยละ 2.1 โดยส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมการผลิตที่เกี่ยวข้องกับพลังงานแสงอาทิตย์ ตัวอย่างเช่น โรงงานไวน์ Cantine Lungarotti ในเมือง Perugia เริ่มหันมามุ่งเน้นธุรกิจในการผลิตพลังงานจากขยะของไร่องุ่น
แคว้น Molise
แคว้นมูลิเซเป็นแคว้นที่ผลิตพลังงานทดแทนได้ร้อยละ 0.8 เป็นแคว้นที่มีแนวโน้มในการใช้พลังงานทดแทนที่ดีที่สุด (เพิ่มขึ้น 13.5%) โดยเฉพาะ Aeolian และการย่อยสลายขยะ
แคว้น Campania
แคว้นคัมปาเนียเป็นแคว้นที่ผลิตพลังงานทดแทนได้ร้อยละ 2.5 โดยส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมการผลิตที่เกี่ยวข้องกับ biodegradable และ biogas
แคว้น Calabria
แคว้นคาลาเบรียเป็นแคว้นที่ผลิตพลังงานทดแทนได้ร้อยละ 2.7 เป็นแคว้นที่มีแนวโน้มในการใช้พลังงานทดแทนที่ดีที่สุด (เพิ่มขึ้น 7.6%) โดยเฉพาะ solar, Aeolian และ biodegradable
แคว้น Sicily
แคว้นซิซิลีเป็นแคว้นที่ผลิตพลังงานทดแทนได้ร้อยละ 2.1 เป็นแคว้นที่มีโครงการศูนย์พลังงานทดแทนที่ทันสมัยที่สุด (ARCHIMEDE ในเมือง Siracusa) และศูนย์การวิจัยพลังงาน photovoltaic อยู่ในเมืองปาแลร์โมในอดีตใช้พลังงาน Aeolian พลังงานแสงอาทิตย์และ biogas ปัจจุบันอุตสาหกรรมในแคว้นนี้กาลังเริ่มปรับตัวเองให้เข้าสู่ green economy ดังนี้
- บริษัท Moncada Energy Group ของ AGRIGENTO เปลี่ยนการผลิตจากวิศวกรรมโยธาเป็น solar panels, Aeolian และ biomass based plants
- บริษัท Calcestruzzi Ericina Trapani ผู้ผลิตปูนซีเมนต์ซึ่งต่อสู้กับกลุ่มมาเฟียและเริ่มต้นธุรกิจการผลิตปูนซีเมนต์โดยขยายโรงงานที่มีเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัยที่สามารถนาปูนซีเมนต์มารีไซเคิลได้
แคว้น Sardegna
แคว้นซาเดนยาเป็นแคว้นที่ผลิตพลังงานทดแทนได้ร้อยละ 1.8 โดยส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมการผลิตที่เกี่ยวข้องกับ Aeolian พลังงานแสงอาทิตย์ และ biodegradable
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโรม
ที่มา: http://www.depthai.go.th