จากสภาวะวิกฤติเศรษฐกิจในปัจจุบันซึ่งส่งผลให้ผู้ส่งออกไทยประสบกับการแข่งขันในตลาดโลกที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ต้นทุนการผลิตก็มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การแก้ปัญหาต้นทุนที่สูงขึ้นเพียงเฉพาะหน้าจึงไม่เพียงพอ ผู้ส่งออกไทยมีความจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญในการปรับเปลี่ยนกระบวนการและควบคุมการปฏิบัติงานภายในองค์กรทั้งระบบอย่างจริงจังเพื่อให้สามารถลดต้นทุนการส่งออกสินค้าได้อย่างยั่งยืน
โดยเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางในยุคการค้าเสรี ที่ผู้ส่งออกโดยเฉพาะในประเทศผู้ส่งออกสำคัญของโลกต่างก็แข่งขันในการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการโลจิสติกส์ของตน นั้นคือ ความสามารถในการส่งมอบสินค้าและบริการให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุดโดยมีต้นทุนที่ต่ำกว่าจึงจะทำให้สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มผลกำไรได้
นางศรีรัตน์ กล่าวว่า ต้นทุนโลจิสติกส์เป็นปัจจัยหลักสำคัญที่แฝงอยู่ในทุกกิจกรรมทางธุรกิจและอุตสาหกรรม เช่น การจัดซื้อ การจัดการสินค้าคงคลัง การจัดการคลังสินค้า การจัดเก็บ การขนย้าย การขนส่งและการกระจายสินค้าดังนั้นการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะการลดต้นทุนทางด้านโลจิสติกส์จึงต้องอาศัยการกำหนดกลยุทธ์และเทคนิคในการจัดการกระบวนการจัดการโลจิสติกส์ซึ่งต้องการความร่วมมือของทุกฝ่ายภายในองค์กรเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้องค์กรจำเป็นต้องมีบุคคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจสามารถนำความรู้สู่การปฏิบัติเพื่อลดต้นทุนที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มโดยไม่ลดคุณภาพของสินค้าและบริการลง เพื่อเป็นการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและเพิ่มผลกำไรให้กับองค์กรอย่างชัดเจน
“สำนักโลจิสติกส์การค้า กรมส่งเสริมการส่งออก ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารต้นทุน โลจิสติกส์ดังที่กล่าวมาแล้ว จึงได้ดำเนิน โครงการ Workshop เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ให้กับผู้ส่งออกเป็นครั้งแรกในปี 2552 โดยลักษณะการดำเนินโครงการข้างต้น ประกอบด้วยการอบรมความรู้ด้านการจัดการโลจิสติกส์ให้กับบุคคลากรของบริษัทๆละ 3 คน, มีการประเมินสภาพปัญหาและสิ่งที่ต้องปรับปรุงของแต่ละบริษัทโดยจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์เดินทางไปสำรวจโรงงาน/คลังสินค้า, ให้คำแนะนำ และกำหนดแนวทางในการแก้ปัญหาให้กับทุกบริษัทที่ร่วมโครงการในปีที่ผ่านมามีผู้ส่งออกร่วมโครงการ 15 ราย และในระยะเวลา 2 เดือนสามารถดำเนินการเพื่อปรับลดค่าใช้จ่ายโลจิสติกส์ลงได้เป็นมูลค่ากว่า 370 ล้านบาท” นางศรีรัตน์ กล่าวเพิ่ม
ในปีนี้กรมส่งเสริมการส่งออก โดยสำนักโลจิสติกส์การค้า จึงได้จัดให้มีโครงการลดต้นทุนโลจิสติกส์สำหรับผู้ส่งออก รุ่นที่ 2 ขึ้น โดยได้กำหนดเป้าหมายผู้เข้าร่วมโครงการ ไว้ 40 บริษัท โดยจะคัดเลือกจากผู้ผลิตและส่งออกกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมอาหารและเกษตรแปรรูป เสื้อผ้า ยานยนต์ เฟอร์นิเจอร์ ยางและอุตสาหกรรมอื่นๆ
ผู้ส่งออกที่สนใจเข้าร่วมโครงการดังกล่าวหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ กลุ่มงานพัฒนาโลจิสติกส์การค้า (นายจิรวุฒิ อุดมรัตน์หรือนายกวิน วิริยพานิชย์) โทรศัพท์หมายเลข 0-2513-7070 ต่อ 614 และ612 โทรสารหมายเลข 0-2512-5748 หรือดูรายละเอียดทางเว็บไซด์ที่ www.depthai.go.th หรือ www.tradelogistics.go.th
ที่มา: http://www.depthai.go.th