สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนกับสหพันธ์โลจิสติกส์และการจัดซื้อแห่งประเทศจีน (CFLP) เปิดเผยผลการสำรวจล่าสุดเดือนเมษายน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในภาคการผลิต หรือ PMI ของจีนขยับขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 55.7 เพิ่มจากเดือนมีนาคมซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 52.4 นักวิเคราะห์ต่างออกความเห็นว่าเป็นสัญญาณว่า "เศรษฐกิจจีนอาจจะเข้าสู่ภาวะร้อนแรงเกินควร" ทั้งนี้ ดัชนี PMI เป็นดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจระดับมหภาค โดยปกติแล้วเมื่อดัชนี PMI อยู่ที่ระดับมากกว่า 50% แสดงว่า เศรษฐกิจในภาพรวมขยายตัว หากต่ำกว่า 50% แสดงว่าเศรษฐกิจหดตัว
ผลการสำรวจดัชนี PMI แบ่งตามประเภทเปรียบเทียบระหว่างเดือนมีนาคม และเมษายนที่ผ่านมา พบว่าดัชนีสินค้าคงคลัง และดัชนีการนำเข้าลดลง แต่ดัชนีประเภทอื่นเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะดัชนีราคาการสั่งซื้อเข้าที่เพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนพฤษภาคม ส่งผลกระทบสร้างแรงกดดันต่อกิจการภาคการผลิตในประเทศ
ดัชนี PMI แบ่งตามประเภท เดือนเมษายน เดือนมีนาคม ดัชนีการผลิต 59.1 58.4 ดัชนีการสั่งจองใหม่ 59.3 58.1 ดัชนีสินค้าคงคลัง 46.2 48.3 ดัชนีปริมาณการสั่งซื้อ 60.1 58.1 ดัชนีการนำเข้า 53.1 53.7 ดัชนีราคาการสั่งซื้อเข้า 72.6 65.1 ที่มา : Chengdu Business News; 4 May 2010 ล่าสุดธนาคารกลางประเทศจีนประกาศแผนรองรับด้านการเงินโดยการปรับเพิ่มอัตราเงินสำรองร้อยละ 0.5 จากเดิมร้อยละ 16.5 ขึ้นเป็นเป็นอัตราร้อยละ 17 ในวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา คาดการณ์ว่าการปรับเพิ่มอัตราเงินสำรองในครั้งนี้จะสามารถหยุดชะงักการเคลื่อนไหวเงินตราในองค์กรการเงินในประเทศเป็นมูลค่ากว่า 3 แสนล้านหยวน และจะสามารถป้องกันภาวะเงินเฟ้อในอนาคตได้ สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครเฉิงตู ที่มา: http://www.depthai.go.th