ผลการสำรวจวิจัยของธนาคารแสตนดาร์ดชาร์เตอร์ดเปิดเผยว่า วันที่ 10 พฤษภาคม 2010 จะมีการปรับค่าเงินหยวน ซึ่งถือเป็นการปรับค่าเงินครั้งแรกในรอบ 2 ปีของประเทศจีน นายถาน หยาหลิง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยการเงินการลงทุนต่างประเทศจีน กล่าวว่า "เงินหยวนแข็งค่าเป็นเรื่องที่ยากจะหลีกเลี่ยง แต่ก็อาจจะไม่ใช่ภายในเดือนพฤษภาคมนี้"
นับจากประเทศจีนมีการปฎิรูปอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในวันที่ 21 กรกฎาคม 2005 ได้มีการปรับเพิ่มค่าเงินหยวนขึ้นร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐ ช่วงเวลาดังกล่าวเงินหยวนผูกติดกับค่าเงินเหรียญสหรัฐทำให้เกิดภาวะค่าเงินหยวนผันผวนตลอดเวลา จนมาถึงช่วงหลังวิกฤติเศรษฐกิจในเดือนกรกฎาคม 2008 ค่าเงินหยวนเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐสามารถรักษาระดับคงที่ไว้ได้ที่อัตรา 6.83 หยวน/ดอลลาร์ ล่าสุดธนาคารแสตนดาร์ดชาร์เตอร์ดออกมาคาดการณ์ว่า "พิจารณาจากปัจจัยหลายด้านแล้ว ค่าเงินหยวนควรจะปรับขึ้นในช่วงหลังวันที่ 10 พฤษภาคมนี้อย่างแน่นอน" นายถาน หยาหลิงผู้อำนวยการสถาบันวิจัยการเงินการเงินลงทุนต่างประเทศจีน กล่าวว่า "รัฐบาลจะค่อยๆทยอยขึ้นค่าเงินหยวนเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่างๆที่จะตามมา"
รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเงินตราต่างประเทศ มหาวิทยาลัยประชาชาติจีน นายเซี่ยง ซงจั๋ว กล่าวว่าเงินหยวนแข็งค่าจะส่งผลเสียต่อประเทศจีน 6 ด้านด้วยกันคือ 1. การส่งออกของจีนถูกจำกัด 2. ลดทอนความสามารถในการแข่งขันของจีน 3. เศรษฐกิจจีนเกิดภาวะฟองสบู่ 4. เกิดการโอนย้ายความมั่งคั่งไปสู่นักแสวงโอกาสชาวต่างชาติ 5. เกิดการโอนย้ายความมั่งคั่งไปสู่รัฐบาลสหรัฐอเมริกา และ 6. นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของจีนสูญเสียเสถียรภาพ แปลและสรุปจาก: Chengdu Business News , 6 May 2010
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครเฉิงตู
ที่มา: http://www.depthai.go.th