ปัจจุบันประชากรชาวเน็ตจีนมีจำนวนถึง 384 ล้านคน เป็นศักยภาพของสังคมออนไลน์ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีโอกาสทางธุรกิจที่น่าจับตาทิศทางความเคลื่อนไหวของกระแสซื้อของผ่านเว็บจีน ได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายรัฐบาลที่ตั้งเป้าพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการแข่งขันในตลาดโลก โดยล่าสุดตัวเลขสถิติครึ่งปี 2009 มีคนจีนราว 24.59 ล้านคน ซื้อสินค้าต่างๆผ่านเว็บไซท์จำหน่ายสินค้า ขยายตัวร้อยละ 38.9 ทั้งนี้ประมาณว่ามีการชอปปิ้งผ่านเว็บในปี 2009 จะมีมูลค่าสูงถึง 250 พันล้านหยวน
ด้วยตลาดที่ใหญ่และใหม่ของจีนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านไอทียังเป็นสิ่งที่ขาดแคลน ล่าสุดในเดือนเมษายน 2553 ที่ผ่านมารัฐบาลเมืองหยินชวน เขตปกครองตนเองหนิงเซียะ ได้จัดโครงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ผ่านการสร้างงานในธุรกิจการค้าระบบดิจิตอล โดยร่วมมือกันระหว่างโรงเรียนวิชาชีพ หนิงเซียะชิงซง กับ มหาวิทยาลัย TaoBao(ภาษาจีนแปลว่าค้นหาสมบัติ)มหาวิทยาลัยเอกชนที่ก่อตั้งโดยบริษัทเวบไซท์ขายของผ่านเว็บwww.taobao.com ขนาดใหญ่ที่สุดในจีน มีแผนการอบรมบุคลากรจัดการร้านค้าบนเว็บ 1,000 คน/ปี และผู้เชี่ยวชาญการขายของบนเว็บจำนวน 20 คน พัฒนาศูนย์อบรมเพิ่มขึ้นอีก 8 แห่ง ซึ่งคาดว่าหากสามารถเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้จะสามารถช่วยสร้างตำแหน่งงานได้ 3,000 ตำแหน่ง นายหวาน ซ่าน ผู้รับผิดชอบโครงการมหาวิทยาลัย TaoBao กล่าว
จากการสังเกตนโยบายของรัฐบาลและทิศทางแนวโน้มตลาด จะเห็นได้ว่าการค้าขายออนไลน์ได้เพิ่มบทบาทมากขึ้นในระบบการค้าปลีกในจีน ปัจจัยหลักคือราคาที่ถูก หรือไม่ต่างจากไปซื้อตามห้างแต่ประหยัดเวลาในการเดินทาง มีความหลากหลายให้เปรียบเทียบ การบริการส่งสินค้าอย่างรวดเร็วโดยคาดว่าการค้าออนไลน์จะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปอีกนาน ประเทศไทยจึงควรมีโครงการพัฒนาบุคลากรด้านไอทีเพื่อการค้า เพื่อให้สินค้าไทยสามารถเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในตลาดการค้าออนไลน์ ไม่พลาดเค้กก้อนใหญ่ของจีนชิ้นนี้ไป
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครเฉิงตู
ที่มา: http://www.depthai.go.th