ตลาดสินค้าไหมในสหรัฐฯ

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 31, 2010 14:55 —กรมส่งเสริมการส่งออก

การผลิตภายในประเทศ

สหรัฐฯเคยเป็นประเทศผู้ผลิตผ้าไหมรายใหญ่ของโลกในระหว่างปี 1830 — 1950 แหล่งผลิตสำคัญอยู่ในเขต New England และ Mid-Atlantic หลังจากปี 1950 อุตสาหกรรมการผลิตไหมของสหรัฐฯสลายตัวไปอย่างสิ้นเชิงเนื่องจากไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าผ้าประเภทใหม่ๆที่ถูกค้นคิดขึ้นมาที่มีราคาถูกกว่าผ้าไหมและได้รับความนิยมมากกว่า ประกอบกับความนิยมแฟชั่นการแต่งกายของผู้บริโภคสหรัฐฯและสภาวะการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก ปัจจุบันสหรัฐฯเหลือโรงงานผลิตที่สำคัญเพียงโรงงานเดียวที่ยังคงทอผ้าไหมที่เป็น furnishing fabrics สำหรับตลาดที่อยู่อาศัย คือบริษัท American Silk Mills Corporation, ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1896 ปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ 41 Madison Avenue, New York, NY 10010, Tel: 212 213 1919, Fax: 212 683-2370, www.americansilk.com , Mr. John M. Sullivan, Jr. President, โรงงานทอผ้าไหมของบริษัทคือ Amrican Silk Mills: 75 Stark St., Plains, Pennsylvania, 18705, Tel: 570 822-7147, Fax: 570 829-7044

สถานะการณ์ตลาดการบริโภค

ผลิตภัณฑ์สินค้าที่ทำจากไหมที่บริโภคในตลาดสหรัฐฯรวมถึงเสื้อผ้า ชุดชั้นใน ชุดนอน ผ้าคลุมไหล่ เน็คไท ถุงน่อง เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านที่ทำจากผ้าไหม เป็นต้น ส่วนใหญ่ของผลิตภัณฑ์สินค้าเหล่านี้มีส่วนผสมของไหมหรือเศษไหมเกินกว่าร้อยละ 70 ขึ้นไป

ประมาณร้อยละ 80 ของผลิตภัณฑ์ไหมทุกชนิดในตลาดสหรัฐฯเป็นการนำเข้าจากจีน และ ประมาณร้อยละ 80 ของตลาดเครื่องประดับตกแต่งเช่นเน็คไทและผ้าพันคอเป็นสินค้านำเข้าจากจีนและอิตาลีรวมกัน ที่เหลือเป็นผลิตภัณฑ์ไหมนำเข้าจากประเทศคู่ค้าสำคัญอื่นๆคืออินเดีย อิตาลี และไทย ผลิตภัณฑ์ไหมจากประเทศไทยที่มีมูลค่าการนำเข้าสหรัฐฯสูงสุดประมาณปีละ 5 — 6 ล้านเหรียญฯคือผ้าไหมไทยที่ส่วนใหญ่เป็นผ้าที่มีเส้นใยไหมเกินกว่าร้อยละ 85

การนำเข้า
สถิติปริมาณการนำเข้าไหมและผลิตภัณฑ์ไหมของสหรัฐฯในเดือนกันยายน 2009 เปรียบเทียบกับเดือนกันยายน 2008
          ประเภทของสินค้า                 ปริมาณการนำเข้า 1,000 ปอนด์
                                  กันยายน 2009              กันยายน 2008
          นำเข้ารวมทั้งสิ้น              10,785                    14,915
          เส้นใย ด้าย ผ้า                 742                     1,353
          เสื้อผ้าสำเร็จรูป               7,735                    11,509
          Home Furnishings             245                       401
          Floor Coverings            2,060                     1,650
          ที่มา:  USDA Economic Research Service


อัตราภาษีนำเข้าโดยประมาณ
          1. อัตราภาษีนำเข้าต่อน้ำหนักสินค้า 12 กิโลกรัม ของสินค้าที่มีส่วนผสมของไหมหรือเศษไหมเกินกว่าร้อยละ 70 ขึ้นไป
          ประเภทของสินค้า                     อัตราภาษีร้อยละ(ประมาณ)
          เสื้อผ้า ของทั้งบุรุษ สตรี และ เด็ก               0.9
          ชุดชั้นใน/ชุดนอน                           0.6 — 3.5
          ถุงน่อง                                  1.6 — 2.7
          ผ้าพันคอ                                   1.5
          เน็คไท                                    1.2
ปัญหาและอุปสรรค

ผลิตภัณฑ์ไหมส่วนใหญ่มีจุดอ่อนที่ภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ไหม (หรูหรา ราคาแพงดูแลรักษายาก) ที่ทำให้ความสามารถในการแข่งขันในตลาดการบริโภคลดลง

1. สินค้าที่จะประสบความสำเร็จในตลาดสหรัฐฯจะต้องเป็นสินค้าที่ง่ายแก่การดูแลรักษาซึ่งเป็นสิ่งที่ผลิตภัณฑ์ไหมทั่วๆไปไม่มี และผู้บริโภคสหรัฐฯมีทางเลือกที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเส้นใยเทียมอื่นที่ดูเหมือนและให้ความรู้สึกเหมือนไหมแต่สามารถดูแลรักษาได้ง่ายกว่า

2. ราคาเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดของการตัดสินใจบริโภคของผู้บริโภคทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน แต่ผลิตภัณฑ์ไหมโดยทั่วไปมีราคาสูงกว่าผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเส้นใยอื่นๆ

3. ขาดการโฆษณาประชาสัมพันธ์ จึงเป็นที่รู้จักเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มเล็กๆกลุ่มเดียว ผู้บริโภคทั่วไปที่รู้จักและมีความคุ้นเคยกับการใช้ผลิตภัณฑ์จากไหมมีจำนวนน้อยมาก

โอกาส

โอกาสของผลิตภัณฑ์ไหมในตลาดสหรัฐฯอยู่ที่

1. ขนาดของตลาดสหรัฐซึ่งมีขนาดใหญ่มาก และมีผู้บริโภคที่มีอำนาจการซื้อผลิตภัณฑ์ทำจากไหมอยู่เป็นจำนวนมาก

2. ในปัจจุบันสหรัฐฯไม่มีอุตสาหกรรมการผลิตไหมและผลิตภัณฑ์ไหมของตนเองจำเป็นต้องพึ่งการนำเข้าแต่เพียงอย่างเดียว

3. สหรัฐฯไม่มีข้อกีดกันทางการค้าใดๆกับผลิตภัณฑ์สินค้าไหม

4. แนวคิดเรื่อง — green หรือการรักษาสิ่งแวดล้อมกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆในตลาดสหรัฐฯ ผลิตภัณฑ์จากไหมมีคุณสมบัติพร้อมที่จะถูกนำเสนอว่าเป็น green textile หรือ green product หรือ eco friendly products ซึ่งในเรื่องนี้สอดคล้องกับข้อคิดและข้อเสนอแนะของ Mr. Antero Hyvarinen, Senior Market Development Officer ของ International Trade Center ที่ว่า ควรจะมีการสร้างภาพพจน์ของสินค้าไหมขึ้นมาใหม่ว่าเป็น environmentally friendly ซึ่งเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับสภาวะตลาดปัจจุบันมากที่สุด และในปัจจุบันมีผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไหมบางรายเริ่มนำเอาคอนเซ็ปนี้ไปใช้ในการโฆษณาสินค้าของตน

5. ไหมเป็นเส้นใยธรรมชาติที่ไม่ระคายเคืองผิวหนังเหมาะกับผู้ที่แพ้เส้นใยสังเคราะห์หรือขนสัตว์ หากเร่งประชาสัมพันธ์คุณสมบัตินี้จะช่วยขยายตลาดได้โดยมุ่งไปที่ผู้บริโภคที่แพ้เส้นใยสังเคราะห์หรือที่ต้องการใช้เส้นใยธรรมชาติ

6. กาวไหมหรือ serasin ที่สกัดจากไหมมีคุณสมบัติไม่ระคายเคืองผิว ผลิตภัณฑ์ที่ผสม serasin เช่น สบู่ แชมพู ครีมทาผิว จะมีโอกาสมากในหมวดผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ควรจะมีการส่งเสริมสนับสนุนอย่างจริงจัง

ที่มาข้อมูล

1. กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ

2. WTA (World Trade Atlas)

3. International Trade Forum

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นครลอสแอนเจลิส

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ