คาร์ฟูร์ประกาศเปิดสาขาแรกที่เขตซีลัมปูร์ ชานกรุงนิวเดลีภายในปี 2553 นี้ โดยจะดำเนินธุรกิจในลักษณะค้าส่ง และแฟรนไชส์ควบคู่กัน เปิดช่องทางใหม่
นายชอง โนเอล บิโรนัว กรรมการผู้จัดการของคาร์ฟูร์อินเดียเปิดเผยว่า คาร์ฟูร์จะดำเนินธุรกิจค้าส่งเป็นหลัก บนพื้นที่ 55,000 ตารางฟุต โดยสินค้าภายในห้างจะเน้นสินค้าเกษตรและของใช้ในครัวเรือน ทั้งนี้ร้อยละ 90 จะเป็นสินค้าที่ผลิตในอินเดียเอง และจะมีพนักงานกว่า 900 คน ลูกค้าหลักจะเป็นองค์กรต่างๆ เช่น ร้านค้าปลีก โรงพยาบาล โรงแรม ภัตาคาร และบริษัทต่างๆ ส่วนธุรกิจเฟรนไชส์นั้น คาร์ฟูร์กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาบริษัทอินเดียที่จะร่วมทุน
คาร์ฟูร์ไม่ได้เป็นจ้าวแรกของธุรกิจค้าส่งต่างชาติในตลาดอินเดียเนื่องจากวอลมาร์ต (ใช้ชื่อในอินเดียว่า Best Price Modern Wholesale โดยการร่วมทุนกับ Bharti Enterprises ตั้งอยู่ที่เมืองอมฤตษา) เมโทร เอจี (เมืองบังกะลอร์) และเทสโก้ (ร่วมทุนกับทาทา ตั้งอยู่ที่เมืองบังกะลอร์) ได้เข้าตลาดอินเดียไปก่อนหน้านี้แล้ว
ปัจจุบันกฏหมายอินเดียยังไม่เปิดให้ต่างชาติถือหุ้น 100% ในธุรกิจค้าปลีก, cash and carry หรือธุรกิจค้าส่ง แต่หากเป็นธุรกิจที่จำหน่ายสินค้ายี่ห้อเดียว เช่น ร้านบาจา หรือไนกี้ ต่างชาติถือหุ้นได้ 51% ดังนั้น การที่คาร์ฟูร์จะดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ควบคู่ไปด้วยจึงเป็นคำตอบที่เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน สำหรับธุรกิจแฟรนไชส์ไทยก็มีร้าน 108 ได้เริ่มเข้าไปทำตลาดแล้วที่กรุงนิวเดลี แม้ว่าธุรกิจค้าปลีกแบบเครือข่ายสัญชาติอินเดียขณะนี้จะมีความแข้มแข็งพอสมควร เช่น Reliance มีสาขากว่า 940 แห่ง Aditya มีสาขากว่า 600 แห่ง แต่รัฐบาลอินเดียยังไม่มีทีท่าจะเปิดเสรีธุรกิจค้าปลีกในอนาคตอันใกล้นี้
คาร์ฟูร์ในอินเดีย แบ่งการบริหารเป็น 2 บริษัท คือ Carrefour WC&C India Pvt ที่ทำธุรกิจค้าส่ง และ Carrefour India Master Franchise Co. Pvt ซึ่งจะร่วมหุ้นกับบริษัทอินเดียเปิดร้านค้าปลีกแบบแฟรนไชส์
"ธุรกิจคาร์ฟูร์ในอินเดียนับเป็นช่องทางใหม่ที่สำคัญที่สินค้าไทยโดยเฉพาะสินค้าเกษตรจะสามารถใช้เป็นช่องทางเปิดตลาดโดยใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรภายใต้FTA ไทย-อินเดีย และFTA อาเซียน-อินเดีย ที่มีผลบังคับใช้แล้วในปัจจุบัน” นายไพศาล มะระพฤกษ์วรรณ ผอ. สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ เมืองเจนไนกล่าวในตอนท้าย
ที่มา: http://www.depthai.go.th