รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 16-30 เมษายน 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 31, 2010 16:00 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ก. ภาวะเศรษฐกิจ/การค้าทั่วไป

1. การค้าระหว่างประเทศของสิงคโปร์ มค.-มีค.53 โดยการค้ารวมมีมูลค่า 209,990.3 ล้านเหรียญสิงคโปร์ แบ่งออกเป็นการส่งออกมูลค่า 110,074.7 ล้านเหรียญสิงคโปร์ และการนำเข้า 99,915.6 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ประเทศคู่ค้าอันดับ 1 คือ มาเลเซีย รองลงมาในกลุ่ม 10 อันดับแรก ได้แก่ จีน สหรัฐฯ อินโดนีเซีย ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ไทย (อันดับ 9 ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 3.69) และอินเดีย

2. การค้าระหว่างสิงคโปร์กับไทย มค.-มีค.53 มีมูลค่าการค้ารวม 7,756.5 ล้านเหรียญสิงคโปร์ แบ่งออกเป็นการส่งออก 4,271.6 ล้านเหรียญสิงคโปร์ และการนำเข้า 3,484.9 ล้านเหรียญสิงคโปร์ สินค้า 10 อันดับแรกที่นำเข้าจากประเทศไทย ได้แก่ Electrical Machinery Sound Recorders, Nuclear Reactors Boilers, Mineral Fuel Oils Waxes & Products, Articles of Iron or Steel, Organic Chemicals, Rubber & Articles, Cereals, Glass & Glassware, Plastic & Articles, และ Vehicles & Parts

3. นักท่องเที่ยวเยือนสิงคโปร์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.5 (เทียบกับ กพ.52) จำนวน 3.11 ล้านคน (กพ.52 จำนวน 2.56 ล้านคน) ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวในภูมิภาค ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย ฮ่องกง และจีน ซึ่งใช้บริการสายการบินประหยัด สำหรับการบริการเที่ยวบินมีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.4 จำนวน 19,617 เที่ยว (กพ.52 จำนวน 17,615 เที่ยว) และการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.2 ปริมาณ 130,578 ตัน (กพ.52 ปริมาณ 112,418 ตัน)

4. ค่าเช่าคลังสินค้าในสิงคโปร์มีอัตราสูงจากการสำรวจของ Colliers International Research เกี่ยวกับค่าเช่าคลังสินค้าใน 139 ประเทศ ปรากฎว่า ค่าใช้จ่ายในสิงคโปร์สูงเป็นอันดับที่ 9 (กค-ธค 52) เนื่องจากค่าเงินเหรียญสิงคโปร์มีความแข็งแกร่งขึ้นและค่าเช่าพื้นที่ในประเทศอื่นๆมีอัตราลดลง ทั้งนี้ พื้นที่สำหรับคลังสินค้าในสิงคโปร์มีสัดส่วนร้อยละ 18.7 ของพื้นที่รวมของภาคอุตสาหกรรมในสิงคโปร์ (ธค.52) อนึ่งประเทศใน 10 อันดับแรก ได้แก่ Tokyo, London, Heathrow, Oslo, Hong Kong, Geneva, Helsinki, Zurich, Dublin, Singapore และ Sao Paolo

5. การผลิตจากโรงงานเพิ่มขึ้นในเดือนมีนาคม 2553 นับเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 ซึ่ง Purchasing Managers’ Index (PMI) มีอัตราร้อยละ 51.1 เป็นผลมาจากการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจากจีน คาดว่าอัตรา GDP ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 จะเป็นอัตราที่มีเลข 2 หลัก โดยที่ภาคการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.1 (กพ.53) ทำให้นักเศรษฐศาสตร์ภาคเอกชน คาดหวังว่าอัตราการเจริญเติบโต GDP ของไตรมาสแรก ปี 2553 จะมีอัตราร้อยละ 14 (เทียบกับไตรมาสแรก ปี 2552)

6. ภาคการก่อสร้างสิงคโปร์ได้รับการสนับสนุน 250 ล้านเหรียญสิงคโปร์ เพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆและยกระดับความรู้ความชำนาญ เงินสนับสนุนจะให้บริษัทใช้สำหรับการเพิ่มความรู้และความชำนาญในการทำงานของบุคคลากร ทั้งให้เป็นเงินทุนการศึกษาแก่ผู้ชำนาญการท้องถิ่นในระดับต่างๆ เช่น ผู้จัดการ ผู้บริหารระดับสูง และผู้ชำนาญทางเทคนิค ให้ศึกษาและเข้าร่วมปฏิบัติงานในภาคการก่อสร้าง นอกจากนี้ บริษัทจะได้รับเงินสนับสนุนหากมีการใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ใหม่ๆ หรือการที่บริษัทประมูลโครงการที่ให้มูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้ ภาคการก่อสร้างเป็นกลุ่มสำคัญที่จะช่วยเน้นส่งเสริม ให้เศรษฐกิจมีการเจริญเติบโต แต่การจ้างงานที่มีมากกว่า 200,000 อัตรา ส่วนใหญ่เป็นคนงานต่างชาติที่มีความชำนาญน้อย

7. ราคาขายปลีกน้ำมันเพิ่มขึ้น ปั๊มน้ำมัน Caltex และ ExxonMobil ได้ขึ้นราคาขายปลีกน้ำมัน โดยราคาน้ำมันเบนซิน 92, 95 และ 98 octane petrol ลิตรละ 1.817, 1.877 และ 1.96 เหรียญสิงคโปร์ ส่วนน้ำมันดีเซล ราคาลิตรละ 1.333 เหรียญสิงคโปร์ อัตราดังกล่าว(ยังไม่ลดราคา) เป็นราคาที่สูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2552 อนึ่ง ราคา Crude oil สูงถึง 85.87 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ barrel (1 เมย.53) เป็นอัตราสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551 ทั้งนี้ EnergyAsia คาดว่าราคา crude oil จะขึ้นสูงถึงบาเรลละ 100 เหรียญสหรัฐฯภายในครึ่งปีหลังของปี 2553 และอาจจะมีราคาบาเรลละ 200 เหรียญสหรัฐฯ ในปี 2556

8. สิงคโปร์นำไต้หวันสู่ตลาดอินเดีย International Enterprise (IE) Singapore ประสานการจัด Forum กับ Taiwan External Trade Development Council นำเสนอความสามารถและความแข็งแกร่งของบริษัทสิงคโปร์ที่จะช่วยส่งเสริมและเป็น spring board ให้บริษัทไต้หวันทำธุรกิจในตลาดอินเดีย โดยที่ปัจจุบัน บริษัทอินเดียได้เข้ามาจัดตั้งสำนักงานในสิงคโปร์ถึง 4,000 ราย และยังอาจจะใช้ความได้เปรียบของประชากรสิงคโปร์ที่มีเชื้อชาติอินเดีย(ร้อยละ 8) อีกทั้ง หากบริษัทไต้หวันจัดตั้งสำนักงานในสิงคโปร์ จะใช้สิทธิประโยชน์จาก Comprehensive Economic cooperation Agreement และ ASEAN-India Free Trade Area ในส่วนภาษีระดับต่ำ ได้รับการคุ้มครองการลงทุน และหลีกเลี่ยงปัญหา double taxation ทั้งนี้ อินเดียมีการเจริญเติบโตของ GDP ในปี 2552 ร้อยละ 7.3 คาดการณ์ว่า ในปี 2553 จะมีอัตราร้อยละ 8.5

9. โครงการเคหะสร้างที่พักอาศัยให้เป็น eco-friendly หน่วยงาน Housing Development Board (HDB) ประกาศแผนการสร้างที่พักอาศัย Punggol Emerald and Punggol Waves จำนวนห้องชุดรวม 1,429 ยูนิต ประกอบด้วย ห้องชุดstudio จำนวน 188 ยูนิต, ห้องชุด 3 ห้อง จำนวน 201 ยูนิต, ห้องชุด 4 ห้อง จำนวน 609 ยูนิต และ ห้องชุด 5 ห้อง จำนวน 431 ยูนิต โดยกำหนดสร้างให้สามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการปกป้องสภาวะแวดล้อมและให้ความสำคัญต่อธรรมชาติเป็นสำคัญ และสร้างหลังคาที่มีระบบลดความร้อน ทั้งนี้ HDB มีแผนการสร้างที่พักอาศัยเป็น eco-friendly จำนวน 12,000 ยูนิต ภายในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2553

10. ผลกระทบที่ได้รับจากภูเขาไฟระเบิดในไอซ์แลนด์ ทำให้เกิดการขัดข้องในด้านต่างๆ การค้าขายหยุดชะงัก สิงคโปร์เป็นประเทศที่ซื้อมาขายไป ผู้นำเข้า/ส่งออกสูญเสียมูลค่าหลายร้อยล้านเหรียญสิงคโปร์ สรุปสาราะสำคัญ ได้แก่ 1) บริษัทขนส่งสินค้าทางอากาศมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการหาเส้นทางใหม่เพื่อส่งสินค้าให้ตรงเวลา โดยเฉพาะสินค้าอาหาร ดอกไม้สด อิเล็คทรอนิกส์ และเภสัชภัณฑ์), 2) บริษัทโลจิสติกส์มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการเก็บสินค้าที่คลังสินค้าทั้งในสิงคโปร์และ ยุโรป และสามารถทำการได้เพียงร้อยละ 10, 3) การไปรษณีย์ชะลอการรับ-ส่ง, 4) การเดินทางเพื่อธุรกิจและท่องเที่ยว ซึ่งสายการบิน Singapore Airlines สูญเสียประมาณ 10 ล้านเหรียญสิงคโปร์ต่อวัน เที่ยวบินยกเลิก ประมาณ 150 เที่ยว นักท่องเที่ยวติดอยู่ในสิงคโปร์ประมาณ 40,000 คน สำหรับสายการบินสำคัญอื่นๆ ที่สูญเสียรายได้/ต่อวัน ได้แก่ British Airways ประมาณ 42 ล้านเหรียญสิงคโปร์, Air France-KLM ประมาณ 65 ล้านเหรียญสิงคโปร์, Scandinavian Airline SAS ประมาณ 7.5 ล้านปอนด์, EasyJet (British) ประมาณ 5 ล้านปอนด์, Thai Airways International ประมาณ 4 ล้านเหรียญสิงคโปร์ และ Cathay Pacific Airways ประมาณ 977,500 เหรียญสิงคโปร์, 5) ผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าต้องยกเลิกทั้งที่เป็น Exhibitors และ Visitors ได้แก่ Ashley Isham, Fashion Designer (boutique at the Mandarin Gallery), Mr. Oz Clarke (UK wine expert งาน World Gourmet Summit), Welsh team —cooking competition งาน Food and Hotel Asia, 6) สินค้า Premium ขาดแคลน ได้แก่ Salmon จาก Scotland และ Norway, Spanish Salami, French Camembert cheese, Italian tomatoes , tulip และ roses จาก Holland ภัตตาคารต้องปรับเปลี่ยนการจัดหาสินค้าจากแหล่งอื่น เช่นนำเข้า Salmon จาก New Zealand ทั้งนี้ AVA กล่าวว่า การนำเข้าสินค้าดังกล่าวเป็นเพียงร้อยละ 2 ของสินค้าที่นำเข้าจากยุโรปทางอากาศ ส่วนใหญ่สินค้าขนส่งทางเรือ และผู้บริโภคเป็นกลุ่มย่อย จึงไม่เกิดผลกระทบมากนัก

11. อัตราเงินเฟ้อ เดือนมีนาคม 2553 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 ซึ่งเป็นระดับที่ยังอยู่ในขั้นที่นักเศรษฐกิจคาดหวังไว้ อัตราที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นโดยเฉพาะ การคมนาคมขนส่ง (ราคารถยนต์และน้ำมันสูงขึ้นร้อยละ 10.0), อาหารสำเร็จรูป (ผัก อาหารทะล เนื้อสุกร สูงขึ้นร้อยละ 0.9), การศึกษาและเครื่องเขียน (ค่าเล่าเรียน และเครื่องใช้ในการเรียนสูงขึ้นร้อยละ 2.2 ) ทั้งนี้ ราคาที่พักอาศัย ลดลงร้อยละ 0.7 และการสื่อสารโทรคมนาคม ลดลงร้อยละ 2 อนึ่ง Monetary Authority of Singapore (MAS) ได้ปรับค่าเงินเหรียญสิงคโปร์ ซึ่งจะช่วยทำให้ราคาสินค้านำเข้าไม่สูงขึ้น และปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ ปี 2553 อยู่ที่ร้อยละ 2.5-3.5 (เดิมคาดการณ์ร้อยละ 2-3)

ข. การลงทุนในประเทศ

1. บริษัท Applied Materials, Inc. เปิดโรงงานผลิตใหม่ บริษัทฯผู้ผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ flat panel display (FPD) and solar photovoltaic (PV) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จะขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียโดยมีแผนการเปิดโรงงานผลิต semiconductor equipment แห่งแรกของเอเชียในสิงคโปร์ ด้วยเงินลงทุน 85 ล้านเหรียญสิงคโปร์บนพื้นที่ประมาณ 32,000 ตร.ม และจะเป็นสำนักงานใหญ่/สำนักงานขายและให้บริการในเอเชีย-ตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะจัดหาวัตถุดิบจากเอเชียประมาณมูลค่า 1.4 พันล้านเหรียญสิงคโปร์และสร้างการจ้างงานที่มีทักษะได้ประมาณ 800 อัตราใน 2-3 ปีข้างหน้า

2. บริษัท Panasonic Electronic Devices (PED) เปิดศูนย์ R&D ทำการพัฒนาเทคโนโลยีอุปกรณ์เล็กทรอนิกส์ใหม่เพื่อเสริมสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน ขณะนี้มีพนักงานรวมจำนวน 450 คนในสิงคโปร์ โดยพัฒนาอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ร่วมกับบริษัทวิจัยและพัฒนาอื่นๆในสิงคโปร์ ในสาขาสิ่งแวดล้อมและพลังงาน และสาขาการแพทย์อุตสาหกรรมอิเล็ก ทรอนิกส์ โดยศูนย์แห่งใหม่นี้จะร่วมทำงานกับสำนักงานการวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการวิจัย (A*STAR) สถาบัน ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันการวิจัยวัสดุและวิศวกรรม และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง

3. บริษัท Hill - Rom ขยายศูนย์นวัตกรรมในเอเชีย-แปซิฟิค บริษัทฯได้ประกาศการขยายศูนย์ฯ 2 แห่ง สำหรับการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับการดูแลระบบทางเดินหายใจ และมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆสำหรับตลาดใหม่ ขณะนี้ มี พนักงาน 40 คน ปฏิบัติงานบนพื้นที่ 11,000 ตารางฟุต ซึ่งในอนาคตจะเพิ่มขึ้นอีก 5,000 ตารางฟุต ผลิตภัณฑ์ ที่จะทำการพัฒนาต่อไป ได้แก่ medical-surgical environment, new bed technologies and connectivity solutions

4. การพัฒนาด้านอุตสาหกรรม Micro - Electro - Mechanical - Systems (MEMS) หน่วยงานภาครัฐ A*STAR และ EDB ร่วมกับบริษัท MNCs และ Institute of Materials and Research and Engineering (IMRE) เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าว ซึ่งจะทำให้มีโปรแกรมใหม่ๆในทางการแพทย์ การสื่อสารไร้สายและอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ และเป็นโอกาสเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ของสิงคโปร์

5. บริษัท Rolls-Royce สร้างโรงงานใหม่ บริษัทฯเป็นบริษัทพลังงานระดับโลก ประกาศแผนการสร้างโรงงาน wide chord fan blade (WCFB) ในสิงคโปร์ ณ เขต Seletar Campus ด้วยเงินลงทุนมากกว่า 700 ล้านเหรียญสิงคโปร์ เมื่อโรงงานสร้างแล้วเสร็จสามารถสร้างงานใหม่ได้ประมาณ 500 อัตรา ทั้งนี้ จะทำให้จำนวนพนักงานของบริษัทมีถึง 2,000 คน

6. บริษัทญี่ปุ่น Jafco Asia สนับสนุนเงินทุน โดยร่วมกับ Infocomm Development Authority of Singapore (IDA) ให้เงินสนับสนุนหลายล้านเหรียญสิงคโปร์แก่บริษัทสิงคโปร์ Data Security Systems Solution (DS3) ดำเนินการพัฒนาด้าน Data Security Systems Solutions ที่ใช้ในธนาคาร

7. บริษัท Lum Chang สร้างศูนย์ Audi บริษัทฯธุรกิจก่อสร้าง ได้รับสัญญามูลค่า 40-45 ล้านเหรียญสิงคโปร์ในการสร้างศูนย์ยักษ์ใหญ่ให้แก่ Audi ณ เขต Alexandra Road and Leng Kee Road ในสิงคโปร์ ซึ่งจะเป็นศูนย์แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับการขาย การให้บริการ และอุปกรณ์ ทั้งนี้ ศูนย์ฯ จะสร้างแล้วเสร็จใน 2 ปีข้างหน้า

ค. การลงทุนในต่างประเทศ

1. สิงคโปร์ลงทุนในอินโดนีเซีย ปัจจุบันส่วนใหญ่สิงคโปร์ลงทุนในเมืองที่เป็นที่นิยม ได้แก่ จาการ์ตา บาตัม และ บินตัน ขณะนี้ Mr. Lim Hng Kiang, Minister of Trade and Investment ได้แนะนำให้นักธุรกิจสิงคโปร์เข้าไปลงทุนในเมืองอื่นๆ ได้แก่ Surabaya, Medan, Bundung, Balikpapan, Makassar ในสาขาต่างๆ ได้แก่ f ood and beverage, retail, tele-communications, banking, real estate, logistics, hospitality and urban infrastructure ทั้งนี้ อินโดนีเซียมีอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในปี 2552 ร้อยละ 4.5 เป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตเป็นอันดับ 3 ในกลุ่ม 20 ประเทศ รองจากจีน และอินเดีย และเป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 5 ของสิงคโปร์ การค้ารวมมีมูลค่า 58.5 พันล้านเหรียญสิงคโปร์การลงทุนของสิงคโปร์มีมูลค่าเกือบ 6 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ในปี 2552 และประธานาธิบดี Susilo Bambang Yudhoyono ประกาศว่าภาครัฐจะสนับสนุนให้เศรษฐกิจมีการ เติบโตอย่างน้อยร้อยละ 6.6 ต่อปี จนถึงปี 2557

ง. ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ

1. สิงคโปร์กับจีน ลงนามในข้อตกลง MOU เกี่ยวกับโปรแกรมความร่วมมือกันเรื่องการจัดการทรัพยากรน้ำ ระหว่าง Ministry of Environment and Water Resources, Singapore กับ Ministry of Housing and Urban-Rural Development, China ซึ่งจะช่วยกันจัดหาภาคเอกชนและหน่วยงานการศึกษาค้นคว้าวิจัยในทั้ง 2 ประเทศให้สร้างเครือข่ายและการประสานงานในเรื่องการดำเนินการในด้านจัดการน้ำเสีย และแหล่งน้ำใช้สำหรับผู้บริโภค

2. สิงคโปร์กับ Tajikistan ประธานาธิบดีของ Tajikistan เยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 2-6 เมษายน 2553 ได้พบหารือกับ Mr. Goh Chok Tong - Senior Minister, Mr. Lee Hsien Loong - Prime Minister และ Mr. George Yeo - Foreign Minister ซึ่งทั้ง 2 ประเทศตกลงจะให้ความร่วมมือระหว่างกันในด้านต่างๆ โดยเฉพาะสิงคโปร์ลงทุนใน Tajikistan ในสาขา natural resources ได้แก่ aluminium, coal, uranium, gold and gemstones, oil and gas โดยสิงคโปร์จะนำเทคโนโลยีไปพัฒนาอุตสาหกรรม และการที่สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางด้านการเงิน การค้า การขนส่ง และมีบริษัทนานาชาติกว่า 7,000 ราย จัดตั้งสำนักงานฯในสิงคโปร์ ทำให้สิงคโปร์สามารถเป็น platform และ gateway สำหรับ Tajikistan ขยายธุรกิจการค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และต่อไปยังทั่วโลก

3. สิงคโปร์กับ Zhejiang ของจีน ความร่วมมือระหว่างสิงคโปร์และจีนเพื่อพัฒนาสถานที่ต่างๆในเขตชายฝั่งทะเลตะวันออก มีการลงนามใน Singapore-Zhejiang Economic and Trade Council meeting ครั้งที่ 6 ซึ่งการลงนาม MOU ระหว่าง Jurong International (the urban design and planning arm of JTC Corporation) กับ Zhoushan municipal government ร่วมกันเพื่อพัฒนาเขตธุรกิจใน Zhoushan Marine Science City นอกจากนี้ ยังมีการลงนามระหว่าง International Enterprise (IE) Singapore กับ Nigbo municipal government เพื่อขยายความร่วมมือไปถึงปี 2555 อนึ่ง การค้ารวมระหว่างสิงคโปร์กับ Zhejiang ในปี 2552 มีมูลค่า 1.99 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 15 (2551 มูลค่า 2.34 พันล้านสหรัฐฯ) สิงคโปร์ส่งออกไปยัง Zhejiang มูลค่า 675 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ นำเข้าจาก Zhejiang มูลค่า 1.32 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนการลงทุนของสิงคโปร์ใน Zhejiang มีมูลค่า 321 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (2552) รวม 36 โครงการ มีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 จัดอยู่ในอันดับที่ 6 ของกลุ่ม 10 อันดับแรก การลงทุนมุ่งเน้น 6 สาขาสำคัญ คือ trade and economics, environmental services, transport and logistics, infocomm technology, tourism และ modern services

4. สิงคโปร์กับ Guangxi ของจีน คณะผู้แทนการค้าสิงคโปร์จำนวน 12 บริษัท เยือน Guangxi(ด้านตะวันตกของจีน) จัดโดย International Enterprise (IE) Singapore โดยการนำของ Mr. Sam Tan, Parliamentary Secretary for Trade and Industry and Information, Communications and the Arts เพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจการค้าให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในปี 2552 สิงคโปร์เป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 15 ของ Guangxi มีมูลค่าการค้ารวม 186.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มูลค่าการลงทุน 442.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สาขาที่มีการเจริญเติบโต ได้แก่ urban and industrial solutions, port and logistics support, banking and manufacturing และ Guangxi ยังเป็นแหล่งที่ตั้งสำคัญที่เป็น gateway ระหว่างจีน กับ ASEAN สำหรับบริษัทสิงคโปร์ที่ได้เข้าไปลงทุนแล้ว ได้แก่ Hong Leong Asia, Sembcorp Utilities, ComfortDelGro และ DBS

จ. อื่นๆ

1. AVA เข้มงวดการนำเข้าสินค้าผิดสุขอนามัย จากการที่ผู้บริโภคมีความต้องการสินค้าแปลกใหม่จากทั่วโลก ทำให้ผู้นำเข้าได้จัดหานำเข้าสินค้าต่างๆ ซึ่งอาจจะลดระดับการตรวจสอบมาตรฐาน เมื่อ AVA ตรวจสอบเพื่ออนุญาตนำเข้า และพบสารพิษ จะงดการอนุญาตนำเข้า จากที่ผ่านมา สินค้าที่ AVA ไม่อนุญาตให้นำเข้า ได้แก่ ใบชาที่มีสีจากการย้อม, นมผงที่ผสมเมลามีน, peanut butter ที่มีเชื้อโรค salmonella, Strawberry-flavoured milk ที่ผสมเมลามีน ซึ่งจากการจดบันทึกของ AVA ปรากฏว่า จำนวนการตรวจสอบสินค้าที่ผิดกฎเพิ่มขึ้นจาก 176 ครั้งในปี 2550 เป็น 219 ครั้ง ในปี 2552 ทั้งนี้ หากสินค้าไม่ผ่านการตรวจสอบ AVA จะแจ้งให้ผู้นำเข้าจ่ายค่าปรับเป็นเงินครั้งละ 2,500 เหรียญสิงคโปร์ สำหรับการนำเข้าจากประเทศไทย ในปี 2551 ผู้นำเข้าต้องเสียค่าปรับในการนำเข้าสินค้า dumplings ที่มีสารพิษ boric acid ผสมอยู่ อนึ่ง ปริมาณการนำเข้าสินค้าอาหารแปรรูปในปี 2550 จำนวน 2.698 ล้านตัน และในปี 2552 จำนวน 3.134 ล้านตัน

2. งาน Food and Hotel Asia ในสิงคโปร์ จัดระหว่างวันที่ 20-23 เมษายน 2553 ณ Singapore Expo โดยผู้จัดแสดงสินค้ามีจำนวน 2,500 ราย จาก 63 ประเทศ และผู้เข้าชมงานในวันแรกมากกว่า 13,000 ราย ซึ่งผู้จัดมั่นใจว่า นักธุรกิจจากยุโรปที่ไม่สามารถเดินทางเข้าร่วมงานฯ(เนื่องจากภูเขาไฟระเบิดในไอซ์แลนด์) มีเพียงร้อยละ 7 คาดว่าจะมีผู้เข้าชมตลอดงานฯ จำนวน 52,000 ราย ซึ่งร้อยละ 40 เป็นชาวต่างชาติ

3. สิงคโปร์ได้รับอันดับ 2 ด้าน infocomm ของโลก จากการสำรวจของ Global Information Technology จำนวน 133 ประเทศ จัดทำโดย World Economic Forum (WEF) และ Insead (leading business school) ได้ให้สิงคโปร์ได้รับอันดับที่ 2 ภาค Information and Communications Technologies (ICT) รองจากสวีเดน สำหรับประเทศที่รองจากสิงคโปร์ ได้แก่ เดนมาร์ค สวิสเซอร์แลนด์ สหรัฐฯ ฟินแลนด์ แคนาดา ฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ และนอรเวย์ ทั้งนี้ สิงคโปร์มีแผนการ 10 ปี เพื่อสร้าง IT Sector ให้มีประสิทธิภาพ ที่สำคัญได้แก่ The Next Generation National Broadband Network ที่จะจัดให้มี Ultra high speed broadband เชื่อมต่อไปยังสำนักงานและที่พักอาศัยทุกแห่งในสิงคโปร์

4. สิงคโปร์พยายามสร้างให้ประเทศเป็น Study Hub แม้ว่าจะมีการแข่งขันอย่างมากในภูมิภาค สถาบันการศึกษาเอกชนสิงคโปร์ได้สร้างให้มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับและนิยมแก่นักศึกษาในภูมิภาค นอกจากมาตรฐานการศึกษาที่มีศักยภาพแล้ว การเรียนการสอนในสิงคโปร์ยังมีสภาวะที่ปลอดภัยและเสถียรภาพการเมืองที่มั่นคง อีกทั้ง นักศึ่กษาต่างชาติไม่ต้องเดินทางระยะไกล สถาบันที่มีชื่อเสียงในสิงคโปร์ ได้แก่ Ngee Ann-Adelaide Education Centre (NAAEC), LaSalle College of the Arts, , TMC Academy และ SIM Global Education

กิจกรรมที่ดำเนินการระหว่างวันที่ 16-30 เมษายน 2553

1. ผู้อำนวยการฯนำคณะผู้นำเข้าสิงคโปร์เข้าชมงาน BIG & BIH 10 (20-25 เมย.53) จำนวน 13 ราย โดยแบ่งเป็น Ex2 จำนวน 2 ราย และ Trade Mission จำนวน 11 ราย

2. ผู้อำนวยการฯเข้าร่วมประชุมหัวหน้าสำนักงานฯ และบรรยายในการสัมมนา “เปิดโลกการค้ายุคใหม่” ระหว่างงานฯ BIG & BIH

3. ประสานแจ้งยกเลิกการเดินทางเข้าร่วมงาน แสดงสินค้า TAPA 2010 ของสื่อมวลชน Mr. Toh Yong King, Jackson, Editor นิตยสาร Wheels Asia ระหว่างวันที่ 26-30 เมษายน 2553

4. ประสานงานกรมฯ เรื่องข้อมูล Exhibitors สิงคโปร์ จำนวน 2 บริษัท เข้าร่วมงาน TAPA 2010 ภายใต้ Singapore Pavilion (ASEAN) (28 เมย.-2 พค.53)

5. ต้อนรับและบรรยายข้อมูลเศรษฐกิจการค้า และการค้าสินค้าไทยในสิงคโปร์แก่คณะ SMEs สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เทศบาลเวียงเชียงแสน วันที่ 30 เมษายน 2553

6. ติดต่อประสานงานกับซุปเปอร์มาร์เก็ต FairPrice ในการจัดโครงการส่งเสริมการขายสินค้าไทย ณ ซุปเปอร์มาร์เก็ต (6-19 พค. 53)

8. ติดต่อประสานงานการจัดประชาสัมพันธ์ข้าวหอมมะลิไทยในสิงคโปร์ ร่วมกับกรมการค้าต่างประเทศ (14-16 พค.53)

7. ประสานข้อมูลรายละเอียดโครงการ Thailand Trade Exhibition 2010 ณ สถานเอกอัครราชทูตไทยในสิงคโปร์ (ระหว่างวันที่ 19-23 พค. 53)

9. ติดต่อประสานงานการจัดประชาสัมพันธ์ข้าวหอมมะลิไทย “Thai Festival 2010” ณ สถานเอกอัครราชทูตไทยในสิงคโปร์ ร่วมกับกรมการค้าต่างประเทศ (วันที่ 16 พค.53)

10. ติดต่อประสานงานการจัดโครงการ Thailand Trade Exhibition 2010 “VivoCity Fashion Showcase” (10-14 มิย. 53)

11. ประสานงานติดต่อสมาคมและนักธุรกิจสิงคโปร์เพื่อเข้าร่วมคณะผู้แทนการค้าสิงคโปร์เยือนประเทศไทย ในเดือนมิถุนายน 2553

12. ประสานซุปเปอร์มาร์เก็ต Isetan สำหรับการจัดโครงการส่งเสริมการขายสินค้าผักผลไม้และอาหาร ณ บริเวณพื้นที่ Promotion กำหนดจัดระหว่างวันที่ 13-22 กรกฎาคม 2553

13. ประสานเชิญชวนนักธุรกิจสิงคโปร์เยือนงานแสดงสินค้าในประเทศไทย ได้แก่

  • ThaiFex-World of Food Asia 2010 ( 30 มิย.-4 กค.53),
  • Made in Thailand 2010 (2-11 กค.53),
  • Bangkok Gems & Jewelry Fair 2010 (8-12 กย.53)

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ สิงคโปร์

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ