องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา(OECD)ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ปารีส ได้รายงานเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายลดหย่อนภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายประเทศในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ทั้งนี้ 24 ประเทศ จาก 30 ประเทศสมาชิกได้ดำเนินการการลดหย่อนภาษีและการทบทวนระบบสวัสดิการใหม่ ประเทศที่มีการลดหย่อนภาษีมากที่สุดคือ นิวซีแลนด์ ส่วนในฮังการีนั้น เป็นประเทศหนึ่งที่ประชาชนจ่ายภาษีหนักที่สุด
จากการศึกษาเกี่ยวกับภาระภาษีในรายงานฉบับนี้ ชาวฮังการีในกลุ่มผู้ที่มีครอบครัวแล้วมีภาระภาษีมากที่สุดเป็นอันดับ1 ในบรรดาประเทศสมาชิก OECD ส่วนในกลุ่มผู้ที่ยังไม่แต่งงานนั้น ชาวฮังการีมีภาระภาษีหนักที่สุดเป็นอันดับ2 ในขณะที่ชาวเบลเยี่ยมที่ยังไม่แต่งงานมีภาระภาษีหนักที่สุดในบรรดาประเทศสมาชิก OECD แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาด้านกำลังซื้อแล้ว ในปี 2009 ดัชนีชี้วัดกำลังซื้อของฮังการีอยู่ที่ระดับ 59 ในขณะที่ดัชนีชี้วัดกำลังซื้อของเบลเยี่ยมอยู่ที่ระดับ 105 ดัชนีชี้วัดกำลังซื้อโดยเฉลี่ยในกลุ่มประเทศสมาชิก OECD นั้นอยู่ที่ระดับ 96
Dr. Bert Brys นักเศรษฐศาสตร์ในองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาระบุว่า เมื่อพิจารณาสถานการณ์ด้านการเงินของฮังการีแล้ว รัฐบาลควรจะมีความรอบคอบในการดำเนินนโยบายลดหย่อนภาษี แทนที่จะเพิ่มภาษีเงินได้โดยตรง รัฐบาลอาจจะเก็บภาษีทางอ้อมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในบางประเภทที่มีอัตราภาษีที่ยังอยู่ในอัตราต่ำ เช่น ภาษีอสังหาริมทรัพย์ หรือ ภาษีเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม รัฐบาลไม่ควรที่จะเพิ่มภาษีเงินได้โดยตรงเนื่องจากอัตราภาษีประเภทนี้สูงมากแล้ว และ Dr. Bert Brys ยังได้เสนอด้วยว่ารัฐบาลอาจจะดำเนินการลดค่าใช้จ่ายของนายจ้างที่เกี่ยวกับการประกันสังคมลงสำหรับนายจ้างที่จะจ้างงานเพิ่มขึ้น โดย นายจ้างจะได้ลดรายจ่ายค่าประกันสังคมสำหรับลูกจ้างรายใหม่เท่านั้น แต่จะไม่ได้ลดรายจ่ายประเภทนี้สำหรับลูกจ้างทั้งหมดในบริษัท
อัตราเงินเดือน และ และค่าใช้จ่ายการประกันสังคมเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับบริษัทที่จะตัดสินใจจ้างงาน และการตัดสินใจของบุคคลที่จะทำงาน ระบบภาษีของฮังการีทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการจ้างงานสูงและไม่อยากจ้างงานเพิ่ม และยังทำให้ลูกจ้างมีแรงจูงใจที่จะทำงานลดลง
นาย Gyorgy Matolcsy ผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของฮังการีกล่าวว่า เศรษฐกิจของฮังการีอาจจะเจริญเติบโต 0.5 -1% ในปีนี้ หากรัฐบาลดำเนินมาตรการลดภาษีเป็นระยะเวลา 3 ปี การลดหย่อนภาษีนี้จะกระตุ้นให้เศรษฐกิจฮังการีขยายตัวดีขึ้น และรัฐบาลก็จะสามารถเก็บภาษีเพิ่มขึ้นได้กว่า 100 พันล้าน โฟรินท์ หรือ 363.84 พันล้านยูโร
Matolcsy กล่าวว่า รัฐบาลชุดใหม่ได้คุยกับ IMF และ สหภาพยุโรปอย่างไม่เป็นทางการว่าหากรัฐบาลจะปฏิรูประบบภาษีและการคลัง IMF และสหภาพยุโรปยินดีที่จะยอมรับงบประมาณขาดดุลในอัตรา 5% - 6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ จากที่เคยได้ระบุไว้ 3.8% ซึ่งไม่สามารถบรรลุผลได้ รัฐบาลชุดใหม่ได้ระบุแผนการอย่างคร่าวๆ ว่า แทนที่จะขึ้นภาษีเงินได้ รัฐบาลจะขึ้นภาษีอุปโภคบริโภค และจะตัด หรือ เพิ่มภาษีใน 12-16 ประเภทจากภาษีทั้งหมด 52 ประเภท ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ และรัฐบาลจะลดภาษีธุรกิจเป็นอันดับแรก และจะตามด้วยการลดภาษีเงินได้
สคร. ณ กรุงบูดาเปสต์
ที่มา: http://www.depthai.go.th