อิหร่านเป็นประเทศที่มีประชากรอายุมากกว่า 65 ปี ประมาณร้อยละ 5.4 ของประชากรทั้งหมดทั้งนี้ อิหร่านเป็นประเทศที่มีพื้นฐานวัฒนธรรมครอบครัวที่แข็งแกร่ง ดังนั้น ระบบการดูแลผู้สูงอายุใน
อิหร่านจึงมักจะเป็นการดูแลกันเองในครอบครัวและญาติมิตรจนกว่าจะเสียชีวิต โดยอายุเฉลี่ยของชายชาวอิหร่านคือประมาณ 69 ปี ในขณะที่อายุเฉลี่ยของหญิงอิหร่านประมาณ 72 ปี
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ปลดเกษียณอายุการทำงานในอิหร่านแบ่งได้ออกเป็น 5 กลุ่มได้แก่
1. กลุ่มผู้ปลดเกษียณโดยผู้ว่าจ้าง ผู้ว่าจ้างสามารถปลดเกษียณอายุพนักงานที่มีประวัติการทำงาน 30 ปีขึ้นไป
2. กลุ่มผู้ปลดเกษียณตนเอง พนักงานที่มีอายุ 60 ปีและมีประวัติการทำงาน 30 ปีสามารถยื่นคำร้องของปลดเกษียณตนเองได้
3. กลุ่มผู้ปลดเกษียณอายุการทำงานด้วยความเห็นชอบของทั้งสองฝ่าย พนักงานที่มีอายุครบ 50 ปีและมีประวัติการทำงานอย่างน้อย 25 ปี สามารถยื่นคำร้องขอปลดเกษียณตนเองได้ แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากสถานที่ทำงานที่ตนเองทำงานก่อน
4. กลุ่มผู้ปลดเกษียณอายุที่หมดประสิทธิภาพในการทำงาน พนักงานที่ได้รับอุบัติเหตุหรือประสบภัยระหว่างการปฏิบัติหน้าที่เป็นเหตุให้ร่างกายหมดประสิทธิภาพในการเข้ามาทำงานใหม่อีกครั้ง จะได้รับเงินเดือนของผู้ปลดเกษียณอายุเป็นค่าตอบแทนการทำงานทุกเดือน โดยคำนวนจากเงินเดือนและโบนัสที่ได้รับครั้งสุดท้าย
5. กลุ่มผู้ปลดเกษียณอายุที่ถึงเกณฑ์ คือ พนักงานที่มีอายุครบ 60 ปี
การคิดเงินบำนาญที่จ่ายให้กับผู้ปลดเกษียณคือ เงินเดือนและโบนัสเฉลี่ยที่ได้รับในช่วง 2 ปีสุดท้าย คูณกับ จำนวนปีที่ทำงานไม่เกิน 30 ปี หารด้วย 30 ปี หรือ 10,800 วัน
1. ผู้สูงอายุได้รับเงินเดือนช่วยเหลือในแต่ละเดือนน้อยเกินไป ไม่พอกับความต้องการและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นทุกวัน สำหรับผู้สูงอายุที่มีประกันสังคมจะได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 2,540,000 เรียล (ประมาณ 250 เหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน) และผู้ที่อยู่ภายใต้ความดูแลขององค์กรผู้ปลดเกษียณอายุแห่งชาติจะได้รับเงินช่วยเหลือประมาณ 1,940,000 เรียล (ประมาณ 190 เหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน) (เงินช่วยเหลือในปี 2550)
2. ค่ารักษาพยาบาลในประเทศอิหร่านสูง ตลอดจนการบริการของพยาบาลและพนักงานที่เกี่ยวข้องไม่ดีพอ ทำให้ผู้สูงอายุบางรายต้องยอมทนต่อโรคที่เป็นอยู่โดยไม่ไปรับการรักษาพยาบาล
รายงานจาก สคร ณ กรุงเตหะราน
ที่มา: http://www.depthai.go.th