ตารางแสดงมูลค่าการค้าไทย-สเปน ช่วง 4 เดือนแรกของปี 2553
เม.ย.2553 ม.ค.-เม.ย.2553 มูลค่า เพิ่ม/ลด (%) มูลค่า เพิ่ม/ลด (%) (Mil.US$) จากเดือนก่อน (Mil.US$) จากเดือนก่อน ส่งออก 83.24 -10.01 337.6 +46.58 นำเข้า 42.98 -8.20 158.2 +43.11 การค้ารวม 126.22 -9.40 495.8 +45.44 ดุลการค้า +40.26 -11.87 +179.4 +49.87 ที่มา: ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร ในเดือนเมษายน 2553 ไทยกับสเปนมีมูลค่าการค้ารวม 126.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไทยเป็นฝ่ายส่งออกไปสเปน 83.24 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ -10.01 เมื$อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา โดยมีหมวดสินค้าหลักที่รับตัวลดลง ได้แก่ เครื$องปรับอากาศและส่วนประกอบ (-36.52%) ยางพารา (-24.57%)และเสื้อผ้าสำเร็จรูป (-22.81%) ขณะที่นำเข้าจากสเปนรวม 42.98 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯลดลงร้อยละ -8.20 ทั้งนี้ ไทยได้ดุลการค้าเพิ$มขึAนอีก 40.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงสี่เดือนแรก ปี 2553 ไทย-สเปน มียอดการค้ารวม 495.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.44 เมือเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยไทยมียอดส่งออกมาสเปนรวม 337.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 46.58 หมวดสินค้าหลักดั้งเดิมที่สามารถกลับมาขยายตัวในอัตราสูง ได้แก่ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (+102.07 %) ยางพารา (+283.60 %) และรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ (+1,012.53 %) ขณะที่นำเข้าจากสเปน 158.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.11 ทำให้ไทยได้ดุลการค้าจากสเปนสะสม จำนวน 179.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.87 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตารางแสดงมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยมายังสเปน 10 อันดับแรก ช่วง 4 เดือนแรกของปี 2553 ที่ สินค้า มูลค่า (Mil. USD) สัดส่วน (%) เปลี่ยนแปลง (%) 1 เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 69.7 20.65 +102.07 2 เสื้อผ้าสำเร็จรูป 41.6 12.32 +22.16 3 ยางพารา 41.4 12.27 +283.60 4 รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ 25.3 7.49 +1,012.53 5 กุ้งสดแช่เย็น/แช่แข็ง 14.4 4.27 +468.69 6 ผลิตภัณฑ์ยาง 14.0 4.14 +56.96 7 ผลไม้กระป๋องและแปรรูป 11.4 3.38 +58.75 8 เลนส์ 11.0 3.27 +26.52 9 เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ 9.5 2.82 +39.83 10 เคมีภัณฑ์ 8.7 2.57 -30.65 ที่มา: ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร จากภาวะเศรษฐกิจถดถอยของโลกทีผ่อนคลายลง ส่งผลให้สินค้าแทบทุกหมวดของไทยมีอัตราขยายตัวในอัตราเร่ง โดยเฉพาะสินค้าหลักดังเดิมของไทยในตลาดนี ได้แก่ เครืองปรับอากาศและส่วนประกอบ ยางพารา และรถยนต์/อุปกรณ์และส่วนประกอบ ต่างมีอัตราเติบโตในระดับสูง จึงถือได้ว่าผู้บริโภคเริมมีความมันใจและจับจ่ายใช้สอยแบบลดการรัดเข็มขัดลง ซึงสังเกตได้ชัดจากสินค้าประเภทคงทน อาทิเช่น รถยนต์ และเครืองใช้ฟ้า เป็นต้น เริมทำยอดขายได้ดีขึนหลังจากทีผู้บริโภคต้องตัดสินใจระงับหรือเลือนเวลาการซือออกไปในช่วงทีผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิงหมวดรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ทีได้รับอานิสงค์จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงทีผ่านมาของรัฐบาลโดยการให้เงินสนับสนุนผู้บริโภคเพือโอบอุ้มอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ กอปรกับมาตรการขึนภาษีมูลค่าเพิมตังแต่วันที 1 กรกฎาคม 2553 ทำให้ผู้บริโภคต้องเร่งซื้อก่อนถึงกำหนดขึ้นภาษี อย่างไรก็ตาม ในปี 2553 คาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสเปนยังคงอยู่ในแดนลบ นอกจากนัน ยังมีปัจจัยอื่นๆที่จะส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค โดยเฉพาะวิกฤติหนีของกรีซทีส่งผลให้รัฐบาลสเปนต้องออกมาตรการลดยอดขาดดุลการคลังของรัฐบาลทีจำเป็นต้องตัดค่าใช้จ่ายของภาครัฐในทุกๆ ด้านจำนวนมากอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันต้องเร่งหารายได้เพิ่มจากการขึนภาษี ซึ่งล้วนจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนัน ยังคงมีสภาพเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจและการเงินของโลกที่ยังมีความผันผวนและอ่อนไหว ในช่วงเดียวกันไทยนำเข้าสินค้าจากสเปน เป็นมูลค่า 158.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 43.11 ซึ่งสินค้าส่วนมากเป็นสินค้าที่นำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิต โดยมีรายละเอียดการนำเข้าสินค้า 5 อันดับแรกที่มีมูลค่าสูงสุด ดังนี้ ตารางแสดงมูลค่าการนำเข้าสินค้าจากสเปน 5 อันดับแรก ช่วง 4 เดือนแรก ปี 2553 สินค้า มูลค่า (Mil. USD) สัดส่วน (%) เปลี่ยนแปลง (%) เคมีภัณฑ์ 28.3 17.89 +77.24 เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 20.9 13.19 +58.54 ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม 14.7 9.27 +6.52 สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูป 9.9 6.28 +30.22 เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ 8.9 5.65 +83.99 ที่มา: ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของราชอาณาจักรสเปน นอกจากกรีซทีกำลังประสพปัญหาวิกฤติหนีอย่างรุนแรงจนส่งผลกระทบและสร้างความกังวลต่อสหภาพยุโรปในภาพรวมและระบบเศรษฐกิจของโลกแล้ว ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอืนๆทีมีหนีสาธารณะและการขาดดุลการคลังในอัตราสูงจึงถูกจับตามองว่าอาจจะประสบภัยพิบัติตามกรีซจนล้มต่อๆกันไปตามทฤษฎีโดมิโน เช่น ไอร์แลนด์ อิตาลี โปรตุเกส และสเปน โดยเฉพาะสองประเทศหลังของคาบสมุทรไอบีเรียนันถือว่าอยู่ในภาวะทีมีความเสียงสูง จนประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจของโลกอย่างเยอรมนี และฝรังเศส รวมทั้งสหรัฐอเมริกาต้องรีบออกมากดดันให้สเปนและโปรตุเกส ต้องเร่งดำเนินการหามาตรการรัดเข็มขัดเพิมเติมโดยปรับลดค่าใช้จ่ายภาครัฐอย่างเป็นการด่วน ในปี 2552 สเปนขาดดุลเงินงบประมาณอยู่ร้อยละ 11.2 ของ GDP อันเนืองมาจากการทุ่มเม็ดเงินอัดฉีดสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจโลก ขณะเดียวกันการจัดเก็บรายได้ในช่วงดังกล่าวก็หดหายไปจำนวนมาก ส่งผลต่อเนืองมาในปี 2553 ทีคาดว่าจะยังขาดดุลการคลังสูงในอัตราร้อยละ 9.8 และร้อยละ 7.5 ของ GDP ในปี 2554 โดยมีเป้าหมายว่าจะพยายามลดการขาดดุลไปสู่ระดับทียอมรับได้ในอัตราร้อยละ 3 ของ GDP ในปี 2557 จากกระแสการกดดันทีบีบบังคับให้สเปนต้องปรับใช้มาตรการรัดเข็มขัดที่แรงขึ้นเพื่อลดรายจ่ายของงบประมาณ รัฐบาลจึงตัดสินใจที่จะตัดลดค่าใช้จ่ายเพิมให้ได้ในวงเงิน 15,000 ล้านยูโรภายใน 2 ปี แบ่งเป็นก้อนแรก 5,000 ล้านยูโร ในปี 2553 และอีก 10,000 ล้านยูโรในปี 2554 ซึงจะช่วยปรับลดอัตราการขาดดุลการคลังในปี 2553 ได้อีกร้อยละ 0.5 ให้เหลือร้อยละ 9.3 และในปี 2554 ลดลงอีกร้อยละ 1 ให้เหลือร้อยละ 6.5 ของ GDP สเปน ถือว่าเป็นประเทศในกลุ่มของประเทศพัฒนาแล้วที่เพิ่งจะคืบคลานออกจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างช้าๆ ในลำดับท้ายๆ โดยมีอัตราการเจริญเติบโตของไตรมาสแรกปี 2553 ทีเพิงจะข้ามพ้นมาสู่แดนบวกได้ร้อยละ 0.1 เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ไตรมาสที่ผ่านมาเนื่องจากธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ทีถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการผลักดันการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงทีผ่านมาประสบภาวะถดถอยอย่างรุนแรง รวมทังการฟุ้งเฟ้อกับเงินกู้ดอกเบียตำทีหาได้ง่าย โดยคาดว่าในปี 2553 จะยังมีอัตราการเจริญเติบโตติดลบร้อยละ -0.4 แต่ปัญหาใหญ่ขณะนี้คือปัญหาด้านแรงงานที่ยังไม่สามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้เสมือนอาการเลือดทีไหลไม่ยอมหยุด โดยอัตราการว่างงานยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทะลุระดับร้อยละ 20 หรือคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 4.6 ล้านคน ซึงถือเป็นภาระที่รัฐบาลจะต้องใช้เงินจำนวนมากเข้าไปดูแลและเยียวยา ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากร้อยละ 16 ไปเป็นร้อยละ 18 แล้วโดยจะมีผลตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2553 เป็นต้นไป นอกจากนัน ยังต้องแบกรับภาระค่าจ้างพนักงานของรัฐที่มีอยู่จำนวนมากกว่า 2 ล้านคน และต้องดูแลผู้ที่เกษียณอายุที่เพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี รวมทังการดูแลค่ารักษาพยาบาลของประชาชนที่ล้วนแต่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากทั้งสิ้น จากสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันของสเปนที่มีสภาพเหมือนคนป่วยที่ยังไม่หายจากอาการไข้ดีนัก กลับต้องมาถูกบีบให้ต้องตัดทอนรายจ่ายลงอีกนัน จึงทำให้ความคาดหวังที่จะก้าวพ้นภาวะวิกฤติเศรษฐกิจเริ่มพร่ามัวอีกครัง โดยพอสรุปมาตรการใช้ยาแรงบางส่วนทีรัฐบาลตัดสินใจจะนำมาใช้ ดังนี 1. ระงับการปรับเพิมเงินบำนาญสำหรับปี 2554 2. ระงับเงินช่วยเหลือสำหรับเด็กเกิดใหม่ ตังแต่วันที 1 มกราคม 2554 3. ลดเงินเดือนระดับผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลลงร้อยละ 15 4. ปรับลดเงินเดือนข้าราชการลงร้อยละ 5 5. ปรับลดต้นทุนราคายา ทันทีที่ประกาศมาตรการรัดเข็มขัดครังนี ซึ่งส่วนมากเกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายด้านสังคมทั้งสิ้น ซึ่งจะมีผลกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาพรวมไม่มากก็น้อย ก็ปรากฏกระแสการต่อต้านจากผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวเช่นกัน โดยในชั้นนี้ หลายภาคส่วนได้เริ่มประกาศนัดประท้วงโดยการนัดหยุดงานแสดงออกการไม่เห็นด้วยแล้วในวันที่ 8 มิถุนายน 2553 ผลกระทบกับการส่งออกของไทย สัดส่วนมูลค่าการส่งออกของไทยไปยังสเปนและโปรตุเกส รวมกันแล้วไม่ถึงร้อยละ 1 ของการส่งออกของไทย ซึ่งสินค้าหลักได้แก่ เครื่องปรับอากาศและชินส่วน ยานพาหนะและชิ้นส่วน และยางพารา ที่กำลังมีแนวโน้มปรับตัวดีขึนมากจากช่วงวิกฤติเศรษฐกิจในปีทีผ่านมา ขณะเดียวกัน กุ้งสดแช่แข็ง สินค้าแฟชั่น และเครื่องประดับ ก็ล้วนแต่ปรับตัวได้ดีขึ้นทั้งสิน แต่ทั้งนี้ จากมาตรการรัดเข็มขัดเพิมเติมของรัฐบาล ย่อมส่งผลกระทบไปยังความเชือมันของผู้บริโภคทัวไปไม่มากก็น้อยในการจับจ่ายใช้สอย อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคก็มีความคุ้นเคยกับการระมัดระวังการใช้จ่ายในช่วงเศรษฐกิจถดถอยทีผ่านมาอยู่แล้วในระดับหนึง ถึงแม้ว่าการส่งออกของไทยไปยังสเปนในปี 2552 จะลดลงถึงร้อยละ 40 แต่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 ก็สามารถขยายตัวกลับมาได้ถึงร้อยละ 40 เมือเทียบกับช่วงเดียวกันของปีทีผ่านมา หากไม่เกิดเหตุการณ์วิกฤติทางเศรษฐกิจของโลกอืนๆอย่างเฉียบพลันเข้ามาแทรกแซงแล้ว ในปี 2553 สินค้าไทยคาดว่าจะมีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25 และจะได้ดุลการค้าไม่ตำกว่า 625 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มา: http://www.depthai.go.th