กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานประมาณการณ์ว่า อัตราการเจริญเติบโตเศรษฐกิจ ของสหรัฐฯ (GDP Growth ) ในไตรมาสแรกปี 2553 (มค-มีค.53) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ปี จากไตรมาสสุดท้ายของปี 2552 การขยายตัวเป็นผลมาจาก การเพิ่มการใช้จ่ายของผู้บริโภค ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการผลิตรถยนต์ ภาคการผลิตเพิ่มจำนวนสินค้าคงคลัง (Inventory) และการลงทุน (Investment) และ การขยายตัวของการส่งออกสินค้าของสหรัฐฯ ส่วนปัจจัยที่ส่งผลทางลบต่อการขยายตัวเศรษฐกิจได้แก่ การลดการใช้จ่ายของภาครัฐท้องถิ่น และ การขยายตัวของการนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ
อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ของเดือนเมษายน 2553 เพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 9.9 (ร้อยละ 9.7 ในเดือนมีนาคม) หรือคิดเป็นมีคนว่างงานจำนวน 15.3 ล้านคน ในเดือนเมษายน มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นจำนวน 290,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมา การจ้างงานเพิ่มขึ้นในสาขาการผลิต การก่อสร้าง การค้าปลีก บริการรักษาสุขภาพ บริการสันทนาการ และ บริการอาหาร รวมถึงรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (Federal Government) ซึ่งจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นเพื่อการสำรวจสำมะโนประชากรประจำปี 2010 ซึ่งประธานาธิบดี Barack Obama กล่าวว่า "การเพิ่มจำนวนการจ้างงานสูงเป็นสิ่งให้กำลังใจในการมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ" ในขณะที่สาขาโลจิสติกส์ขนส่ง และรัฐบาลท้องถิ่นปลดคนงาน/พนักงานจำนวนมาก
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจในเดือนเมษายน 2553 ขึ้นขึ้นเป็น 59.7 จุด (ปี 2528=100) จากเดือนมีนาคม 2553 หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 7.4 จุด ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมาการที่ดัชนี CCI นับ เพิ่มขึ้นในระดับสูงสองเดือนติดต่อกันแสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสูงขึ้น และ มีความเห็นว่า ภาวะธุรกิจการค้าจะแจ่มใสใน 6 เดือนข้างหน้า
ปัจจุบัน ธุรกิจการก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ยังไม่ขยายตัว ถึงแม้ว่า จะมีการออก ใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ (New Housing Construction) เพิ่มขึ้น โรงงานผลิตวัสดุก่อสร้างรายสำคัญ ของสหรัฐฯ ยังคงผลิตสินค้าเพียงครึ่งหนึ่งของกำลังการผลิตทั้งหมด และยังไม่ขยายกำลังการผลิต นอกจากนั้น การซื้อ-ขายที่อยู่อาศัยใหม่ในเดือนมีนาคม 2553 ลดลงร้อยละ 0.90 ถึงแม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะให้ Tax Credit เป็นสิ่งจูงใจต่อผู้ที่ซื้อบ้านเป็นครั้งแรก ในขณะที่สถาบันการเงินเข้มงวดต่อการให้เงินกู้ซื้อที่อยู่อาศัย จึงเป็นผลให้ ไม่ช่วยการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยได้ตามเป้าหมาย
สมาคมค้าปลีกของสหรัฐฯ (National Retail Federation) รายงานว่า ยอดค้าปลีกรวม ของห้างร้านและร้านค้าปลีกของสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 0.90 ในเดือนมีนาคม 2553 (เพิ่มจากเดือนกุมภาพันธ์ 2553)
- ร้านค้าสินค้า Home Center มียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1
- ร้านขายเสื้อผ้าและเครื่องประดับมียอดขายเพิ่มร้อยละ 2.3
- ร้านขายเฟอร์นิเจอร์มียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5
- ร้านขายเครื่องกีฬาและเกมส์ มียอดขายเพิ่มร้อยละ 1.0
สมาคมค้าปลีกของสหรัฐฯ (National Retail Federation) รายงานการนำเข้าตู้สินค้า ของร้านค้าปลีก (Retail Container) ในเดือนมีนาคม 2553 มีจำนวน 1.02 ล้านตู้ (TEUs) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากเดือนเดียวกันของปี 2552 ที่ผ่านมา เนื่องจาก ร้านค้านำเข้าสินค้ามาเพื่อจำหน่ายต้อนรับฤดูใบไม้ผลิต (Spring) คาดว่าการนำเข้าตู้สินค้าในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 (มกราคม-มิถุนายน) มีจำนวน 6.5 ล้าน TEUs ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากช่วงเดียวกันของปี 2552
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครชิคาโก
ที่มา: http://www.depthai.go.th