- การผลิตข้าวของสหรัฐฯ
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯรายงานว่า การปลูกข้าวของสหรัฐฯในปีการเกษตร 2010/11 ดำเนินไปเร็วกว่าปกติ เมื่อถึงสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม 2010 เกษตรกรสหรัฐฯได้ลงมือปลูกข้าวไปแล้วประมาณร้อยละ 82 การปลูกข้าวเฉพาะในพื้นที่นาข้าวทางภาคใต้ซึ่งเป็นข้าวขาวเมล็ดยาวได้กระทำเสร็จสิ้นไปแล้วประมาณร้อยละ 88 - 97 อย่างไรก็ดีการปลูกข้าวในรัฐแคลิฟอร์เนียเพิ่งจะกระทำไปได้เพียงร้อยละ 25 ต่ำกว่าปกติสืบเนื่องมาจากฤดูฝนและความหนาวเย็นของอากาศที่ในปีนี้มีระยะเวลายาวนานกว่าปกติ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา การปลูกข้าวที่เริ่มต้นเร็วจะหมายถึงผลผลิตข้าวที่จะได้มากกว่าปกติ เพราะวัชพืชไม่สามารถเติบโตมาแย้งอาหารข้าวได้ทันและเกษตกรจะมีโอกาสเก็บเกี่ยวข้าวฤดูที่สองที่เป็นข้าวที่เหลือค้างจากการเก็บเกี่ยวในครั้งแรก
- ราคาข้าวที่ที่นาสหรัฐฯและในตลาดค้าข้าว
ราคาข้าวในตลาดค้าข้าวโลกมีแนวโน้มไปในทางลดลงเนื่องจากอุปทานข้าวจำนวนมากในประเทศผู้ผลิตข้าวในขณะที่ความต้องการข้าวในตลาดลดลง และไม่มีการสั่งซื้อใหม่ๆเกิดขึ้น วิกฤตราคาข้าวที่ลดลงส่งผลกระทบต่อสหรัฐฯด้วยเช่นกัน
ราคาที่ที่นาของข้าวเมล็ดยาวสหรัฐฯในปีการเกษตร 2010/11 ลดลงเหลือประมาณ 220.75 -242.82 เหรียญฯต่อเมตริกตัน
ราคาส่งออกข้าวเมล็ดยาวสีแล้วลดลงเช่นกัน ขณะนี้ราคาส่งออกข้าวสหรัฐฯสูงกว่าราคาส่งออกข้าวไทยประมาณ 7 เหรียญฯ เป็นระดับราคาส่งออกที่ต่ำที่สุดในประวัติการณ์ ราคาส่งออกข้าวเมล็ดยาวคุณภาพดีที่สุดจากแหล่งผลิตข้าวในภาคใต้ของสหรัฐฯ(ข้าวหมายเลข 2 หัก 4 เปอร์เซ้นต์ บรรจุถุง จัดส่งถึงเรือ
(F.A.S) จาก
U.S. Gulf port) บอกขายกันที่ 474 เหรียญฯต่อเมตริกตันเปรียบเทียบกับ 482 เหรียญฯต่อเมตริกตันที่เป็นราคาส่งออกข้าวคุณภาพดีสีแล้วของไทย (ข้าว 100 เปอร์เซ็นต์ เกรดบี
fob กรุงเทพฯ) และ 350 เหรียญฯต่อเมตริกตันที่เป็นราคาส่งออกข้าวหัก 5 เปอร์เซ็นต์ของเวียดนาม
- การนำเข้าข้าวของสหรัฐฯ
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯประมาณการณ์ว่าในเดือนพฤษภาคม 2010 สหรัฐฯจะทำการนำเข้าข้าวรวมทั้งสิ้นประมาณ 7.35 แสนเมตริกตัน (น้ำหนักข้าวสีแล้ว)
เดือนกุมภาพันธ์ 2010 สหรัฐฯนำเข้า(เพื่อการค้า-commercial import )ข้าวจากไทยแล้วประมาณ 2.471 แสนเมตริกตัน (เปรียบเทียบกับปริมาณการนำเข้า 2.219 แสนเมตริกตันในระยะ เวลาเดียวกันของปี 2009) เป็นปริมาณการนำเข้าที่มากเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาเป็นการนำเข้าจากอินเดีย 5.46 หมื่นเมตริกตัน (เพิ่มขึ้นจาก 4 หมื่นเมตริก ตันในระยะเวลาเดียวกันของปี 2009) และการนำเข้าจากเวียดนาม 3.76 หมื่นเมตริกตัน (1.51 หมื่นเมตริกตันในระยะเวลาเดียวกันของปี 2009)
1. ปัจจุบันอาหารที่เป็น gluten-free เป็นอาหารชนิดใหม่ที่มีแนวโน้มว่าจะมีบทบาท เพิ่มมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆในตลาดสินค้าอาหารของสหรัฐฯ มีรายงานว่าในระหว่างปี 2004 - 2009 ยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าgluten-free ในตลาดสหรัฐฯ มีอัตราการเติบโตร้อยละ 74
2. วันที่ 24 พฤษภาคม 2553 รัฐแคลิฟอร์เนียออกกฎหมายยอมให้โรงงานผลิตสินค้า เส้นก๋วยเตี๋ยวสดและร้านอาหารต่างๆที่ใช้ก๋วยเตี๋ยวสดของคนเอเซียสามารถวางเส้น ก๋วยเตี๋ยวไว้นอกตู้เย็นได้ไม่เกิน 4 ชั่วโมงโดยไม่ผิดกฎหมายและจะไม่ถูกหน่วยงาน สาธารณสุขเขียนใบสั่งหรือสั่งปิด ปัญหาเรื่องความแตกต่างด้านวัฒนธรรมการ รับประทานและความเข้มงวดของกฎหมายควบคุมสินค้าอาหารของสหรัฐฯได้ส่ง ผลกระทบต่ออาหารเอเซียหลายประเทศรวมถึงอาหารไทย ปัจจุบันผู้ประกอบการ อาหารไทยกำลังประสบปัญหาในเรื่องที่หน่วยงานสาธารณสุขสหรัฐฯเข้มงวดกับ สินค้าอาหารสดของไทยที่ทำจากข้าวเหนียว โดยไม่ยอมให้วางจำหน่ายบนชั้นแต่จะให้เก็บในตู้เย็นในอุณหภูมิที่กฎหมายกำหนดซึ่งผู้ประกอบการบางรายใช้เวลาในการ ต่อรองจนได้รับการยินยอมให้สามารถวางสินค้าบนชั้นได้นาน 4 ชั่วโมงเช่นกัน หลังจากนั้นต้องเก็บเข้าตู้เย็น ข้อยกเว้นนี้ไม่ใช่กฎหมายแต่เป็นข้อยกเว้นเฉพาะบาง พื้นที่ที่ผู้ประกอบการได้ทำความตกลงอย่างไม่เป็นทางการไว้กับเจ้าหน้าที่ สาธารณสุขในพื้นที่
3. กุ้งจับในน่านน้ำธรรมชาติในสหรัฐฯคิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 10 ของกุ้งทั้งหมดที่ บริโภคในสหรัฐฯ ในจำนวนนี้ร้อยละ 75 มาจาก Gulf of Mexico ที่มีรัฐผู้ผลิตสำคัญ คือรัฐหลุยเซียน่า ราคากุ้งที่จับได้ในน่านน้ำธรรมชาติในสหรัฐฯจะมีราคาแพงกว่า กุ้งนำเข้าเป็นอย่างมาก และรัฐผู้ผลิตทางใต้รวมถึงรัฐหลุยเซียน่ามีการดำเนินการ อย่างเข้มแข็งที่จะปกป้องอุตสาหกรรมกุ้งของตนทุกวิถีทาง อย่างไรก็ดี การเกิด การระเบิดของแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ตั้งอยู่ใน Gulf of Mexico และน้ำมันดิบรั่วออกสู่ น่านน้ำที่เป็นแหล่งประมงของรัฐทางใต้รวมถึงแหล่งประมงกุ้งได้ส่งผลกระทบ อย่างมากต่ออุตสาหกรรมประมงในพื้นที่ดังกล่าวที่รวมถึงการประมงกุ้ง มีรายงาน ว่าขณะนี้อย่างน้อยร้อยละ 23 ของน่านน้ำที่เป็นแหล่งประมงกุ้งได้ถูกปิดห้ามทำการ ประมงไปแล้ว และรัฐฯได้ยกเลิกและเลื่อนการเปิดน่านน้ำสำหรับการประมงออก ไปอย่างไม่มีกำหนด เหตุการณ์ในครั้งนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดกุ้งที่ผลิตได้ ในประเทศสหรัฐฯ ในเรื่องของปริมาณและราคาของกุ้งที่จะออกสู่ตลาดในปีนี้และ ภาพลักษณ์คุณภาพของสินค้าว่าเป็นสินค้าที่อาจจะไม่ สะอาด สถานะการณ์ดังกล่าว จะเปิดโอกาสให้แก่ตลาดกุ้งนำเข้าในพื้นที่ดังกล่าวมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับความ สามารถของสหรัฐฯที่จะแก้ไขปัญหาน้ำมันรั่วออกสู่ทะเลและการดำเนินงานของ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมกุ้งในพื้นที่เช่น Louisiana Shrimp Association ว่าจะแก้ไขภาพพจน์สินค้าของตนเองได้มากน้อยและรวดเร็วเพียงใด
1. ตลาดสินค้าอิเลคโทรนิกส์สำคัญในสหรัฐฯคือ สินค้าโทรทัศน์ และ คอมพิวเตอร์ ทั้งนี้เป็นผลมาจากการนำเสนอเทคโนโลยี่ใหม่ๆอย่าไม่หยุดยั้ง และแม้ว่าตลาดจะขยายตัวในเรื่องของปริมาณการจำหน่ายแต่ไม่ขยายตัวในเรื่องของมูลค่าการขายเนื่องจากราคาสินค้าในตลาดมีแนวโน้มลดลง
ก. การบริโภคคอมพิวเตอร์ประเภทตั้งโต๊ะ (desktop) ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้าย ของปี 2009 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2010 มีแนวโน้มขยายตัวรวดเร็วกว่าการ บริโภคคอมพิวเตอร์แบบ notebook ปริมาณและมูลค่าการจำหน่ายคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเติบโตต่อเนื่องมาโดยตลอด ปริมาณการจำหน่ายใน เดือนกุมภาพันธ์ 2010 เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 และมูลค่าการจำหน่ายเพิ่ม ขึ้นร้อย ละ 33 เมื่อเปรียบเทียบกับระยะ เวลาเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ ขณะที่ราคา จำหน่ายต่อหน่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 การเติบโตของตลาดคอมพิวเตอร์ ประเภทตั้งโต๊ะเกิดขึ้นในตลาดคอมพิวเตอร์ทั้งที่เป็นแบบ PC และ Mac. มี การวิเคราะห์ว่าการเติบโตของตลาดเป็นผลสืบเนื่องมาจากการวางตลาด ระบบ operation systems รุ่นใหม่ของเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งสองระบบ
ข. ตลาดสินค้าโทรทัศน์เป็นตลาดที่ไม่หยุดนิ่งและมีการพัฒนาไปข้างหน้า อย่างรวดเร็ว มีประมาณการณ์ว่าในปี 2010 ตลาดสินค้าโทรทัศน์จอแบน ขยายตัวในอัตราร้อยละ 64 เปรียบเทียบกับอัตราร้อยละ 61 ในปี 2009 การ ขยายตัวเป็นผลมาจากการส่งสัญญาณในระบบ High Definition (HD) และ ระดับราคาสินค้าที่ลดต่ำลงเรื่อยๆ และในปี 2010 โทรทัศน์ระบบ 3D จะเริ่ม เข้าออกสู่ตลาดสหรัฐฯโดยมี เป้าหมายที่จะเข้าไปแทนที่ระบบ HD มีการ คาดการณ์ว่าในปี 2010 สหรัฐฯจะมีโทรทัศน์ระบบ 3D ออกวางตลาดได้ ระหว่าง 1.2 - 2.5 ล้านเครื่อง และจะเพิ่มขึ้นเป็น 15.6 -27 ล้านเครื่อง ภายใน ปี 2013 ในขณะเดียวกันโรงงานผลิตโทรทัศน์ต่างๆกำลังเร่งทำการพัฒนา เครื่องรับโทรทัศน์ที่มีสมรรถะในการเชื่อมโยงกับระบบเครือข่ายต่างๆได้ มากยิ่งขึ้นรวมถึงระบบการสื่อสารส่วนบุคคลเช่น Skypeที่สามารถกระทำ ผ่านทางเครื่องรับโทรทัศน์ได้
2. ในไตรมาสแรกของปี 2010 สถานะการณ์โดยรวมของตลาดสินค้าอิเลคโทรนิกสำหรับผู้บริโภคทั่วไปลดลงในอัตราร้อยละ 24.9 เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ยอดจำหน่าย
ก. สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กสำหรับครัวเรือนลดลงร้อยละ 1
ข. สินค้ากลุ่ม consumer electronics ลดลงร้อยละ 7.6
ค. สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่สำหรับครัวเรือนลดลงร้อยละ 13.1
ง. สินค้าอุปกรณ์ในสำนักงานลดลงร้อยละ 27.6
จ. สินค้าที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี่การสื่อสารลดลงร้อยละ 34.7
ฉ. สินค้าที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี่ข้อมูลลดลงร้อยละ 38.2
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครลอสอแนเจลิส
ที่มา: http://www.depthai.go.th