1. มูลค่าการนำเข้ารวม ในปี 2006 2007 และ 2008 มีมูลค่า 4.864 ล้านเหรียญสหรัฐ 5.990 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 10.087 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ การนำเข้ารวมในปี 2008 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 68.39 การนำเข้ารวมในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2009 มีมูลค่า 2.564 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ -64.52 เนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อภาวะการนำเข้าของชิลีมาก ประกอบกับมีการนำเข้าในปี 2008 เป็นจำนวนมากทำให้ยังมีสินค้าคงเหลืออยู่ในสต๊อกมาก การนำเข้ารวมในเดือนสิงหาคม 2009 มีมูลค่า 0.183 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ -78.81
2. การนำเข้าจากไทย ในปี 2006 2007 และ 2008 ไทยเป็นแหล่งนำเข้าสำคัญลำดับ 1 มีมูลค่านำเข้า 2.583 ล้านเหรียญสหรัฐ 4.592 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 7.580 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ การนำเข้าจากไทยในปี 2008 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 65.06 โดยในปี 2006 2007 และ 2008 สินค้าจากไทยครองสัดส่วนตลาดชิลีร้อยละ 53.11 76.67 และ 75.15 ตามลำดับ การนำเข้าจากไทยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2009 มีมูลค่า 1.935 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ -65.09 ตามมูลค่าการนำเข้ารวมของชิลีที่ลดลง การนำเข้าจากไทยในเดือนสิงหาคม 2009 (เดือนล่าสุดที่มีข้อมูล) มีมูลค่า 0.090 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ -80.43
1. คู่แข่งสำคัญ ได้แก่ อินโดนีเซีย ในปี 2006 2007 และ 2008 มีมูลค่านำเข้า 2.136 ล้านเหรียญสหรัฐ 1.302 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 2.198 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ การนำเข้าจากอินโดนีเซียในปี 2008 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 68.81 โดยในปี 2006 2007 และ 2008 สินค้าจากอินโดนีเซียครองสัดส่วนตลาดชิลีร้อยละ 43.92 21.74 และ 21.79 ตามลำดับ การนำเข้าจากอินโดนีเซียในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2009 มีมูลค่า 0.576 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจาก
ช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ -60.81ตามมูลค่าการนำเข้ารวมของชิลีที่ลดลง การนำเข้าจากอินโดนีเซียในเดือนสิงหาคม 2009 มีมูลค่า 0.093 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ -74.78
2. คู่แข่งรายเล็กอื่นๆ ได้แก่ จีน ฟิลิปปินส์ อัฟริกาใต้ โคลอมเบีย และสหรัฐ ในปี 2008 ครองสัดส่วนตลาดชิลีร้อยละ 1.97 0.74 0.30 0.03 และ 0.01 ตามลำดับ
1. สินค้าจากอินโดนีเซียเป็นคู่แข่งที่สำคัญที่สุด โดยในด้านคุณภาพนั้นสับปะรดกระป๋องจากอินโดนีเซียจะมีสีสวยกว่าคือมีสีเหลืองกว่า
2. อินโดนีเซียมักจะพยายามตัดราคาให้ต่ำกว่าสินค้าไทยประมาณ Carton (24 กระป๋อง) ละ 50-75 เซนต์สหรัฐ เสมอ ในขณะที่ผู้ส่งออกไทยไม่สามารถลดราคาให้ต่ำกว่าราคาที่เสนอขายในปัจจุบันได้อีก ในปัจจุบันสินค้าสับปะรดกระป๋องแบบ sliced ขนาด 20 ออนซ์ ที่บริษัทผู้นำเข้ารายใหญ่นำเข้าจากไทยราคา Carton ละ 10.40 เหรียญสหรัฐ ในขณะที่สินค้าสับปะรดกระป๋องแบบ sliced ขนาด 20 ออนซ์ ที่บริษัทผู้นำเข้ารายใหญ่นำเข้าจากอินโดนีเซียราคา Carton ละ 9.90 เหรียญสหรัฐ
3. อย่างไรก็ดี ราคาสับปะรดกระป๋องทั้งจากไทยและจากอินโดนีเซีย ที่จำหน่ายในห้างซูเปอร์มาร์เก็ต/ไฮเปอร์มาร์เก็ต ไม่สู้จะแตกต่างกัน โดยมีราคาอยู่ที่ประมาณกระป๋อง (ขนาด 20 ออนซ์) ละ 500-600 เปโซของชิลี (ณ ปัจจุบัน เงิน 1 เหรียญสหรัฐมีค่าประมาณ 530 เปโซ) โดยห้างซูเปอร์มาร์เก็ต/ไฮเปอร์มาร์เก็ต จะเป็นผู้ดำเนินกลยุทธ์ในการตั้งราคาในส่วนนี้
4. ผู้นำเข้าจากไทยรายสำคัญ ได้แก่ บริษัท HOLMES International Ltda. บริษัท DEMARIA HNOS Y CIA. LTDA. และบริษัท ADELCO ส่วนผู้นำเข้าจากอินโดนีเซียรายสำคัญ คือบริษัท Alimentos Wasil S.A.
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงซานติอาโก
ที่มา: http://www.depthai.go.th