ชิลี และเขตพื้นที่ดูแลของ สคต. ณ กรุงซานติอาโก ได้แก่ เปรู โคลัมเบีย และเอกวาดอร์
1.1 ในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2553 การส่งออกจากไทยไปตลาดชิลี โคลัมเบีย เอกวาดอร์ และเปรู โดยรวมมีมูลค่า 411.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 67.18 ซึ่งเป็นอัตราเพิ่มที่สูงกว่าสภาวะการณ์การส่งออกของไทยไปกลุ่มประเทศดังกล่าวในเดือนมกราคม-มีนาคม 2553 ซึ่งมีมูลค่า 319.49 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 58.38
1.2 ตลาดที่สถานะการณ์การส่งออกของไทยในช่วงมกราคม-เมษายน 2553 มีอัตราเพิ่มที่สูงขึ้นกว่าอัตราเพิ่มในช่วงมกราคม- มีนาคม 2553ได้แก่
- ชิลี มูลค่าการส่งออก 150.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 322.19 (มกราคม - มีนาคม 2553 เพิ่มขึ้นร้อยละ 299.92) สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นมากคือ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1,672.83 เครื่องซักผ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 83.92 อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 53.81 ปูนซีเมนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 71.07 ผลิตภัณฑ์พลาสติกร้อยละ 108.02 เครื่องรับวิทยุและส่วนประกอบเพิ่มขึ้นร้อยละ 991.90 สินค้าที่ส่งออกลดลง ได้แก่ เครื่องจักรกล ลดลงร้อยละ —9.05 ผลไม้กระป๋องและแปรรูปลดลงร้อยละ —19.98 เสื้อผ้าสำเร็จรูป ลดลงร้อยละ -26.81 เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ ลดลงร้อยละ —71.66 เม็ดพลาสติกลดลงร้อยละ —75.19
- เปรู มูลค่าการส่งออก 81.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 165.32 (เดือนมกราคม — มีนาคม 2553 เพิ่มขึ้นร้อยละ 149.72) สินค้าที่ไทยส่งออกเพิ่มขึ้นมากได้แก่ รถยนต์ เพิ่มร้อยละ 312 เครื่องซักผ้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 43 ตู้เย็น เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 ผลิตภัณฑ์ยางร้อยละ 72 เม็ดพลาสติกร้อยละ 63 สินค้าที่ส่งออกได้ลดลง ได้แก่ หลอดไฟฟ้า ลดลงร้อยละ -5.81
- เอกวาดอร์ มูลค่าการส่งออก 84.9 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 6.79 (มกราคม —มีนาคม 2553 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.25) สินค้าที่ไทยส่งออกไปตลาดนี้เพิ่มขึ้น ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.68 เครื่องยนต์สันดาปภายในเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนร้อยละ 32ด้ายและเส้นใยประดิษฐ์เพิ่มขึ้นร้อยละ 74 สินค้าที่ส่งออกได้ลดลง ได้แก่ เครื่องจักรกลลดลงร้อยละ —24 ผลิตภัณฑ์ยางลดลงร้อยละ —10 เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ลดลงร้อยละ —7 เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆลดลงร้อยละ —10
1.3 ตลาดที่สภาวะการณ์การส่งออกของไทยในช่วงมกราคม-เมษายน 2553 มีอัตราเพิ่มขึ้นที่ต่ำกว่าอัตราเพิ่มในช่วงมกราคม-มีนาคม 2553 ได้แก่
- โคลัมเบีย มูลค่าการส่งออก 95.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 28.34 (มกราคม-มีนาคม 2553 เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.26) สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นมากคือ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 60 เครื่องซักผ้า ร้อยละ 3 ผลิตภัณฑ์ยางร้อยละ 41 เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบเพิ่มขึ้นร้อยละ 170 สินค้าที่ไทยส่งออกไปตลาดนี้ได้ลดลง ได้แก่ เครื่องจักรกลลดลงร้อยละ -32 ด้ายและเส้นใยประดิษฐ์ ร้อยละ -37 รถจักรยานยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ลดลงร้อยละ —65 เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ ลดลงร้อยละ -49
2.1 ภาวะการนำเข้าจากประเทศไทยในช่วงระยะเวลา 4 เดือนแรกของปีนี้ เปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลา 3 เดือนแรกของปีนี้ โดยรวม 4 ตลาด มีอัตราเพิ่มจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่สูงขึ้น โดยมีสินค้ารถยนต์ อุปกรณ์ และชิ้นส่วน เป็นตัวแปรที่สำคัญ ทั้งนี้ ภาวะการนำเข้ารถยนต์โดยเฉพาะรถกระบะจากไทยสูงขึ้นมาก และตลาดชิลีเริ่มมีการนำเข้ารถยนต์นั่งบุคคลจากไทย (ฮอนด้า) ซึ่งเดิมยังไม่มีการนำเข้ามากนัก โดยคาดว่าจะยังคงนำเข้าในอัตราที่สูงอยู่อีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทำให้ภาวะการนำเข้าจากไทยโดยรวมเพิ่มขึ้น (เริ่มมีการ order สินค้ารถยนต์กระบะจากไทยในปลายส.ค. 52 เมื่อสต๊อคเริ่มงวดลงมาก ผลิตเสร็จและเริ่มส่งออกสินค้า shipment ใหม่ไปตลาดในช่วง ธ.ค. 52 ถึงต้นปี 2553 และยังส่งออกมาอย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน) ในส่วนของสินค้าชิ้นส่วนอุปกรณ์ยานยนต์ สคร. ได้มีโอกาสสอบถามความเห็นของผู้นำเข้าชิลีและผู้ส่งออกไทยบางราย เห็นว่าตลาดในปีนี้จะยังคงดีต่อไป
2.2 สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่มีผลในเชิงบวกต่อเศรษฐกิจของชิลีและมีผลกระทบต่อการการนำเข้าสินค้าจากไทยได้แก่
2.1.1 ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2553 มียอดขายรถยนต์ในตลาดชิลี 77,573 คัน สูงขึ้นจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าในเชิงปริมาณรถยนต์ร้อยละ 88.52 เฉพาะในเดือนเมษายน 2553 มียอดขายรถยนต์ 22,773 คัน ในช่วง 4 เดือนแรกดังกล่าว รถยนต์ที่ขายดีที่สุดคือ เชฟโรเลท มียอดขาย 12,968 คัน รองลงมาคือฮุนได มียอดขาย 10,205 คัน
2.1.2 นาย Tomas Flores รมช. กระทรวงเศรษฐกิจชิลีแถลงว่า เศรษฐกิจของชิลีฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจชะงักงันในปีที่แล้วอย่างต่อเนื่อง และมีทิศทางที่จะเข้มแข็งขึ้น โดยอาจมีความเสี่ยงเล็กน้อยจากการที่ผลิตภาพในการผลิตของประเทศจะไม่เพียงพอต่ออุปสงค์ในประเทศ อันจะนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ
2.1.3 นาย Pamela Cox ผู้ช่วยประธานธนาคารโลกสำหรับภูมิภาคลาตินอเมริกา เห็นว่า เศรษฐกิจของลาตินอเมริกาหลายประเทศเริ่มถึงจุดที่ร้อนแรงเกินไป โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจฟองสบู่ในในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเป็นตัวสร้างปัญหา
2.1.4 แม้ชิลีจะประสบภัยจากแผ่นดินไหวและซึนามิ แต่ GDP ของชิลี ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 สูงขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 1 ในขณะที่รัฐบาลปัจจุบันตั้งเป้าหมายที่จะให้ GDP เติบโตถึงร้อยละ 6 ต่อปีในช่วง 4 ปีข้างหน้า ในขณะที่คาดการณ์ว่าในปีนี้ GDP จะเติบโตได้ร้อยละ 4-5
2.1.5 ในช่วงไตมาสแรกของปี 2553 อัตราเงินเฟ้อขิงชิลีอยู่ที่ร้อยละ 1.4
2.1.6 นับตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมา ค่าของเงินเปโซชิลีอ่อนค่าลงจากเงินเหรียญสหรัฐร้อยละ 7 ตามค่าของเงินยูโร เนื่องจากการส่งออกของประเทศเป็นจำนวนมากเป็นการส่งออกไปยังตลาดยุโรป
2.1.7 รัฐมนตรีกระทรวงการคลังชิลีเปิดเผยว่า อุบัติภัยแผ่นดินไหวทำให้อุตสาหกรรมประมงของชิลีหดตัวลงร้อยละ 26.9 ในขณะที่ผลผลิตทางอุตสาหกรรมตกลงร้อยละ 6.4 แต่ผลในเชิงลบดังกล่าวได้รับการบรรเทาลงจากการที่เศรษฐกิจมีอุปสงค์ในวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น และยอดขายในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เป็นที่คาดว่าเศรษฐกิจชิลีจะปรับตัวสูงขึ้นอีกในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2553 และจะดีขึ้นกว่าเดิมมากในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2553
2.1.8 ธนาคาร Banco Penta พยากรณ์ว่าเศรษฐกิจชิลีจะขยายตัวร้อยละ 4 ในช่วงไตรมาสที่ 2 และร้อยละ 6 ในช่วงไตรมาสที่สามของปีนี้
2.1.9 ธนาคารกลางพยากรณ์ว่าเศรษฐกิจชิลีโดยรวมตลอดทั้งปีจะขยายตัวประมาณร้อยละ 4.25-5.25
2.1.10 ในเดือนพฤษภาคม 2553 ชิลีได้เป็นประเทศแรกในภูมิภาคอเมริกาใต้ที่เข้าเป็นสมาชิก OECD
กิจกรรมที่ดำเนินการระหว่างวันที่ 1-15 พ.ค. 53
1. เข้าร่วมออก Information Stand ในกิจกรรม "Los Principales Paises y Economias de Asia Pacifico en Chile" (แปลว่า "The Principal Countries and Economics of Asia Pacific in Chile") ตามคำเชิญของหอการค้า Asia Pacific Chamber of Commerce ของชิลีที่ห้องบอลรูมโรงแรม Sheraton ที่กรุงซานติอาโก เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2553 (ได้รับการจัดสรรพื้นที่แสดงและอุปกรณ์เคาท์เตอร์ เก้าอี้ ฯ จากหอการค้าฯ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย) มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 556 ราย เป็นตัวแทนประเทศต่างๆที่เข้าร่วมจัด Information Stand ในงาน 16 ประเทศ ได้แก่ ไทย ออสเตรเลีย จีน เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ปากีสถาน รัสเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และเวียดนาม มีนักธุกิจที่สนใจทำธุรกิจกับประเทศสมาชิกเอเปค 534 ราย เป็นผู้นำเข้าประมาณ 150 คน ผู้ส่งออกประมาณ 78 คน ธุรกิจบริการประมาณ 139 คน ผู้ผลิตประมาณ 72 ราย ผู้จัดจำหน่ายประมาณ 56 ราย ผู้ค้าปลีกประมาณ 11 ราย สมาคมและองค์กรสาธารณะประมาณ 28 ราย
2. เข้าร่วมพิธีเปิดงานและเยี่ยมชมพบปะบุคคลในงาน "XIV Enterpreneurs Summit" จัดโดยหอการค้า Regional Chamber of Commerce of Valparaiso ที่ห้อง Convention Center โรงแรม Hotel del Mar ที่นครบิญา เดล มาร์ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2553 ตามคำเชิญของหอการค้าฯ (ปี 2552 สคร. เข้าร่วมจัด Information Stand ในการงานดังกล่าวด้วย (ได้รับเอื้อเฟื้อพื้นที่จากบริษัท E. Kovacs ผู้นำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ในชิลีที่นำเข้าสินค้าจากไทยให้เข้าร่วมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย) แต่ปีนี้มิได้จัด Information Stand เนื่องจากไม่ได้รับเอื้อเฟื้อพื้นที่และกรมฯ ไม่มีนโยบายจัด Information Stand ในงานขนาดไม่ใหญ่) โดย สคร. มีโอกาสพบปะแนะนำตัวต่อนักธุรกิจที่มาในงานประมาณ 10 ราย และทางหอการค้า Regional Chamber of Commerce of Valparaiso ได้เสนอขอให้ สคร. จัดให้มีการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง หอการค้า Regional Chamber of Commerce of Valparaiso กับหอการค้าไทย
3. รายงานข้อมูลตลาดรถยนต์นั่งบุคคล (HS 8703) และรถยนต์บรรทุก (HS 8704) ในชิลี สำหรับผู้แทนการค้าไทย (นายวัชระ พรรณเชษฐ์) ใช้ในราชการ
4. แจ้งข้อมูลผู้ส่งออกที่ประกอบกิจการในลาตินอมริกา
5. ประสานงานผู้นำเข้า 1 ราย เรื่องการจัดคณะผู้แทนการค้ามาเยือนงานแสดงสินค้า BKK Gems & Jewelry Fair, September 2010
ที่มา: http://www.depthai.go.th