หลังจากที่คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นสมัยนายยูกิโอะ ฮาโตยามาเป็นนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบยุทธศาสตร์การเจริญเติบโตรูปแบบใหม่ (New Growth Strategy) ที่เสนอโดยกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม (Ministry of Economic Trade and Investment: METI) ของญี่ปุ่นเมื่อเดือนตุลาคม 2552 ล่าสุด METI ได้จัดทำวิสัยทัศน์โครงสร้างอุตสาหกรรม 2010 “Industrial Structure Vision 2010” ซึ่งชี้ให้เห็นถึงอนาคตที่อุตสาหกรรมญี่ปุ่นที่ควรจะก้าวไปสู่ พร้อมทั้งกำหนดทิศทางของนโยบายที่จำเป็นต้องมีเพื่อนำไปสู่เป้าหมายนั้น METI วิเคราะห์สถานการณ์ความเป็นจริงและความท้าทายที่อุตสาหกรรมญี่ปุ่นกำลังประสพทางตัน ก้าวตามไม่ทันประเทศที่สำคัญๆ ของโลกและการเปลี่ยนแปลงของตลาด ผลจากการวิเคราะห์ระบุว่าหากญี่ปุ่นต้องการให้เศรษฐกิจกลับมาอยู่ในเส้นทางของการเติบโตต่อไป ญี่ปุ่นควรริเริ่มความพยายามทั้งประเทศในการกระตุ้นอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นให้แข่งขันได้ในระดับโลก
- จากที่พึ่งพาอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างเดียว ไปเป็นการพึ่งพาหลายเสาหลักตาม 5 สาขายุทธศาสตร์(ปรากฎตามด้านล่างนี้)
- จากการขายสินค้าคุณภาพสูงเฉพาะด้าน ไปเป็น “System sales” และ “Creative Value Added Models”
- จากปัจจัยที่ฉุดรั้งการเติบโต (การขาดทรัพยากรธรรมชาติและพลังงาน อัตราการเกิดลดต่ำลง การเข้าสู่สังคมชรา) ไปเป็นอุตสากรรมที่แก้ไขปัญหาด้านต่างๆ
- การเอาชนะด้วยเทคโนโลยีและรูปแบบธุรกิจ ทำมาตรฐานให้เป็นสากล พร้อมกับวางยุทธศาสตร์ทางธุรกิจเพื่อให้สามารถแข่งขันในสากลได้
- ย้ายจากตลาดที่โตแล้วอย่างญี่ปุ่นและประเทศพัฒนาแล้วไปยังประเทศเกิดใหม่
- ปรับระบบภายในประเทศให้แข่งขันได้ในตลาดโลก (การลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลลง จากอัตรา 40 เปอร์เซ็นต์ ให้มาอยู่ในระดับเดียวกับสากลที่ 25-30 เปอร์เซ็นต์)
- ดึงดูด Value-added function จากต่างประเทศ
- ส่งเสริม SME ไปตลาดต่างประเทศ
- พัฒนาบุคลากรระดับสูงในประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงการปรับปรุงกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการจ้างต่างชาติที่มีฝีมือ
- สร้างความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อใช้ประโยชน์จากกลไกตลาด
- การเพิ่มบทบาทของภาครัฐในการสนับสนุนการส่งออกโครงสร้างสาธารณูปโภคโดยผ่าน ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation: JBIC) และ องค์กรรับประกันการส่งออกและการลงทุนแห่งประเทศญี่ปุ่น (Nippon Export and Investment Insurance : NEXI) รวมถึงการพลิกฟื้นการลงทุนและการให้กู้ยืมเงินที่ทำโดยองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency: JICA)
- การจัดตั้งศูนย์ประเมิณประสิทธิภาพร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และภาคการศึกษา
1) การส่งออกโครงสร้างสาธารณูปโภค เช่น พลังงานนิวเคลียร์ พลังงานน้ำ และรถไฟ เป็นต้น
2) การส่งออกอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและพลังงาน
3) การบริการด้านการแพทย์ พยาบาล และการเลี้ยงดูเด็ก
4) ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแฟชั่น อาหาร การท่องเที่ยวและวัฒนธรรม
5) เทคโนโลยีด้านหุ่นยนต์ อวกาศ และเทคโนโลยีล้ำยุค
รายงานฉบับนี้ ประเมินว่าภาคการผลิตของญี่ปุ่นจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 310 ล้านล้านเยน จากปี 2007-2020 โดยในจำนวนนี้ 5 สาขายุทธศาสตร์สำคัญจะสามารถผลิตมูลค่าได้ 149 ล้านล้านเยน และสามารถสร้างงานได้ 2.57 ล้านงาน
METI ตั้งเป้าหมายที่จะทำให้ Industrial Structure Vision 2010 เป็นศูนย์กลางของยุทธศาสตร์การเจริญเติบโตรูปแบบใหม่ ซึ่งมีกำหนดที่จะเสร็จสิ้นภายในเดือนมิถุนายนนี้
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว
ที่มา: http://www.depthai.go.th