กรมส่งเสริมการส่งออกเผยประเทศรัสเซียนำเข้าเนื้อไก่สดแช่แข็งปีละกว่า 1,000,000 ตันรวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งชาวรัสเซียนิยมบริโภคไก่ทุกประเภททั้งเนื้อล้วนลอกหนัง ปีกไก่ ขา และเครื่องใน จึงเป็นโอกาสทองของผู้ส่งออกสัตว์ปีกของไทยในการขยายตลาดไปยังรัสเซีย
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก ในฐานะหัวหน้ากลุ่มสินค้า (Chief of Product) ดูแลกลุ่มสินค้าอาหารและเกษตร เปิดเผยว่า จากการที่ประเทศรัสเซียได้แจ้งประกาศเปิดตลาดสินค้าสัตว์ปีกให้ไทย ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 นั้น ถือเป็นโอกาสทองของผู้ส่งออกไทยในการขยายช่องทางการส่งออกสินค้าสัตว์ปีกไปยังรัสเซีย โดยประเทศรัสเซียนำเข้าเนื้อไก่สดแช่แข็งปีละกว่า 1,000,000 ตันรวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งชาวรัสเซียนิยมบริโภคไก่ทุกประเภททั้งเนื้อล้วนลอกหนัง ปีกไก่ ขา และเครื่องใน โดยวางจำหน่ายตามห้างซุปเปอร์มาร์เก็ตทั้งที่เป็นของชาวรัสเซียเองและชาวต่างชาติ
“ประเทศรัสเซียเป็นประเทศที่มีอากาศหนาวจัดเกือบตลอดทั้งปี ทำให้สินค้าประเภทอาหารและเครื่องอุปโภคบริโภคทุกชนิดต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ในอดีตประเทศแถบยุโรปตะวันออกและคิวบาผลิตสินค้าอาหารและเกษตรป้อนสู่รัสเซีย แต่จากการที่รัสเซียเปิดตลาดสินค้าสัตว์ปีกให้ไทย น่าจะช่วยให้ผู้ส่งออกไทยขยายช่องทางการตลาดไปยังรัสเซียได้เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันอัตราการบริโภคสัตว์ปีกต่อคนต่อปีของรัสเซีย มีประมาณสูงถึง 24.8 กิโลกรัม” นางศรีรัตน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังมีอุปสรรคในการทำการค้ากับประเทศรัสเซีย ที่ผู้ส่งออกไทยต้องทำความคุ้นเคยก่อนเข้าทำตลาด อาทิ ผู้ประกอบการรัสเซียยังนิยมชำระค่าสินค้าล่วงหน้าตามสัดส่วนที่จะตกลงกับผู้ส่งออก ซึ่งเป็นผลจากการที่จะลดความเสี่ยงของกันและกัน เพราะรัสเซียยังมีระบบธนาคารพาณิชย์ที่มีต้นทุนการเปิดสินเชื่อ (แอลซี) ที่ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่นำเข้าสินค้าเองยังมีจำนวนน้อย ประชาชนยังนิยมใช้เงินสดหรือการโอนเงินผ่านธนาคาร ไม่มีการใช้เช็ค การใช้บัตรเครดิตยังยอมรับอยู่ในวงที่จำกัด สินค้าปลีก-ส่ง ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา ร้อยละ 10 ในกลุ่มสินค้าอาหารไม่แปรรูป และร้อยละ 18 สำหรับสินค้าทั่วไป
ที่มา: http://www.depthai.go.th