1. จำนวนการผลิตรถยนต์ของประเทศญี่ปุ่นแบ่งแยกตามผู้ผลิต ตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2553
Passenger Cars Trucks Buses Grand Total Standard Small Mini Total Standard Small Mini Total Large Small Total TOYOTA 173,750 51,965 - 225,715 8,200 7,399 - 15,599 - 7,809 7,809 249,123 NISSAN 47,022 29,184 - 76,206 5,724 3,777 - 9,501 - 473 473 86,180 MAZDA 56,755 11,690 - 68,445 122 1,607 - 1,729 - - - 70,174 MITSUBISHI 29,851 1,960 3,950 35,761 173 107 4,196 4,476 - - - 40,237 ISUZU - - - - 12,695 2,296 - 14,991 277 - 277 15,268 DAIHATSU - 4,759 38,207 42,966 130 - 11,969 12,099 - - - 55,065 HONDA 21,640 38,622 8,680 68,942 - 171 5,285 5,456 - - - 74,398 SUBARU 33,769 - 2,655 36,424 - - 4,241 4,241 - - - 40,665 UD TRUCKS - - - - 1,950 623 - 2,573 142 - 142 2,715 HINO - - - - 6,864 150 - 7,014 539 9 548 7,562 SUZUKI 12,771 13,056 46,933 72,760 - 1,080 10,971 12,051 - - - 84,811 GM JAPAN - - - - - - - - - - - - MITSUBISHI FUSO - - - - 4,506 547 - 5,053 164 278 442 5,495 Others - - - - 101 - - 101 - - - 101 TOTAL 375,558 151,236 100,425 627,219 40,465 17,757 36,662 94,884 1,122 8,569 9,691 731,794
ข้อมูลจาก Japan Automobile Manufacturer Association 2010
สำนักข่าวนิเกอิ รายงานว่าประเทศในกลุ่มอาเซียน มียอดสั่งซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้นในเดือนเมษายน 2553 เป็นจำนวน 198,000 คัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซียซึ่งมียอดจำหน่ายรถยนต์เพิ่มขึ้นถึง ร้อยละ 90 ขณะที่ประเทศฟิลิปปินส์และไทยต่างมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับยอดจำหน่ายรถยนต์ของปีที่ผ่านมา รายละเอียดดังนี้
1. ประเทศเวียดนามแม้ว่าในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2553 ยอดจำหน่ายรถยนต์จะลดลงถึงร้อยละ 10 เมื่อเทียบ จากปีที่ผ่านมา แต่จากยอดจำหน่ายรถยนต์ตรวจการณ์ (SUV) ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในเดือนเมษายน ทำให้ยอดโดยรวมในเดือน เมษายน 2553 ปรับตัวอยู่ในแดนบวกได้
2. ประเทศอินโดนีเซียแจ้งว่ายอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในเดือนเมษายน 2553 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 89 เมื่อเทียบกับ ยอดจำหน่ายรถยนต์ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งในจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นรถมินิแวนของมิตซึบิชิ มอเตอร์ จำนวน 7,211 คัน ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดของมิตซึบิชิในตลาดอินโอนีเซียเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 1 รวมเป็นร้อยละ 15 ของตลาดโดยรวม
3. ประเทศฟิลิปปินส์มียอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศเพิ่มขึ้นจำนวนรวม 14,000 คันหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 43 เมื่อ เทียบกับยอดจำหน่ายของปีที่ผ่านมา รถยนต์ที่มียอดจำหน่ายเพิ่มสูงสุดคือ มิตซึบิชิ แลนเซอร์ ใหม่ซึ่งมียอดจำหน่ายเพิ่มสูงถึงร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับยอดจำหน่ายของปีที่ผ่านมา โดยแลนเซอร์ใหม่นี้ผลิตในโรงงานใหม่ของมิตซึบิชิที่เพิ่งเริ่มผลิตเมื่อเดือนมกราคม 2553 ที่ผ่านมา
4. ประเทศสิงค์โปร์ เป็นประเทศเดียวในกลุ่มอาเซียนที่ มีรายงานว่ายอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศติดลบ กล่าว คือลดลงถึงร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับยอดจำหน่ายของปีที่ผ่านมา เหตุผลเดียวของการลดลงของยอดจำหน่ายในประเทศคือรัฐบาล ต้องการจำกัดใบอนุญาตซื้อรถยนต์เพื่อให้จำนวนรถยนต์มีจำนวนน้อยลง
5. ประเทศไทย ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์รายงานว่าได้จำหน่ายรถยนต์ได้จำนวน 57,000 คัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 44 เมื่อเทียบกับยอดจำหน่ายรถยนต์ในปีที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกันแล้วที่ยอดจำหน่ายรถยนต์เพิ่มสูงขึ้น รถยนต์นิสสันมาร์ช ซึ่งเริ่มจำหน่ายในเดือนมีนาคม 2553 สามารถทำยอดจำหน่ายได้ถึง 7,201 คัน เมื่อสิ้นเดือนเมษายน 2553 ส่งผลให้ยอดจำหน่าย รถยนต์นั่งส่วนบุคคลในประเทศเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับยอดจำหน่ายของปีที่ผ่านมา
รวมยอดจำหน่ายรถยนต์ของประเทศในกลุ่มอาเซียนเท่ากับ 761,000 คันหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 41 เมื่อเทียบกับยอด จำหน่ายของปีที่ผ่านมา
สำหรับ ยอดขายรถยนต์มือสองในญี่ปุ่นเดือนพฤษภาคม 2553 มีจำนวน 288,567 คัน ลดลงถึงร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบ กับระยะเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาและนับเป็นการลดลงเป็นเดือนที่ 18 ติดต่อกันแล้ว สาเหตุสำคัญคือนโยบายของรัฐบาลที่ให้การ สนับสนุนชาวญี่ปุ่นให้ซื้อรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งด้านการใช้มาตรการลดหย่อนภาษี และให้เงินจูงใจ
บริษัทนิสสัน มอเตอร์ วางแผนเพิ่มการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทยเป็น 2 เท่า หรือมูลค่าการผลิตราว 8.5 หมื่นล้านเยน ชิ้นส่วนหลัก อาทิเครื่องยนต์ และชุดเกียร์ที่จะผลิตในไทยและส่งออกต่อไปยังประเทศญี่ปุ่น จีน ประเทศในยุโรปและ ประเทศอื่นๆ นิสสันมอเตอร์ยังใช้ไทยเป็นฐานการผลิตนิสสันรุ่นมาร์ช นอกจากนี้ยังวางแผนระยะยาวให้ประเทศในกลุ่มอาเซียนเป็น ฐานผลิตส่วนประกอบรถยนต์ของนิสสัน บริษัทยังมีแผนในการปรับลดการผลิตเครื่องยนต์ขนาด 2 ลิตรจำนวน 100,000 เครื่องจาก โรงงานที่โยโกฮาม่าในประเทศญี่ปุ่น โดยจะเพิ่มการผลิตที่โรงงานในประเทศอังกฤษแทน ส่วนโรงงานผลิตเครื่องยนต์ของนิสสันรุ่น ทิด้าก็เริ่มย้ายฐานการผลิตจากโรงงานที่จังหวัดคานากาว่าประเทศญี่ปุ่น ไปยังประเทศเม็กซิโกแล้ว เหตุผลสำคัญที่นิสสันต้องปรับ กระบวนการผลิตโดยย้ายโรงงานออกจากญี่ปุ่น ไปยังประเทศอื่นๆ คือการแก้ปัญหาเงินเยนที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ทำให้รถยนต์และ ส่วนประกอบฯที่ส่งออกจากประเทศญี่ปุ่นมีราคาแพง ไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
ฮอนด้า มอเตอร์ ให้สัมภาษณ์ว่าอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างดอลลาร์สหรัฐและเยนที่เปลี่ยนแปลงทุก 1 เยนจะส่งผลให้ ผลกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นหรือลดลงราว 2 หมื่นล้านเยน การย้ายฐานการผลิตไปสู่ประเทศในกลุ่มอาเซียนจะทำให้บริษัทสามารถลด ความผันผวนด้านอัตราแลกเปลี่ยนได้ถึง 4 พันล้านเยนต่อปี
บริษัทโคะเกียว ผู้ผลิตเพลาและแชสซีของญี่ปุ่น กำลังก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดระยองซึ่ง คาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ในเดือนกันยายน 2553 โรงงานแห่งใหม่นี้จะผลิตชิ้นส่วนฯ เพื่อป้อนให้กับโรงงานอิซูซุ มาสด้า และฟอร์ด ในประเทศไทยเป็นหลัก การลงทุนโครงการดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านเยน บริษัทหวังว่าหลังดำเนินการ ยอดขายโดย รวมจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.77 หมื่นล้านเยนหรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับยอดจำหน่ายของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การลงทุน ของโคะเกียวในครั้งนี้ทำให้บริษัทับภาระหนี้สินจำนวน 2.3 หมื่นล้านเยน
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นคร โอซากา
ที่มา: http://www.depthai.go.th