เมื่อประเทศญี่ปุ่นเริ่มเข้าสู่หน้าร้อน บริษัทญี่ปุ่นก็จะส่งผลิตภัณฑ์อาหาร-เครื่อง ดื่มแนวเอเชียมาเป็นเมนูที่จำกัดระยะเวลาการจำหน่ายออกมา เช่น Mos Burger มีเมนู "Naan Tacos" ที่นำ "นัน" ของอินเดียมาผสมกับ "ทาโก้" ของเม็กซิโก
เมนูพิเศษในปีนี้ ก็ได้เริ่มทยอยออกสู่ตลาดญี่ปุ่นแล้ว ซึ่งในปีนี้ มีเมนูสไตล์อาหารไทยออกมาให้เห็นมากขึ้น แสดงให้เห็นว่า อาหารไทยเป็นที่รู้จักและยอมรับมากขึ้นในประเทศญี่ปุ่น โดยสาเหตุก็มีหลายประการ เช่น มีคนญี่ปุ่นจำนวนมากที่เคยเดินทางไปเที่ยวประเทศไทย ทำให้มีคนรู้จักอาหารไทยมากขึ้น ร้านอาหารไทยในญี่ปุ่นเอง ก็เพิ่มจำนวนขึ้นเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ อากาศที่ร้อนขึ้น ก็ทำให้อยากรับประทานอาหารรสชาติจัดจ้านกันด้วย เป็นต้น
เมนูพิเศษสไตล์อาหารไทย ที่กำลังวางจำหน่ายอยู่ในร้านอาหารประเทศญี่ปุ่นในขณะนี้ ยกตัวอย่างเช่น
ไส้ไก่สไตล์ไทยนี้ ปรุงรสด้วยกะทิ มีรสชาติคล้ายกับไก่สะเตะ ราดหน้าด้วยสลัดมะละกอที่ผสมหัวไช้เท้าและแครอท คลุกด้วยน้ำมะนาว นอกจากนี้ ยังมีถั่วหิมพานต์และราดซอสพิเศษทำจากพริกขี้หนูเขียวและมะม่วง ซึ่งทำให้มีรสเผ็ดอ่อนๆ ผสมรสหวานของผลไม้ สุดท้ายตกแต่งด้วยผักชี ซึ่งขาดไม่ ได้เลยในอาหารไทย ราคาอันละ 390 เยน จำหน่ายตลอดฤดูร้อน ณ ร้านกาแฟ Doutor ประมาณ 1,110 สาขา ทั่วประเทศญี่ปุ่น
ข้าวราดแกงเขียวนี้ เป็นการปรับรสชาติแกงเขียวหวานของไทยให้เป็นสไตล์ของร้าน Coco Ichibanya เอง โดยประชาสัมพันธ์ว่า "แกงเขียวหวานเป็นเมนูยอดนิยมของอาหารไทย มีจุดเด่นอยู่ที่รสชาติเผ็ดของเครื่องเทศและรสหวานของกะทิ ซึ่งเหมาะสำหรับหน้าร้อนที่มักจะทำให้ไม่อยากอาหาร" เครื่องปรุงใช้กุ้งและมะเขือม่วงจากประเทศไทย หน่อไม้จากจีน กระเจี๊ยบเขียวจากเวียดนามและพริกหวานจากอเมริกา ราคาจานละ 780 เยน จำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-30 ก.ย. ณ ร้าน Coco Ichibanya 1,148 สาขา ทั่วประเทศญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอเครื่องดื่ม Mango Milk Lassi โยเกิร์ตปั่นรสมะม่วงผสมนม (แก้วละ 200 เยน) ให้รับประทานคู่กับแกงเขียวหวานอีกด้วย
เมนูที่นำแกงเขียวหวานมาประยุกต์ ปรุงเป็นหน้าพิซซ่า ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นหน้าเบคอนและไส้กรอกทำเอง ราคาถาดละ 1,239 เยน จำหน่ายตั้งแต่ 27 พ.ค.-18 ก.ค. ที่ร้านอาหารสำหรับครอบครัว Coco's ประมาณ 483 สาขาทั่ว ประเทศญี่ปุ่น
การที่ธุรกิจอาหารรายใหญ่ของญี่ปุ่นนำเสนอเมนูพิเศษที่เป็นสไตล์ไทยๆ ออกมาเช่นนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้คนญี่ปุ่นมีความคุ้นเคยกับอาหารไทยมากกว่าในปัจจุบัน ซึ่งอาจจะเชื่อมโยงไปสู่ความต้องการวัตถุดิบ/เครื่องปรุงอาหารไทยที่มากขึ้นในอนาคต
โดย สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครโอซากา
ที่มา: http://www.depthai.go.th