สถานการณ์สินค้ายานยนต์และยางรถยนต์ในประเทศญี่ปุ่น เดือนกรกฎาคม 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 15, 2010 15:37 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. จำนวนการผลิตรถยนต์ของประเทศญี่ปุ่นแบ่งแยกตามผู้ผลิต ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2553

                                 Passenger Cars                          Trucks                         Buses            Grand Total
                   Standard    Small     Mini     Total   Standard    Small   Mini    Total    Large    Small    Total
TOYOTA             160,044    54,555       -    214,599     7,836     6,099     -     13,935      -     6,878    6,878       235,412
NISSAN              41,453     8,452       -     69,905     5,394     3,592     -      8,986      -       539      539        79,430
MAZDA               56,118    11,992       -     68,110       249     1,512     -      1,761      -        -        -         69,871
MITSUBISHI          32,418     2,054    4,495    38,967       297       122   4,279    4,698      -        -        -         43,665
ISUZU                   -         -        -        -      13,712     2,845     -     16,557     214        3      217        16,774
DAIHATSU                -      4,368   34,146    38,514       170        -   10,478   10,648      -        -        -         49,162
HONDA               22,296    38,967    8,555    69,818        -         95   4,675    4,770      -        -        -         74,588
SUBARU              31,646       -      1,506    33,152        -         -    3,885    3,885      -        -        -         37,037
UD TRUCKS               -        -         -        -       2,020       601     -      2,621      66       -        66         2,687
HINO                    -        -         -        -       6,982       161     -      7,143     416       13      429         7,572
SUZUKI              15,859    12,722   46,486    75,067        -      1,008  11,668   12,676      -        -        -         87,743
GM JAPAN                -        -         -        -          -         -      -        -        -        -        -             -
MITSUBISHI FUSO         -        -         -        -       3,799       461     -      4,260     152       -       152         4,412
Others                  -        -         -        -         100        -      -        100      -        -        -            100
  TOTAL            359,834   153,110   95,188   608,132    40,559    16,496  34,985  92,040      848    7,433    8,281       708,453
ข้อมูลจาก Japan Automobile Manufacturer Association


2. ความเคลื่อนไหวที่สำคัญในตลาดรถยนต์ญี่ปุ่น
          จากบทสัมภาษณ์ประธานสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น (JAMA) นายโทชิยูกิ ชิกะ ซึ่งดำรงตำแหน่ง Chief Operating Officer (COO)
ของบริษัทนิสสัน มอเตอร์ ในวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา นายชิกะให้สัมภาษณ์ถึงความกังวลของสมาชิกสมาคมฯ ในเรื่องการแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของ
ค่าเงินเยนว่า รัฐบาลญี่ปุ่นสมควรเร่งหาทางแก้ไขโดยเร็ว การให้สัมภาษณ์เรื่องค่าเงินเยนจากผู้บริหารระดับสูงในอุตสาหกรรมฯครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาประธานบริษัทฮอนด้า ก็เคยให้สัมภาษณ์ในทำนองเดียวกันมาแล้ว
          สถานการณ์เงินเยนล่าสุดแข็งค่าอยู่ระหว่าง 86.96เยน/ ดอลลาร์สหรัฐฯ และ 107.3 เยน/ยูโร ซึ่งแข็งค่ากว่าที่ผู้ผลิตญี่ปุ่นคำนวนต้นทุน
ไว้ที่ 90 เยน/ดอลลาร์สหรัฐฯ และ 125 เยน/ยูโร ส่งผลให้ผลกำไรที่บริษัทหาได้ในต่างประเทศเมื่อโอนกลับมาที่บริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่นแล้วแทบจะ
ไม่ได้กำไรเลย นอกจากนี้ยังทำให้รถยนต์ที่ส่งออกจากประเทศญี่ปุ่นมีราคาแพง ทำให้แข่งขันกับประเทศอื่นๆได้ยาก
          นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ต้องพิจารณาสำหรับยอดขายรถยนต์ที่จะต้องลดลง ภายหลังมาตรการช่วยเหลือด้วยเงินส่วนลดจากรัฐบาลสำหรับ
ประชาชนที่ต้องการเปลี่ยนรถยนต์เก่าอายุตั้งแต่ 13 ปี และผู้ซื้อรถ Eco-Car ที่จะสิ้นสุดในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งในเรื่องดังกล่าวประธานสมาคมฯ
กล่าวว่าผู้ผลิตฯทุกรายไม่คิดที่จะขอให้รัฐบาลขยายมาตรการการให้ความช่วยเหลือนี้ต่อไปแต่อย่างไร ผู้ผลิตฯทุกบริษัทได้เตรียมพร้อมรับมือกับยอดขาย
ที่ต้องลดลงหลังเดือนกันยายนนี้แล้ว โดยการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายไว้รองรับแล้ว

3. ความเคลื่อนไหวของผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นในประเทศไทย
          บริษัทนิสสัน มอเตอร์ เริ่มการส่งออกรถยนต์นิสสัน มาร์ช ซึ่งเป็นรถยนต์อีโคคาร์คันแรกของประเทศไทย ไปยังตลาดประเทศญี่ปุ่นเป็น
ครั้งแรก และจะเริ่มทยอยส่งออกไปยังตลาดหลักอื่น ๆ ในทวีปเอเชียและโอเชียเนีย โดยนิสสันได้ใช้เวลาถึง 2 ปีในการพัฒนาบุคลากรและระบบ
การผลิตฯในประเทศไทยให้มีความสามารถผลิตรถยนต์ที่มีมาตรฐานเท่ากับรถยนต์ที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่น มร. คาร์ลอส กอส์น
          ประธานเจ้าหน้าที่บริหารนิสสัน มอเตอร์ จำกัด ได้แสดงความชื่นชมและเผยว่า ช่วงเวลานี้นับเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับพนักงานนิสสัน
ประเทศไทยที่ได้ทำงานอย่างหนักมาเป็นเวลากว่า 37 ปี ปัจจุบันนิสสันมอเตอร์ ประเทศไทยได้กลายเป็นฐานผลิตที่จำเป็นอย่าง ยิ่งของภูมิภาคเอเชียน
โดยในปีงบประมาณ 2552 ที่ผ่านมา นิสสันมียอดขายจำนวน 34,589 คัน ส่วนแบ่งทางการตลาดที่ร้อยละ 5.7 และเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำ
ในประเทศไทยที่เป็นฐานการส่งออกสำคัญของนิสสันในภูมิภาค การส่งออกรถยนต์มาร์ชกลับไปประเทศญี่ปุ่นเป็นการยกระดับและถือเป็นก้าวกระโดดที่
สำคัญในการแสดงถึงศักยภาพในการผลิตของนิสสัน ประเทศไทย
          ในปีงบประมาณ 2553 นี้ บริษัทนิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) วางแผนที่จะส่งออกนิสสัน มาร์ช จำนวนกว่า 70,000 คันไปยังตลาด
เอเชียและโอเชียเนีย (ไม่รวมประเทศจีน) ขณะเดียวกันก็ผลิตเพื่อป้อนสู่ตลาดในประเทศที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยนิสสันมีแผนที่จะส่งออกรถยนต์
และรถกระบะจากประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 150,000 คันภายในปีงบประมาณนี้
          แต่เดิม นิสสันได้มีแผนที่จะส่งออก นิสสัน ทีด้า จากประเทศไทยไปยังญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2008 แต่ทว่าการผลิตรถยนต์จากประเทศไทยยังไม่ได้
คุณภาพเท่าเทียมกับ นิสสัน ทีด้าซึ่งผลิตที่โรงงานจากจังหวัดคานากาว่า ประเทศญี่ปุ่น นิสสันจึงเริ่มต้นโครงการใหม่ด้วยการร่วมเขียนคู่มือการผลิตรถยนต์
เป็นภาษาไทยกับคณะช่างจากประเทศไทย เมื่อสิ้นสุดงานปรากฎว่า คณะทำงานจากนิสสันได้คู่มือการผลิตรถยนต์ฉบับแรกที่เขียนขึ้นจากช่างผู้ชำนาญการ
ของทั้ง 2 ประเทศที่มีรายละเอียดหลายพันหน้า(แต่เดิมคู่มือการผลิตนี้ใช้การแปลจากภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาไทย) ซึ่งทำให้นิสสันมีความมั่นใจในการผลิต
รถยนต์จากประเทศไทยและส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นมากขึ้นนอกจากนี้นิสสันที่ประเทศไทยยังใช้ระบบ Nen-Iri หรือ Double-Check คือการตรวจ
สอบคุณภาพถึง 2 ครั้งที่ประเทศไทยก่อนส่งรถยนต์ลงเรือมายังประเทศญี่ปุ่น และมีการตรวจสอบครั้งสุดท้ายที่โรงงานนิสสัน โอปามะอีกครั้งก่อนกระจาย
รถยนต์ไปยังจุดจำหน่ายต่างๆ เพื่อความมั่นใจว่าคุณภาพรถยนต์นิสสันมาร์ชไม่ว่าจะผลิตที่ประเทศไหนก็มีคุณภาพเหมือนกัน
          ท้ายสุดคงต้องเป็นการตัดสินใจของผู้บริโภคในประเทศญี่ปุ่นว่าจะให้ความมั่นใจในการเลือกสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยหรือไม่
          นอกจากนั้นยังมีรายงานเพิ่มเติมว่ามิตซูบิชิ มอเตอร์ จะลงทุนในการสร้างโรงงานประกอบรถยนต์นั่งขนาดเล็กในประเทศไทย ซึ่งจะมี
กำลังการผลิตถึง 2 แสนคันต่อปี คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จราวปลายปี 2554 โดยโรงงานแห่งนี้จะใช้เงินลงทุนถึง สี่หมื่นห้าพันล้านเยน

4. ความเคลื่อนไหวของผู้ผลิตยางรถยนต์ญี่ปุ่นในประเทศไทย
          โยโกฮาม่า รับเบอร์ ผู้ผลิตยางรถยนต์รายสำคัญของญี่ปุ่น เผยว่าบริษัทมีแผนจะขยายการผลิตในประเทศไทยเพื่อรองรับการการขยาย
ตัวของตลาดรถยนต์โดยสารและรถบรรทุกขนาดเล็ก โดยจะลงทุนราว 9.7 พันล้านเยนที่โรงงานในจังหวัดระยอง เพื่อเพิ่มความสามารถในการผลิต
ให้ถึง 4 ล้านเส้นต่อปี ภายในปี 2555 บริษัทมีแผนที่จะเริ่มการขยายโรงงานในเดือนเมษายน 2554 ยางรถยนต์ที่ผลิตจะขายในประเทศไทย ประเทศ
ในทวีปเอเชีย อเมริกา และยุโรป


          สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นคร โอซากา

          ที่มา: http://www.depthai.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ