1. สับปะรด
2. พีช
3. เชอรี่
4. ส้ม Mandarine
5. แอปปริคอต
6. แพร์
7. สตรอเบอรี่
8. พรุน
9. ผลไม้รวม
จากการที่ผลไม้กระป๋องและแปรรูปสามารถเก็บรักษาได้นานไม่น้อยกว่า 2 ปี จึงไม่มีความเร่งรีบในการขนส่ง สำหรับการขนส่งภายในประเทศหรือระหว่าง ประเทศอื่นๆ ในยุโรป ส่วนใหญ่นิยมใช้โดยรถบรรทุกสำหรับตู้คอนเทนเนอร์ โดยเฉพาะขนาด 20 และ 40 ฟุต หรือรถตู้ขนาดเล็ก (ประมาณ 3.5 — 7.5 ตัน) นอกจากนี้จะใช้รถไฟ และขนส่งทางน้ำสินค้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศจะขนส่งโดยเรือเดินสมุทร เรือคอนเทนเนอร์ โดยใช้ท่าเรือสำคัญๆ ตามลำดับ ดังนี้
1. เมืองรอตเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์
2. เมืองแอนต์เวิร์ป เบลเยี่ยม
3. ฮัมบูร์ก เบรเมนและเบรเมอร์ฮาเฟ่น ในเยอรมนีสินค้าจากท่าเรือจะทำการขนส่งต่อโดยรถบรรทุกไปยังจุดหมายปลายทางของสินค้าล็อตนั้นๆ นอกจากนี้ยังมีการขนถ่ายลงเรือบรรทุกสินค้าขนาดเล็กเพื่อล่องไปตามแม่น้ำสายสำคัญๆ ได้แก่ เอลเบ้อ, เวเซ่อร์, ไรน์, ไมน์ และดานู้บ เป็นต้น เพื่อส่งสินค้าต่อไปยังเ มืองในประเทศเยอรมนีและประเทศอื่นๆ ในยุโรปกลางต่อไป และประเทศอื่นๆ ในยุโรปกลางต่อไป
- เอเย่นต์นำเข้าสินค้าโดยเฉพาะ
- ผู้ค้าปลีก/ค้าส่งสินค้าอาหาร
- กิจการ Catering โรงอาหารขนาดใหญ่
- เอเย่นต์ จะมีโกดังเก็บสินค้า ณ ท่าเรือที่นำเข้าสินค้า หรือ โกดังเก็บสินค้าของตนเองในเมืองที่ตั้งสำนักงาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเมืองที่มีท่าเรือเดินสมุทร หรือเมืองที่อยู่ใกล้เคียง เมื่อได้รับออร์เดอร์สั่งซื้อก็จะใช้รถบรรทุกขนาดที่เหมาะสมทำการขนส่งสินค้าไปให้ลูกค้าต่อไป
- ผู้ค้าปลีก/ค้าส่ง จะเป็นกิจการขนาดใหญ่มีสาขา ร้านค้าของตนเองในรูปแบบต่างๆ เช่น Hyper, Supermarket, Discounter และร้านซื้อสะดวก เป็นจำนวนมาก ตั้งอยู่ตามเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ นอกจากนี้บางกิจการยังมีร้านสาขาในต่างประเทศด้วย ผู้ประกอบการประเภทนี้จะมีโกดัง คลังเก็บสินค้าของตนเองเป็นศูนย์กระจายในการสินค้าณ จุดสำคัญๆ กระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยมีเนื้อที่ของโกดังไม่น้อยกว่า 10,000 ตารางเมตร
- ผู้ประกอบการด้านโกดัง/คลังสินค้านอกจากจะให้บริการด้านการเก็บรักษาสินค้าแล้ว จะมีบริการด้านพิธีการศุลกากร เคลียร์สินค้า ณ ด่านที่นำเข้าสินค้า ตลอดจนการขนส่งสินค้าไปยังผู้รับอีกด้วย
ในเยอรมนีมีการบริโภคผลไม้กระป๋องโดยเฉลี่ยคนละ 7 กิโลกรัมต่อปี
จากการที่มีกฏระเบียบโดยเฉพาะเกี่ยวกับภาชนะที่ใช้บรรจุสินค้า อาจกล่าวได้ว่า รูปแบบของสินค้าไม่มีความแตกต่างกันเท่าใดขนาดบรรจุจะเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกฏระเบียบดังกล่าว
1. เพื่อการใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมแปรเป็นสินค้าสำเร็จรูปเพื่อการจำหน่ายปลีกต่อไป ส่วนใหญ่จะเป็นกระป๋องขนาดบรรจุ 3 — 5 กิโลกรัม
2. สำหรับการขายปลีกโดยตรง โดยทั่วไปจะบรรจุในกระป๋อง น้ำหนักประมาณ 200, 300, 400 และ 800 กรัม เป็นต้น นอกจากนี้จะมีการใช้ขวดแก้วบรรจุสินค้าเพื่อการจำหน่ายปลีกเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันมีส่วนตลาดน้อยประมาณร้อยละ 35
3. สำหรับผลไม้แปรรูปแบบอื่นๆ ผลไม้แห้ง การจำหน่ายปลีก จะบรรจุในถุงพลาสติกใส ขนาดบรรจุระหว่าง 50 — 500 กรัม
เกี่ยวกับฉลากที่ใช้กำกับภาชนะ กำหนดให้มีการระบุ แจ้งรายละเอียด ดังนี้
- ชื่อสินค้าและประเภท (พันธุ์ไม้)
- วันหมดอายุ หรือควรบริโภคก่อน/ภายใน
- วิธีการเก็บรักษา
- รายละเอียดของส่วนประกอบเรียงตามสัดส่วนเป็นร้อยละจากมากไปน้อย
- น้ำหนักสุทธิ
- วิธีการบริโภค
- ชื่อที่อยู่ ผู้ส่งออก / ผู้นำเข้า / Packer
- โค้ดสินค้า
- แหล่งที่มาของสินค้า เป็นต้น
- เนื่องจากผลไม้เป็นสินค้าที่มีการแข่งขันสูงในตลาด จำนวนผู้ผลิตมีจำกัด ในขณะที่มีผู้นำเข้า/ ผู้ค้ารายใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ในการ Branding จะมีการตั้งชื่อสินค้าของตนเองโดยเฉพาะ เพื่อให้โดดเด่น เห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ส่งออกรายเดียวที่จำหน่ายสินค้าให้กับผู้นำเข้าหลายๆ ราย ในการทำตราสินค้าจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่จำเป็นในการทำตลาดนอกจากนี้ยังจะเป็นการรับประกันด้านคุณภาพอีกด้วย และเพื่อให้ลูกค้าได้รับทราบ การเผยแพร่ ทำการโฆษณาสินค้า ให้เป็นที่รู้จักจะใช้วิธีการเข้าร่วมในงานแสดงสินค้า การจัดทำโบรชัวร์แจกจ่าย การทำโปรโมชั่นสินค้าตามห้างฯ ร้านค้าประเภทต่างๆ ตลอดจน
- สินค้าผลไม้กระป๋องของไทย ที่เยอรมันนำเข้ามากที่สุด จะเป็นสับปะรดกระป๋อง น้ำสับปะรด และผลไม้รวมกระป๋อง โดยสินค้าดังกล่าวที่จำหน่ายในตลาด Mainstreams ของเยอรมัน จะไม่มีสินค้าที่ใช้ตราผลิตภัณฑ์ของไทยเลย แม้แต่ประเทศที่ผลิต บางครั้งก็จะไม่ได้แสดงไว้ จะระบุแต่ชื่อผู้นำเข้าเท่านั้น โดยผู้นำเข้า/ห้างค้าปลีก จะใช้ชื่อตราผลิตภัณฑ์ของตนเอง ซึ่งปัจจุบัน จะมี privatelabel ของห้างค้าปลีกต่างๆ เช่น Rewe, Edeka, และตราสินค้าราคาถูก เช่น Ja!
- ผลไม้กระป๋องของไทย ที่วางจำหน่ายโดยใช้แบรนด์ไทย จะมีอยู่ตามร้านขายสินค้าเอเซีย ส่วนที่วางจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตของเยอรมันระดับ
กลาง-บน จะมีบ้าง ได้แก่ ลิ้นจี่กระป๋อง ซึ่งมีคู่แข่งที่สำคัญคือจีน และมะม่วงกระป๋อง
โอกาสทางการตลาดของสินค้าผลไม้เมืองร้อน (ทั้งสดและแปรรูป) ยังมีโอกาสที่จะขยายตัวได้เพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม ที่ยังคงมีการบริโภคผลไม้และผักต่อหัวต่อวันต่ำกว่าระดับมาตรฐานด้านสุขอนามัยที่ผู้บริโภคควรจะได้รับอย่างเช่น ในตลาดเยอรมนี ซึ่งกิจกรรมส่งเสริมการตลาดสินค้าผลไม้เมืองร้อน (ทั้งสดและแปรรูป) ในตลาดเยอรมนี นั้น ที่สำคัญยังคงต้องเน้นกลยุทธ์หลักๆ ดังต่อไปนี้
1) การจัดกิจกรรมให้ชิมรสชาติ และสาธิตวิธีการรับประทานผลไม้เมืองร้อนประเภทต่างๆ ร่วมกับห้างค้าปลีก (retail outlets) ต่างๆ เนื่องจากเหตุผลที่ว่า ผู้บริโภคชาวเยอรมัน มักจะไม่ตัดสินใจซื้อสินค้าอาหาร ที่มีรสชาติแปลกไปจากที่ตนเองเคยรับประทาน หรือมักจะไม่ตัดสินใจซื้อผลไม้ที่ตนไม่เคยรับประทาน และหากตัดสินใจทดลองซื้อหามารับประทาน แต่ไม่ทราบวิธีการรับประทานที่ถูกต้อง เช่น อาจรับประทานส่วนของเมล็ดหรือเนื้อในของเปลือกผลไม้เมืองร้อนบางชนิด ซึ่งมีรสขม/ฝาด อาจจะมีผลทำให้ผู้บริโภครายนั้น ไม่ซื้อผลไม้ดังกล่าวมารับประทานอีกต่อไป
2) การประชาสัมพันธ์ในเรื่องของคุณประโยชน์จากสารอาหารจากผลไม้เมืองร้อนที่เป็นผลดีต่อสุขภาพ และการประชาสัมพันธ์ที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ หรือเจาะจงถึงโอกาสในการรับประทาน เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่จะสามารถช่วยเพิ่มความต้องการบริโภคผลไม้เมืองร้อน (ทั้งสด และแปรรูป)ในตลาดเยอรมีได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่น การเน้นประชาสัมพันธ์ด้านคุณประโยชน์จากเอนไซม์ของสับปะรด ที่มีคุณสมบัติในการช่วยระบบย่อยอาหาร หรือการดื่มน้ำผลไม้เมืองร้อน เช่น น้ำมะม่วง น้ำสับปะรด หรือน้ำมะละกอ สามารถบริโภคเป็นอาหารประกอบกันกับอาหารในมื้อเร่งด่วนระหว่างวันได้ (breakfast fruit, office lunches หรือ rushed/on-the-go meals)
นอกจากนี้ กลุ่มประเทศ EU ในปัจจุบัน มีนโยบายรณรงค์ให้กลุ่มผู้บริโภค เด็ก และวัยรุ่น บริโภคผักและผลไม้ให้ได้เพิ่มมากขึ้น(เริ่มมาตั้งแต่ปี 2552) โดยมีการรณรงค์ทั้งจากภาครัฐและเอกชน ในการส่งเสริมการบริโภคผลไม้และผัก และส่งเสริมให้เด็กมีความภาคภูมิใจในการเป็นนักทานอาหารเพื่อสุขภาพ (healthy eaters) โดยมีโครงการพิเศษทั้งในโรงเรียนและการให้ความรู้เกี่ยวกับการบริโภคผลไม้ในรายการโทรทัศน์สำหรับเด็ก ดังนั้น การจัดกิจกรรมส่งเสริมการบริโภคผลไม้เมืองร้อน ในกลุ่มเด็กนักเรียน ตามโรงเรียนต่างๆ เช่น การจัดกิจกรรมร่วมกับโรงเรียนให้เด็กนักเรียนได้ทดลองรับประทานและเผยแพร่ความรู้เรื่องคุณประโยชน์ของผลไม้ดังกล่าว จะมีส่วนช่วยเพิ่มยอดการบริโภคผลไม้เมืองร้อนของแต่ละครัวเรือนในตลาดเยอรมนี ได้ นอกจากนี้กลยุทธ์ด้านการทำ packaging ของผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูป และผลไม้สด ที่เป็นในลักษณะ “child-friendly packaging” จะมีผลในการดึงดูดความต้องการบริโภคผลไม้ของกลุ่มเด็กๆ และผู้ปกครองได้เช่นเดียวกัน
- สคร.เบอร์ลินได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าผลไม้และผักสด ร่วมกับผู้นำเข้า และห้าง Karstadt Feinkost GmbH &Co.KG — Perfetto จำนวน 50 สาขา ซึ่งเป็นตลาดระดับบนโดยมีรูปแบบของกิจกรรมเป็นการสาธิตและแนะนำให้ผู้บริโภคชาวเยอรมันทดลองรับประทานผลไม้ไทย แจกแผ่นพับที่มีข้อมูลของผลไม้ไทยชนิดต่างๆที่ห้างนำเข้ามาจำหน่าย
- สคร.เบอร์ลินได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าอาหารไทย ซึ่งรวมถึงผลไม้กระป๋อง และผลไม้สด ร่วมกับผู้นำเข้าและ Superstore, Hypermarket, Department Store ในเยอรมนี ได้แก่ Real Hypermarket (40 สาขา), Toom Markt (50 สาขา), Superstores (20 สาขา) , ห้าง Kaufhof (27 สาขา) และห้าง Kadewe
- สคร. เบอร์ลิน ปรับปรุงและจัดพิมพ์แผ่นพับประชาสัมพันธ์ผลไม้สดของไทย เป็นภาษาเยอรมันเพื่อเผยแพร่วิธีการรับประทานและคุณค่าทางโภชนาการโดยได้เพิ่มประเภทผลไม้ขนุน ซึ่งเริ่มเป็นที่รู้จักและนิยมในตลาดเยอรมันมากขึ้น
- สคร.แฟรงก์เฟิร์ต จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าอาหารและผักสดผลไม้ร่วมกับห้าง Metro Cash & Carry 60 สาขาโดยเน้นการแจกชิมและเผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับผลไม้ไทย
- สคร.แฟรงก์เฟิร์ต และ สคร.เบอร์ลินจัดส่งแผ่นพับประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยฉบับภาษาเยอรมันให้แก่ผู้นำเข้าและร้านค้าปลีกจำนวนมากเพื่อใช้เครือข่ายดังกล่าวในการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลไม้ไทยและกระตุ้นการขายให้มากขึ้น
- สคร.แฟรงก์เฟิร์ต ประชุมร่วมกับผู้นำเข้าผลไม้เพื่อร่วมมือจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านเครือข่ายของผู้นำเข้าและห้างค้าส่งหลักของเยอรมนี โดยมีวัตถุประสงค์ในการประชาสัมพันธ์สินค้าผลไม้ไทยให้ครอบคลุมพื้นที่และกลุ่มลูกค้าหลากหลายมากยิ่งขึ้น
- สคร.แฟรงก์เฟิร์ตจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยในงานเทศกาลไทยต่างๆ โดยมีการแจกชิมผลไม้ไทย แจกแผ่นพับประชาสัมพันธ์ พร้อมทั้งอธิบายวิธีรับประทาน/สรรพคุณต่างๆ ของผลไม้ไทยปี งปม. 2554 สคร.เบอร์ลิน และแฟรงก์เฟิร์ต จะดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่องจากปี งปม. 2553 เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดและขยายสัดส่วนให้สูงขึ้น และเพิ่มกิจกรรมตามแนวทางใหม่ที่กล่าวข้างต้น
ที่มา: http://www.depthai.go.th