ตลาดกัมพูชาประกอบด้วยประชากรประมาณ 14 ล้านคน ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยในปี 2552 ประมาณ 778 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อคนต่อปี และในปี 2553 คาดว่าประชากรจะมีรายได้เพิ่มร้อยละ 8.2 เป็น 842 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อคนต่อปี
ผลผลิตมวลรวมของประเทศประกอบด้วย ภาคเกษตรกรรม ร้อยละ 27 ภาคอุตสาหกรรม ร้อยละ 28.6 ภาคบริการ ร้อยละ 38.5 และภาษีจากสินค้า ร้อยละ 5.9
GDP ของประเทศประมาณ 7.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีอัตราการเติบโตในระยะ 5 ปี ร้อยละ 10.3 ขณะที่ในปี 2552 ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2551 ทำให้อัตราการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ -2.75 แต่ก็คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเป็นบวกในปี 2553 ที่ร้อยละ 6.3
อัตราเงินเฟ้อ เพิ่มจากร้อยละ 10.8 ในปี 2550 เป็นร้อยละ 13.5 ในปี 2551 โดยสินค้าที่มีราคาสูงขึ้นได้แก่ อาหาร อาคารบ้านเรือน และการรักษาพยาบาล ซึ่งทุกสิ่งเริ่มจากราคาน้ำมันของตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดในทุกภาคส่วนนั่นเอง
การลงทุน กัมพูชาอาศัยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ โดยการให้สิทธิประโยชน์ในทุกด้าน ทำให้มีการหลั่งไหลของการลงทุนหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยมีนักลงทุนรายใหญ่คือ จีน รองลงมา ได้แก่ เกาหลีใต้ มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน ไทย รัสเซีย และสิงคโปร์
ประเภทของการลงทุน ได้แก่ การลงทุนเพื่อใช้ทรัพยากรของประเทศ เช่น ด้านการเกษตร เหมืองแร่ และอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงาน โดยด้านการบริการ ได้แก่ การก่อสร้าง และโทรคมนาคม ส่วนการท่องเที่ยว ได้แก่ โรงแรม และธุรกิจที่ต่อเนื่อง
การค้ากับต่างประเทศ กัมพูชานำเข้ามากกว่าการส่งออกมาโดยตลอด ซึ่งมีมูลค่าการนำเข้ารวมปีละ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยสินค้าที่นำเข้า ได้แก่ ผ้าผืน เครื่องจักรกล น้ำมันเชื้อเพลิง และวัสดุก่อสร้าง แหล่งนำเข้า ได้แก่ ฮ่องกง จีน ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม
การส่งออกมูลค่าปีละประมาณ 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเป็นการส่งออกสินค้าเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า มากกว่าร้อยละ 70 ของมูลค่าการส่งออกรวม ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง จีน สหภาพยุโรป แคนาดา และเวียดนาม
การท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2552 จำนวน 2.16 ล้านคน เพิ่มจากปี 2551 ซึ่งมีจำนวน 2.12 ล้านคน ร้อยละ 1.7 โดยจำนวนวันที่พักอาศัยลดลงจากปี 2551 จำนวน 6.65 วัน เหลือ 6.45 วัน ในปี 2552 ทำให้จำนวนห้องพักของโรงแรมว่างเพิ่มจากร้อยละ 62.68 ในปี 2551 เป็นร้อยละ 63.57 ในปี 2552 ทำให้พนักงานโรงแรมและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องต้องถูกบังคับให้พักงานชั่วคราว และบางส่วนถูกปลดจากงานโดยปริยาย รายได้ของภาคการท่องเที่ยวโดยรวมลดลงจาก 1.595 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เหลือ 1.561 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2552 อย่างไรก็ตาม ในปี 2553 นี้ รัฐบาลกัมพูชาคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะกลับมาเพิ่มจากปี 2552 ร้อยละ 10
นักท่องเที่ยวที่ลดจำนวนลงอย่างมาก ได้แก่ ไทย เพราะปัญหาความสัมพันธ์ทางการเมือง ขณะที่นักท่องเที่ยวจากแดนไกล เช่น สหรัฐอเมริกา และยุโรปลดลงเพราะหันไปเที่ยวประเทศในส่วนอื่นของโลกที่มีความสงบมากกว่า ส่วนเวียดนามเป็นนักท่องเที่ยวที่นิยมมากัมพูชามากที่สุด จำนวนเพิ่มถึงปีละ 40% เพราะการเดินทางสะดวกทั้งทางบกและทางน้ำ แทนนักท่องเที่ยวเกาหลีซึ่งเคยเข้ามาเที่ยวมากที่สุด รองลงมา คือ จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส ไต้หวัน และออสเตรเลีย เป็นต้น
หากวิเคระห์ถึงการบริโภคสินค้าของประชาชนทั้งคนภายในประเทศ และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาแล้ว ประเทศที่น่าจะมีศักยภาพในการส่งสินค้าเข้ามากัมพูชาง่าย และสะดวก รวดเร็ว ก็จะมีเพียงไทยและเวียดนามเท่านั้น เพราะมีอาณาเขตที่ติดต่อกับกัมพูชาในลักษณะประกบซ้าย-ขวา โดยมีกัมพูชาอยู่ตรงกลาง หากคำถามต่อไปว่าแล้ว 2 ประเทศนี้ทำอะไรบ้างในกัมพูชา ก็ลองมาดูสถิติเปรียบเทียบด้านการค้า การลงทุน และการทำธุรกิจในกัมพูชาดังต่อไปนี้
1. ด้านการค้า กัมพูชาทำการค้ากับประเทศต่างๆทั่วโลกกว่า 34 ประเทศ จากสถิติการค้าของกรมศุลกากรกัมพูชา ในปี 2552 พบว่ามีการค้ากับสหรัฐอเมริกามากที่สุดมูลค่าการค้ารวม 1,670.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แยกเป็นการนำเข้า 109.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และส่งออก1,561.0 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีเวียดนามเป็นประเทศที่กัมพูชานำเข้ามากที่สุด มูลค่าการค้ารวม 892.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แยกเป็นการนำเข้า 794.5ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และส่งออก 97.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รองลงมาคือจีน มีมูลค่าการค้ารวม 737.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แยกเป็นการนำเข้า 728.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และส่งออก 9.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนๆไทย อยู่ในลำดับที่ 4 มีมูลค่าการค้ารวม 492.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แยกเป็นการนำเข้า 477.2ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และส่งออก 15.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นต้น
สถิติการค้าของกัมพูชา ปี 2551 และ 2552 (ม.ค.-ธ.ค.)
(เรียงตามลำดับมูลค่าการนำเข้า)
หน่วย : ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ที่ ประเทศ ปี 2551 ปี 2552 ส่งออก นำเข้า รวม ส่งออก นำเข้า รวม 1 Vietnam 84.5 988.3 1,072.8 97.8 794.5 892.3 2 China 9.8 784.3 794.1 9.2 728.3 737.5 3 Hong Kong 8.9 581.2 590.1 8.7 497.2 505.9 4 Thailand 13.9 674.4 688.4 15.6 477.2 492.8 5 Taiwan 5.4 336.8 342.3 5.1 297.3 302.4 6 Korea 10.2 224.7 235.0 8.0 200.0 208.0 7 Singapore 9.2 204.8 214.1 8.3 148.3 156.6 8 USA 2,040.5 135.9 2,176.5 1,561.0 109.8 1,670.8 9 Malaysia 6.1 113.0 119.2 6.8 98.6 105.4 10 Indonesia 5.9 80.7 86.6 5.3 72.7 78.0 11 Japan 31.9 69.6 101.6 45.3 50.6 95.9 12 India 4.6 41.4 46.1 3.7 34.0 37.7 13 France 38.6 36.6 75.3 45.3 31.1 76.4 14 Pakistan 0.1 18.8 18.9 0.5 20.2 20.7 15 Australia 10.6 16.8 27.4 11.2 14.8 26.0 16 Germany 152.8 16.3 169.1 113.6 14.4 128.0 17 Russia 11.5 9.7 21.3 9.7 7.8 17.5 18 Philippines 1.1 6.1 7.3 1.6 7.6 9.2 19 Belgium 51.3 12.9 64.2 30.4 6.1 36.5 20 Switzerland 13.4 9.9 23.3 0.9 5.6 6.5 21 Italy 29.9 6.3 36.3 28.1 4.5 32.6 22 Luxembourg 10.1 6.9 16.9 9.1 3.4 12.5 23 UK 158.3 3.8 162.2 164.9 3.1 168.0 24 Ireland 16.7 3.4 20.2 16.1 2.7 18.8 25 Netherland 150.1 3.7 153.8 109.8 2.6 112.4 26 Denmark 8.9 2.9 11.9 5.8 2.2 8.0 27 U.A.E - - - 3.5 2.1 5.6 28 Canada 212.0 2.1 214.2 191.0 2.0 193.0 29 Spain 126.1 1.8 128.0 85.0 1.7 86.7 30 Sweden 17.4 4.1 21.5 17.3 1.6 18.9 31 New Zealand 2.2 0.9 3.2 1.8 0.7 2.5 32 Others 75.5 22.1 95.8 124.6 27.3 151.9 รวม 3,356.20 4,421.70 7,777.90 2,745.0 3,670.0 6,415.0 ที่มา : กรม CAMCONTROL , กระทรวงพาณิชย์กัมพูชา ส่วนแบ่งตลาดสินค้าคิดตามมูลค่าการนำเข้าในปี 2552 ปรากฎว่า เวียดนาม มีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 21 รองลงมาคือจีน ร้อยละ 19 ฮ่องกง ร้อยละ 13 โดยไทยมีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ12 เป็นที่น่าสังเกตว่าส่วนแบ่งการตลาดสินค้าไทยในปี 2552 ลดลงจากปี 2551 ถึงร้อยละ 2 ขณะที่เวียดนามลดลงเพียงเล็กน้อย ส่วนจีน ฮ่องกง และ เกาหลี กลับเพิ่มขึ้น สาเหตุที่สินค้าไทยเสียส่วนแบ่งในตลาดกัมพูชา เป็นผลมาจากปัญหาการเมืองภายในของไทยเอง รวมถึงความสัมพันธ์ที่เปราะบางกับกัมพูชาและการแข็งค่าของเงินบาท ส่วนแบ่งตลาดของสินค้าในกัมพูชา ตามมูลค่าการนำเข้า หน่วย : ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประเทศ ปี 2551 ส่วนแบ่งตลาด ปี 2552 ส่วนแบ่งตลาด + เพิ่ม — ลด (มค.-ธ.ค) (ร้อยละ) (มค.-ธ.ค) (ร้อยละ) (ร้อยละ) 1. Vietnam 988.3 22.73 794.5 21.45 -1.28 2. China 784.3 18.03 728.3 19.66 1.63 3. Hong Kong 581.2 13.36 497.2 13.42 0.12 4. Thailand 674.4 15.51 477.2 12.88 -2.63 5. Taiwan 336.8 7.74 297.3 8.02 0.28 6. Korea 224.7 5.16 200.0 5.40 0.24 7. Singapore 204.8 4.70 148.3 4.00 -0.70 8. USA 135.9 3.12 109.8 2.96 -0.16 9. Malaysia 113.0 2.59 98.6 2.66 0.07 10. Indonesia 80.7 1.85 72.7 1.96 0.11 อื่น ๆ 297.6 5.84 7.59 1.75 รวม 4,421.7 100.00 3,670.0 100.00 - ที่มา : กรมศุลกากร ประเทศกัมพูชา การลงทุนของเวียดนามในกัมพูชา ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาอ่อนแอลง เวียดนามได้รุกเข้ามาลงทุนในกัมพูชาในทุกด้านอย่างไม่เคยมีมาก่อน เริ่มตั้งแต่ การลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคมของกองทัพเวียดนาม ในนามบริษัท Metfone ซึ่งสามารถขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วภายใน 1 ปี จนได้รับรางวัล The Most Promising Ser ice Provider of the Year จากงาน Asian Pacific ICT 2553 ที่ Singapore เมื่อเดือนมิถุนายน 2553 การลงทุนด้านสายการบิน การลงทุนด้านธนาคาร มีธนาคารของเวียดนาม 3 ธนาคารได้มาเปิดให้บริการ เป็นลำดับที่เกือบล่าสุดคือ ขณะที่เวียดนามรุกในระยะเวลาที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ปรากฎว่ามีการลงทุนของไทยรายใหม่แต่อย่างใด (1) ธนาคารเวียดนามแห่งแรกจะเปิดที่กัมพูชาชื่อ Sacombank ที่ตั้ง ถนน นโรดม เป็นธนาคารใหญ่ลำดับที่ 6 ใน Ho Chi Minh City partly owned by ANZ Bank ยื่นใบขออนุญาตเมื่อ September 2008 (เปิดที่ จีน และลาว ประเทศละ 1 แห่ง) (2) ธนาคารที่ 2 ของเวียดนาม คือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและพัฒนาชนบท Bank for Agriculture and Rural Development (3) การขนส่งระหว่างสองประเทศทางด่าน Bavet กับ Mok Bay วันละ 150 คัน จัดทำ co-check point เพื่อลดเวลาเอกสารที่ด่าน (4) การเตรียมเปิดด่านเพิ่มอีก 3 แห่ง เพื่อส่งเสริมการค้า การท่องเที่ยว 1. Dak Dam ที่ จ. รัตนคีรี 2. Trapaing Srae ที่ จ. กระแจะ 3. Phnom Den ที่ จ. ตาแก้ว นักท่องเที่ยวเวียดนามเพิ่มในปี 2009 (4 เดือนแรก) = 34% โดยในเดือน 4 มีจำนวน 100,491 คน เดิมมี 4 ด่านที่เปิด คือ 1. Bavet ที่ จ. สวายเรียง 2. Prey Chak ที่ จ. กัมปอต 3. Trapaing Thlong ที่ จ. กัมปงจาม 4. O Yadav ที่ จ. รัตนคีรี ให้รถ bilateral agreement permit 150 vehicles to cross แต่ละวัน และเตรียมจะเพิ่มเป็น 500 คัน Cambodia & South Korea (Cambodia Daily, Saturday & Sunday 6-7, 2009) Lee Myung-bak - President of South Korea ให้เงินกู้กัมพูชาดอบเบี้ยต่ำ Soft Loan ดอบเบี้ย < 1% 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อปรับปรุงซ่อมแซมถนนและระบบกำจัดน้ำเสีย โครงการที่ ฮุน เซน เดินทางไปเกาหลี เมื่อ พฤษภาคม ก่อน (3 มิ.ย.) โอนให้โดย South Korea Export-Import Bank ถนนสาย 310 จาก No. 3 ........ Takeo Province ก่อนถึงชายแดนกัมปอต...... ให้ถนนสาย 33 บริษัทเกาหลี รับปากที่จะช่วยกัมพูชาในภาคเกษตรกรรม, Medicine, Education ที่มา: http://www.depthai.go.th