ตารางแสดงมูลค่าการค้าไทย-สเปน ครึ่งปีแรก 2553
มิ.ย. 2553 ม.ค.-มิ.ย. 2553 มูลค่า (Mil.US$) เพิ่ม/ลด (%) มูลค่า (Mil.US$) เพิ่ม/ลด (%) จากเดือนก่อน ช่วงเดียวกันปีก่อน ส่งออก 79.19 -4.87 416.79 +51.18 นำเข้า 36.93 -14.07 195.17 +32.64 การค้ารวม 116.12 -8.00 611.96 +44.73 ดุลการค้า +42.26 +4.97 +221.62 +72.40 ที่มา: ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร ในเดือนมิถุนายน 2553 ไทยกับสเปนมีมูลค่าการค้ารวม 151.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไทยเป็นฝ่ายส่งออกไปสเปน 107.64 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.94 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมาโดยมีหลายหมวดสินค้าหลักที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน ได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป (+176.98%) ยางพารา (+67.56%) กุ้งสดแช่เย็น/แช่แข็ง (+38.91%) เครื่องรับวิทยุ/โทรทัศน์และส่วนประกอบ (+40.05%) และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (+29.10%) โดยมีสินค้าเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบที่มีมูลค่าการส่งออกรวมสูงที่สุดเริ่มขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัว (+4.81%) ขณะท่ไทยนำเข้าจากสเปนรวม 43.42 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพิ่มขึ้น ร้อยละ 17.56 ทั้งนี้ ไทยได้ดุลการค้าในเดือนมิถุนายน 2553เพิ่มขึ้นอีก 51.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงครึ่งปีแรก 2553 ไทย-สเปน มียอดการค้ารวม 763.02 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 50.59 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยไทยมียอดส่งออกไปสเปนรวม 524.43 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 57.77 ขณะที่นำเข้าจากสเปน 238.59 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.91ทำให้ไทยได้ดุลการค้าจากสเปนสะสม จำนวน 285.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิมขึAนร้อยละ 80.76 ตารางแสดงโครงสร้างการส่งออกของไทยไปยังสเปน ช่วงครึ่งปีแรก 2553 หมวดสินค้า มูลค่า (Mil.US$) เพิ่ม/ลด (%)จากปีก่อน สัดส่วน (%) สินค้าเกษตรกรรม(กสิกรรม/ปศุสัตว์/ประมง) 105.9 +106.55 20.19 สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร 30.5 -7.46 5.81 สินค้าอุตสาหกรรม 388.1 +56.47 74.01 สินค้าแร่และเชื้อเพลิง 0 n/a 0 รวม 524.4 +57.77 100.0 ที่มา: ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร จากโครงสร้างการส่งออกของไทยไปยังสเปน หมวดสินค้าอุตสาหกรรมยังครองส่วนแบ่งสินค้าส่งออกในอัตราคงที่ กล่าวคือประมาณสามในสี่ อันประกอบด้วยสินค้าหลักๆ ได้แก่เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน เสื้อผ้าสำเร็จรูป รถยนต์/อุปกรณ์และส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยางรองลงมาได้แก่หมวดสินค้าเกษตรกรรมมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 20.19 ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 106 โดยมีสินค้ายางพาราและกุ้งสดแช่เย็น/แช่แข็งเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ ขณะที่การส่งออกข้าว กลับมีอัตราการขยายตัวลดลง และในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรมีสัดส่วนการส่งออกเหลือเพียงร้อยละ 5.81 ปรับตัวลดลงร้อยละอีก 7.46 โดยเฉพาะสินค้าอาหารทะเลกระป๋องทีขยายตัวลดลงร้อยละ 18.49 ตารางแสดงมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยมายังสเปน 10 อันดับแรก ช่วงครึ่งปีแรก 2553 ที่ สินค้า มูลค่า (Mil.USD) สัดส่วน (%) เปลี่ยนแปลง (%) 1 เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 89.2 17.01 +120.16 2 เสื้อผ้าสำเร็จรูป 69.2 13.19 +23.63 3 ยางพารา 63.3 12.08 +377.81 4 รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 34.4 6.56 +461.67 5 กุ้งสดแช่เย็น แช่แข็ง 27.9 5.31 +239.98 6 ผลิตภัณฑ์ยาง 20.7 3.96 +60.12 7 เครื่องรับวิทยุ/โทรทัศน์และส่วนประกอบ 18.2 3.47 +117.50 8 ผลไม้กระป๋องและแปรรูป 17.7 3.38 +34.92 9 เลนส์ 17.2 3.29 +25.87 10 เคมีภัณฑ์ 13.7 2.61 -20.27 ที่มา: ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร จะเห็นได้ว่าสินค้า 5 อันดับแรกมีสัดส่วนการส่งออกเกินกว่าร้อยละ 50 ของการ ส่งออกทัAงหมด จึงมีส่วนสำคัญมากต่อการขยายมูลค่าการส่งออกของไทยในภาพรวม ซึ่งบางตัวเป็นสินค้าที่ค่อนข้างมีความอ่อนไหวต่อสภาพเศรษฐกิจพอสมควร ได้แก่ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และรถยนต์/อุปกรณ์และส่วนประกอบ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคจะระงับการซื้อในลำดับต้นๆในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย ในช่วงเดียวกันไทยนำเข้าสินค้าจากสเปน เป็นมูลค่า 238.59 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาร้อยละ 36.91 โดยมีรายละเอียดการนำเข้าสินค้า 5 อันดับแรกที่มีมูลค่าสูงสุด ดังนี ตารางแสดงมูลค่าการนำเข้าสินค้าจากสเปน 5 อันดับแรก ช่วงครึ่งปีแรก 2553 สินค้า มูลค่า (Mil. USD) สัดส่วน (%) เปลี่ยนแปลง (%) เคมีภัณฑ์ 42.6 17.87 +71.34 เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 29.6 12.40 +47.66 ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม 23.4 9.83 +10.05 สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูป 15.8 6.63 +466.77 เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ 12.3 5.15 +111.12 ที่มา: ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร ประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของราชอาณาจักรสเปน ถึงแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยของโลกจะดำเนินมาอย่างต่อเนื่องนับจากช่วงปลายปี 2551 และตลอดปี 2552 ทำให้มูลค่าการส่งออกรวมของไทยไปยังสเปนมีมูลค่าลดลงถึงร้อยละ 40 จนมาถึงช่วงต้นปี 2553 ที่ภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มส่งสัญญาณการปรับตัวดีขึ้นแล้ว แต่กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรปกลับถูกภาวะวิกฤตหนี้ของกรีซซ้ำเติมจนมูลค่าเงินยูโรตกลงกว่าร้อยละ 20 ทำให้รัฐบาลของทุกประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรเช่นเดียวกันต้องรีบแก้ปัญหาโดยการออกมาตรการรัดเข็มขัดอย่าง ฉับพลันเพื่อลดตัวเลขขาดดุลการคลังลง และเป็นการป้องกันมิให้ปัญหาลุกลามบานปลายจนอาจทำให้เศรษฐกิจโลกซบเซาลงอีกครั้ง ทั้งนี้ มาตรการรัดเข็มขัดดังกล่าวของรัฐบาล ย่อมส่งผลกระทบด้านการค้า การลงทุน และการใช้จ่ายของผู้บริโภคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมไปถึงสภาวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังมีความอ่อนไหวและเปราะบาง อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลัง ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องคอยจับตา ได้แก่ 1) การระงับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น การให้เงินอุดหนุนแก่ผู้บริโภคที่ซื้อรถยนต์ใหม่ และการก่อสร้างต่างๆของภาครัฐ เป็นต้น 2) การใช้มาตรการรัดเข็มขัดอย่างเฉียบพลัน เช่น การตัดเงินเดือนของพนักงานของรัฐ และการระงับหรือปรับลดเงินสวัสดิการต่างๆ และ 3) การเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม แนวโน้มการส่งออกของไทย ในช่วงครึ่งปีแรก 2553 ปัญหาทางเศรษฐกิจที่รุมเร้าอย่างต่อเนื่อง แต่กลับมิได้ส่งผลกระทบกับการส่งออกของไทยอย่างที่คาด โดยสินค้าส่งออกของไทยยังคงสามารถขยายตัวได้อย่างมั่นคงตลอดช่วงครึ่งปีแรก 2553 จนถึงระดับร้อยละ 57.77 โดยมีสินค้าหลักของไทย ได้แก่ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เสื้อผ้าสำเร็จรูป ยางพารา รถยนต์/อุปกรณ์และส่วนประกอบ และกุ้งสดแช่เย็น/แช่แข็ง ต่างมีอัตราการขยายตัวที่น่าพอใจทั้งสิ้น รวมไปถึงหมวดสินค้าที่มีลักษณะฟุ่มเฟือยด้วย อย่างเช่น อัญมณีและเครื่องประดับ แต่จากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจที่กล่าวข้างต้น คาดว่าจะเริ่มมีผลกระทบกับการขยายตัวของสินค้าไทยในตลาดในช่วงครึ่งหลังของปีบ้าง กอปรกับสินค้าหลัก ได้แก่ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และรถยนต์/อุปกรณ์และส่วนประกอบ จะชะลอตัวลงเนื่องจากผ่านช่วงฤดูการขายไปแล้ว ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ตัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งมีส่วนทำให้ผู้บริโภครีบตัดสินใจซื้อสินค้าที่มีลักษณะคงทนและมีราคาสูงก่อนที่การขึ้นภาษีจะมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2553 นอกจากนั้น ยังอาจมีผลกระทบไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเนื่องได้เช่น ยางพารา และผลิตภัณฑ์ยางเป็นต้น ทั้งนี้ สินค้าที่คาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในช่วงครึ่งปีหลัง คือเสื้อผ้าสำเร็จรูป ในหมวดสินค้าอาหาร สินค้าส่งออกไทยทีมีมูลค่าสูงสุดคือ กุ้งสดแช่เย็น/แช่แข็ง ที่ได้รับอานิสงส์จากสินค้าของประเทศคู่แข่งมีโรคระบาดและมีผลผลิตลดต่ำลง ทำให้กุ้งของไทยสามารถขยายตลาดได้ในอัตราสูงอย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ ผลผลิตกุ้งของไทยที่มีไม่เพียงพอต่อความต้องการในตลาดโลกอาจเป็นอุปสรรคของการส่งออกได้ โดยสรุป ในปี 2553 คาดว่าสินค้าส่งออกของไทยไปยังสเปนจะมีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา และจะได้ดุลการค้ากว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มา: http://www.depthai.go.th