1. การส่งออกของญี่ปุ่นเดือนมิถุนายน 2553 มีมูลค่า 5.866 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 27.7 % โดยส่งออกไปเอเชีย 3.301 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 3.1.7 % ในจำนวนนี้ส่งออกไปจีน 1.101 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 22.0 % ขณะที่ส่งออกไปสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป มูลค่า 9.89 และ 6.38 แสนล้านเยน เพิ่มขึ้นในอัตรา 21.1 % และ 9.0 % ตามลำดับ
การนำเข้าเดือนมิถุนายนนี้มีมูลค่า 5.179 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 26.1 %
2. บริษัท Fast Retailing ผู้ประกอบการร้านจำหน่ายเสื้อผ้ายี่ห้อ Uniqlo ที่มีอัตราการเติบโตสูงของญี่ปุ่นจับมือดำเนินกลยุทธ์ร่วมกับ Toray Industries Inc. ผู้ผลิตเส้นใยสิ่งทอรายใหญ่ของญี่ปุ่นต่อไปอีกจนถึง ปี 2015 เพื่อขยายฐานการผลิตไปประเทศเอเชียอื่นๆ นอกประเทศจีน โดยขณะนี้กำลังพิจารณาขยายการผลิตในบังคลาเทศ
ผู้บริหารของบริษัท Fast Retailing ต้องการขยายให้สินค้า Uniqlo วางจำหน่ายทั่วโลก และเห็นว่าภูมิภาคเอเชียจะเติบโตต่อไป โดยไม่จำกัดอยู่ที่ญี่ปุ่น และจีน แต่รวมถึง เวียดนาม มาเลเซีย ไทย อินโดนีเซียกัมพูชา บังคลาเทศ และอินเดีย ด้วย
ทั้งนี้ บริษัท Fast Retailing มีแผนที่จะลดสัดส่วนการผลิตเสื้อผ้าลำลองยี่ห้อ Uniqlo ในประเทศจีนจากปัจจุบันประมาณ 90 % ให้เหลือประมาณ 2 ใน 3
3. ธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ของญี่ปุ่น ขยายการลงทุนดำเนินงานในภาคการเกษตรได้แก่ เครือ Seven & I Holding จัดตั้งบริษัทเพื่อทำฟาร์มทั่วประเทศ ในชั้นแรกได้ร่วมมือกับสหกรณ์การเกษตรในจังหวัดชิบะ โดยใช้อาหารเหลือทิ้งจากซุปเปอร์มาร์เก็ตในเครือมาทำเป็นปุ๋ยหมักใช้ในฟาร์มเพาะปลูกพืชผัก
อีกราย คือ บริษัท AEON Agri Co. ของเครือ AEON ก็ทำการปลูกผักชนิดต่างๆ ซึ่งจากระบบการเก็บผลผลิตและการจัดการขนส่งสินค้าของบริษัททำให้สามารถวางจำหน่าย ผักซึ่งสดกว่าที่ซื้อจากตลาดค้าส่งอย่างน้อย 1 วัน และลดต้นทุนการจัดการขนส่งลงได้ 20-30 %
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว
ที่มา: http://www.depthai.go.th