1.1 การผลิต: การผลิตรถยนต์ของสหรัฐฯ แยกเป็นสองส่วน คือ รถยนต์ที่ผลิตในประเทศสหรัฐฯ และ รถยนต์สหรัฐฯที่ผลิตและนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ของสหรัฐฯ ผลิตรถยนต์ออกจำหน่ายในช่วงมกราคม — มิถุนายน 2553 จำนวน 6,086,756 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 71.50 จากช่วงเดียวกันของปี 2552 โดยแยกเป็น รถยนต์ผลิตในสหรัฐฯ จำนวน 3,885,480 คัน หรือมีจำนวนการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 78.54 และ นำเข้าจากประเทศแคนาดาและเม็กซิโกจำนวน 2,201,276 คัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 78.54
การผลิตรถยนต์ มกราคม — มิถุนายน (คัน) อัตราการ 2553 2552 ขยายตัว (%) 1. รถยนต์ผลิตในสหรัฐฯ 3,885,480 2,315,897 67.80 2. รถยนต์สหรัฐฯนำเข้า* 2,201,276 1,232,914 78.54 รวมการผลิตรถยนต์ของสหรัฐฯ 6,086,756 3,548,811 71.50 * เป็นรถยนต์นำเข้าของผู้ผลิตสหรัฐฯ จากประเทศเม็กซิโกและแคนาดา นอกจากนั้นแล้ว การผลิตได้แยกตามประเภทของรถเป็น รถยนต์โดยสาร (Passenger Cars) จำนวน 2,613,478 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 61.60 รถบรรทุกขนาดเบา (Light Trucks) จำนวน 3,358,325 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 83.50 และรถบรรทุกใช้งานหนัก (Medium/Heavy Duty Truck) จำนวน 114,953 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.60 1.2 ผู้ผลิตรถยนต์: ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2553 (มกราคม-มิถุนายน) ผู้ผลิตกลุ่ม BIG 3 ของสหรัฐฯ (General Motor, Ford และ Chrysler) ก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดการผลิตรถยนต์อันดับที่หนึ่ง สอง และ สามตามลำดับ โดยบริษัท General Motor ยังคงเป็นผู้นำการผลิตรถยนต์ของสหรัฐฯ ครองตลาดร้อยละ 22.90 บริษัท Ford มีสัดส่วนตลาดลดลงเล็กน้อย แต่ยังคงรักษาอันดับที่ 2 ร้อยละ 19.07 บริษัท Chrysler ก้าวขึ้นมาอันดับที่ 3 มีสัดส่วนตลาดร้อยละ 13.04 และ ทำให้บริษัท Toyota ลดลงไปเป็นอันดับที่ 5 ซึ่งมีสัดส่วนตลาดลดลงเหลือร้อยละ 10.25 และ บริษัท Honda ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตอันดับที่ 4 แทน มีสัดส่วนตลาดร้อยละ 11.11 การผลิตรถยนต์แยกตามผู้ประกอบการ ผู้ผลิตรถยนต์ มค-มิย มค-มิย อัตราการ สัดส่วน สัดส่วน 2553 (คัน) 2552 (คัน) ขยายตัว ตลาด’53 ตลาด‘52 GM 1,398,314 719,965 94.2 22.90 21.77 Ford 1,176,583 765,551 53.7 19.07 20.70 Chrysler 806,997 329,064 145.2 13.04 10.95 Honda 652,846 456,934 42.9 10.7 12.9 Toyota 630,275 351,766 79.2 10.4 9.9 Nissan 496,678 298,910 66.2 8.2 8.4 Volkswagen 193,264 147,295 31.2 3.2 4.2 Hyundai 154,550 84,838 82.9 2.5 2.4 Subaru 117,452 69,346 69.4 1.9 2.0 Other 459,797 325,142 41.41 7.55 9.16 Total 6,086,756 3,548,811 71.50 100.0 100.0
2.1 ยอดจำหน่ายรถในสหรัฐฯ : ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2553 (มกราคม-มิถุนายน) เป็นจำนวน 5,614,023 คัน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2552 ร้อยละ 16.73 บริษัท General Motor จำหน่ายรถเป็นจำนวน 1,398,314 คัน มีสัดส่วนตลาด ร้อยละ 19.18 บริษัท Ford จำหน่ายรถจำนวน1,176,583 คัน และมีสัดส่วนตลาดร้อยละ 16.98 และบริษัท Toyota มียอดจำหน่าย 846,542 คัน และมีสัดส่วนตลาดเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 15.08
สมาคม American International Automobile Dealers Association ของสหรัฐฯ คาดว่าราคาจำหน่ายรถยนต์ (Sticker Price) รุ่น 2010 ที่ผลิตในสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 8 -12 ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดของรถยนต์ ในขณะที่รถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10-15 ด้วยเหตุผลจาก ภาคอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ได้แนะนำรถรุ่นใหม่ การใช้เทคโนโลยี่เพิ่มความปลอดภัย การประหยัดน้ำมัน และ การเพิ่มอุปกรณ์ให้ความสะดวกสบายต่างๆ
ราคาขายปลีกรถยนต์ รุ่นปี 2010 ที่ได้รับความนิยมในตลาด 10 อันดับ
หน่วย: เหรียญสหรัฐฯ *ราคาขายปลีกยังไม่ร่วมค่าขนส่งและภาษีการค้า
แบรนด์รถยนต์ ราคาขายปลีก* แบรนด์รถยนต์ ราคาขายปลีก* 1. Ford F-150 21,380 - 39,010 6. Honda CR-V 21,545 - 27,745 2. Toyota Camry 19,395 - 29,245 7. Nissan Altima 19,190 - 29,380 3. Honda Accord 21,055 - 29,305 8. Chevy Impala 23,890 - 29,630 4. Toyota Colora 15,350 - 18,860 9. Toyota Prius 21,000 - 27,270 5. Honda Civic 15,500 - 22,055 10. Ford Fusion 19,620 - 28,030
การนำเข้าอุปกรณ์และส่วนประกอบยานยนต์ของสหรัฐฯ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2553 (มกราคม - มิถุนายน) มีมูลค่า 38,639.91 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวสูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2552 ร้อยละ 47.08 โดยมีแหล่งนำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เม็กซิโก แคนาดา ญี่ปุ่น เยอรมนี เกาหลี และ จีน
การขยายตัวนำเข้าอุปกรณ์และส่วนประกอบยานยนต์ในอัตราสูงของสหรัฐฯ เป็นผลดีต่อประเทศไทย ซึ่งส่งผลให้สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้นในอัตราสูงเป็นเงาตามตัวไปด้วย สหรัฐฯ นำเข้าอุปกรณ์และส่วนประกอบยานยนต์จากประเทศไทยเป็นมูลค่า 617.37 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2552 ร้อยละ 106.36 และมีสัดส่วนตลาดนำเข้าอุปกรณ์และชิ้นส่วนยานยนต์ในสหรัฐฯ ร้อยละ 1.70
มาตรการภาษี: สหรัฐฯ เก็บภาษีศุลกากรรถยนต์นำเข้าและส่วนประกอบในอัตราต่ำโดยเก็บภาษีรถยนต์นำเข้าประมาณร้อยละ 0.00-25.00 และชิ้นส่วนประกอบประมาณร้อยละ 0.00-5.00 และให้สิทธิพิเศษ GSP และ การเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti Dumping Duty) และค้นหาเพิ่มเติมได้จากhttp://dataweb.usitc.gov) มาตรการไม่ใช่ภาษี
1. มาตรฐาน DOT : US Department of Transportation เน้นในด้านความปลอดภัย
2. มาตรฐาน UL : Universal Laboratories สำหรับส่วนประกอบที่ใช้กับไฟฟ้า
3. มาตรฐาน EPA : กำหนดโดย US Environment Protection Agency : EPA ควบคุมในเรื่องมาตรฐาน Greenhouse Gas Emissions และ Fuel Economy
4. มาตรฐานกลุ่มประกันภัยรถยนต์สำหรับชิ้นส่วน Collision Parts
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครชิคาโก
ที่มา: http://www.depthai.go.th