ภาวะการค้าระหว่างประเทศของฟิลิปปินส์ เดือนเมษายน 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 18, 2010 14:10 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. การค้าระหว่างประเทศในเดือนมกราคม — เมษายน 2553 เปรียบเทียบกับปี 2552

มูลค่า : พันล้านเหรียญสหรัฐ

                  ม.ค.-เม.ย.53    ม.ค. —เม.ย.52     % Change
   การค้ารวม          32.077           23.384         37.17
   การส่งออก          14.902           10.729         38.89
   การนำเข้า          17.175           12.655         35.72
   ดุลการค้า           -2.273           -1.926         18.02

1.1 ปริมาณการค้า

ปริมาณการค้ารวมเดือน มกราคม - เมษายน 2553 มีมูลค่า 32.077 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.17 จาก 23.384 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในระยะเดียวกันของปี 2552 โดยเป็นการส่งออก 14.902 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ นำเข้า 17.175 พันล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับเดือนเมษายน 2553 มีปริมาณการค้ารวม 8.013 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.74 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเมษายน 2552 ส่วนมูลค่าส่งออกและนำเข้าเดือนเมษายน 2553 เท่ากับ 3.572 และ 4.441 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ

1.2 การส่งออก

ในช่วงเดือนมกราคม — เมษายน 2553 ฟิลิปปินส์ส่งออกมูลค่า 14.902 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.89 จาก 10.729 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในระยะเดียวกันของปี 2552

สินค้าส่งออกที่สำคัญของฟิลิปปินส์ยังคงเป็นสินค้าอีเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีการส่งออกรวม 8.704 พันล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 58.41 ของมูลค่าส่งออกรวม) เพิ่มขึ้นจาก 5.999 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งส่งออกได้ในระยะเดียวกันของปี 2552 คิดเป็นร้อยละ 45.08 สำหรับการส่งออกในเดือนเมษายนนี้มีมูลค่าการส่งออก 3.572 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนที่ผ่านมาร้อยละ 27.4 ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่หกติดต่อกัน โดยที่สินค้าอีเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนที่ผ่านมาร้อยละ 29.6 เนื่องจากตลาดต่างประเทศยังมีความต้องการซื้อเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์ มูลค่าการส่งออกน้ำมันมะพร้าวเลื่อนขึ้นมาเป็นลำดับสองมีมูลค่าส่งออก 107 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนที่ผ่านมาร้อยละ 372 ลำดับต่อมาคือเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มซึ่งมีมูลค่าส่งออก 106 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 ตั้งแต่มกราคม — เมษายน 2553 ตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของฟิลิปปินส์ยังคงเป็นญี่ปุ่น ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 16.82 ลำดับที่สองได้แก่ สหรัฐฯ มีสัดส่วนร้อยละ 16.47 ลำดับต่อมาได้แก่ จีน สิงคโปร์ และฮ่องกง มีสัดส่วนร้อยละ 9.61, 8.90 และ 8.11 ตามลำดับ

1.3 การนำเข้า

ในช่วงเดือนมกราคม — เมษายน 2553 การนำเข้าของฟิลิปปินส์มีมูลค่า 17.175 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.72 จาก 12.655 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมา

สินค้านำเข้าอันดับหนึ่งคือ สินค้าอีเล็กทรอนิกส์ นำเข้ามูลค่า 5.79 พันล้านเหรียญสหรัฐ (มีสัดส่วนร้อยละ 33.71 ของการนำเข้ารวม) นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.11 จากปีที่ผ่านมาซึ่งนำเข้า 4.416 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลำดับที่สองได้แก่น้ำมันเชื้อเพลิง นำเข้ามูลค่า 2.892 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.42 จาก 1.935 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในเดือนเมษายนนี้มีการนำเข้า 4.441 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนที่ผ่านมาร้อยละ 45.3 โดยนำเข้าสินค้าทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 47.3 ที่สำคัญได้แก่ อุปกรณ์ด้านโทรคมนาคมและไฟฟ้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.0 ลำดับต่อมาได้แก่ อุปกรณ์เกี่ยวกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 66.9 การนำเข้าสินค้าเกษตรที่สำคัญได้แก่ สินค้าข้าวนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.6 ส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.6 มูลค่านำเข้าที่เพิ่มขึ้นนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น โดยราคาน้ำมันดูไบมีราคาเฉลี่ยที่บาร์เรลละ 83.5 เหรียญสหรัฐฯ จาก 77.2 เหรียญสหรัฐในเดือนที่ผ่านมา

1.4 ดุลการค้า

ตั้งแต่มกราคม — เมษายน 2553 ฟิลิปปินส์มีการนำเข้ามากกว่าการส่งออกทำให้มีการขาดดุล 2.273 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมาที่ขาดดุล 1.926 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 18.62

1.5 ประเทศคู่ค้าสำคัญของฟิลิปปินส์

คู่ค้าที่สำคัญของฟิลิปปินส์ในเดือนนี้ ลำดับแรกยังคงเป็นญี่ปุ่นซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 14.59 ส่วนสหรัฐอเมริกาเลื่อนลงมาเป็นอันดับสองมีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 13.70 ส่วนอันดับที่3, 4และ5 ได้แก่ สิงคโปร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน และเกาหลีใต้ ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 9.37, 8.65 และ 6.0 ตามลำดับ สำหรับประเทศไทยคงอยู่ในลำดับที่ 7 เช่นเดียวกับเดือนที่ผ่านมา โดยมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 5.14

2. การค้าระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์เปรียบเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมา

มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐ

                            ม.ค.—เม.ย.53     ม.ค.- เม.ย.52      % Change
การค้ารวม                      2,214.50          1,221.00          81.37
ไทยส่งออกไปฟิลิปปินส์              1,484.20            798.00          85.98
ไทยนำเข้าจากฟิลิปปินส์               730.30            423.00          72.65
ดุลการค้า                         753.90            375.00         101.04

2.1 ปริมาณการค้า

ปริมาณการค้าระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ในช่วงเดือนมกราคม - เมษายน 2553 มีมูลค่า 2,214.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 81.37 จาก 1,221.0 ล้านเหรียญสหรัฐ ในระยะเดียวกันของปี 2552 โดยเป็นการส่งออก 1,484.2 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้า 730.3 ล้านเหรียญสหรัฐ

ในเดือนเมษายน 2553 มีปริมาณการค้ารวม 552.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 73.44 เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2552 ส่วนการส่งออกและนำเข้าเดือนนี้มีมูลค่า 362.5 และ 189.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ

2.2 การส่งออก

ในช่วงเดือนมกราคม — เมษายน 2553 ไทยส่งสินค้าออกไปฟิลิปปินส์เป็นมูลค่า 1,484.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 85.98 จาก 798.0 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2552 เมื่อเปรียบเทียบมูลค่าสินค้าไทยส่งไปฟิลิปปินส์กับมูลค่าที่ฟิลิปปินส์นำเข้าจากทุกประเทศ คิดเป็นร้อยละ 8.64

สินค้าไทยส่งออกไปฟิลิปปินส์ที่สำคัญได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มีมูลค่า 323.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 21.7 ของมูลค่าการส่งออกรวมจากไทยไปฟิลิปปินส์) เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 134.9 ซึ่งเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ลำดับที่สองคือสินค้าข้าวมีมูลค่าส่งออก 180.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งส่งออกได้เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 1,519.9 เนื่องจากผู้ส่งออกไทยสามารถประมูลขายข้าวให้รัฐบาลฟิลิปปินส์ ลำดับที่สามคือแผงวงจรไฟฟ้า มีมูลค่าส่งออก 118.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 7.98 ของมูลค่าการส่งออกรวม) เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 71.5

2.3 การนำเข้า

ในช่วงเดือนมกราคม — เมษายน 2553 ไทยนำเข้าจากฟิลิปปินส์มูลค่า 730.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 72.65 จากระยะเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งนำเข้ามูลค่า 423.0 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าสินค้าที่ฟิลิปปินส์ส่งมายังไทยคิดเป็นร้อยละ 4.90 ของมูลค่าส่งออกรวมของฟิลิปปินส์

สินค้านำเข้าจากฟิลิปปินส์ที่สำคัญอันดับแรกคือ แผงวงจรไฟฟ้ามีมูลค่า 126.0 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 17.26 ของมูลค่านำเข้ารวม) เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งนำเข้ามูลค่า 78.1 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 61.3 ลำดับที่สองได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์รถยนต์ นำเข้าเป็นมูลค่า 115.1 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 13.2 ของมูลค่านำเข้ารวม) เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งนำเข้ามูลค่า 52.4 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 119.4

2.4 ดุลการค้า

เนื่องจากไทยส่งออกไปฟิลิปปินส์มากกว่านำเข้าสินค้าจากฟิลิปปินส์ ในช่วงเดือนมกราคม — เมษายน 2553 ฟิลิปปินส์ขาดดุลการค้ากับไทยเป็นมูลค่า 753.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งขาดดุลสูงกว่าระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ขาดดุล 375.0 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 101.04

3. การคาดการณ์ภาวะการค้า

รัฐบาลใหม่ของฟิลิปปินส์ซึ่งนำโดยประธานาธิบดีเบนิโญ อากีโนที่3 ได้ประมาณการอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ปี 2010 โดยคาดว่า GDP จะเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 5-6 ซึ่งสูงกว่าที่รัฐบาลเดิมเคยประมาณการไว้ที่ร้อยละ 2.6 — 3.6 ทางด้านการส่งออกปี 2010 ประมาณการว่าจะส่งออกได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ส่วนการนำเข้าได้ประมาณการว่าจะมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 โดยสินค้าหลักที่นำเข้าได้แก่สินค้าอีเล็กทรอนิกส์ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 33.7 สำหรับสินค้าเกษตรในปีนี้คาดว่าจะมีแนวโน้มนำเข้าเพิ่มขึ้นเนื่องจากฟิลิปปินส์ได้รับผลกระทบจากพายุใต้ฝุ่น และประสบภัยแล้งทำให้ผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหาย จึงต้องมีการนำเข้าเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการบริโภคภายในประเทศ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลได้จัดสรรให้เอกชน 12 ราย นำเข้าน้ำตาลทรายจำนวน 100,000 เมตริกตัน โดยจะต้องนำเข้าให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 15 กันยายนนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งจะเป็นการนำเข้าจากประเทศไทย สำหรับสินค้าชนิดอื่นที่ไทยยังมีศักยภาพในการส่งออกไปฟิลิปปินส์ได้เพิ่มขึ้น ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ข้าว แผงวงจรไฟฟ้า น้ำมันสำเร็จรูป และเครื่องสำอาง สบู่และผลิตภัณฑ์รักษาผิว

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ