ตลาดเบียร์ในฮังการีมีการแข่งขันสูงมาก สงครามด้านราคาเกิดขึ้นระหว่างสินค้าท้องถิ่น และสินค้านำเข้าจากยุโรปตะวันตก ซึ่งนับวันจะแข็งแกร่งขึ้นมากในตำแหน่งทางการตลาด ผู้บริโภคนิยมดื่มเบียร์สไตล์เยอรมัน ยอดรวมของตลาดเบียร์ทั้งหมดอยู่ที่ 7,213,000 เฮกโตลิตร การบริโภคเบียร์อยู่ที่ 70 ลิตรต่อหัว ตลาดหลักจะเป็นประเภท pale lager (ประมาณ 90% ของตลาดรวม) และ เบียร์เยอรมันสไตล์ dark beer
- Dreher Breweries Ltd.: ซึ่งเป็นบริษัทที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในตลาด มีประสบการณ์นานกว่า 150 ปี เจ้าของกิจการคือ SAB Miller group สินค้าหลักของบริษัทได้แก่ Dreher Classic Arany Aszok และ Kobanyai Vilagos ซึ่ง Dreher Classic และ Dreher Bak คือผู้นำทางการตลาด premium brand
- Borsody Brewery Co.: หนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในฮังการี เจ้าของกิจการคือ Interbrew สินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Borsodi (Borsodi Vilagos Borsodi Bivaly Borsodi Polo Borostyan) และลิขสิทธิ์ภายใต้แบรนด์ Beck's Lowenbrau Stella Artois และ Rolling Rock.
- Heineken Hungaria Breweries Ltd.: เป็นสาขาท้องถิ่นของ Heineken International ในปัจจุบันดำเนินการอยู่ 2 โรงงาน คือที่ Sopron และ Martfu สินค้าในเครือบริษัทคือSoproni, Talleros, Arany Hordo , Soproni Kinizsi, Sarkany Sor และแบรนด์ภายใต้ลิขสิทธิ์ เช่น Heineken, Amstel, Gosser, Kaiser, Steffl, Zlaty Bazant, Schlossgold และ Buckler.
ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะบริโภคเบียร์เฉพาะเทศกาลพิเศษ และโอกาสทางสังคม คนที่มีการศึกษาจะเปิดรับสินค้ารูปแบบใหม่ มากกว่าคนที่มีการศึกษาน้อยซึ่งยึดติดกับสินค้ารูปแบบเดิม เป้าหมายตลาดเบียร์ส่วนใหญ่ จะเป็นคนวัยหนุ่มสาวซึ่งพร้อมที่จะทดลองสิ่งใหม่ๆ และไม่ยึดติดกับแบรนด์เดิม ดังนั้นการที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลัก จึงต้องสร้างความแปลกใหม่ ที่อยู่บนพื้นฐานความน่าเชื่อถือของตัวสินค้า
ในปี 2552 ภาพรวมของตลาดเบียร์มียอดขายลดลง ภายในประเทศลดลงร้อยละ 9 และตลาดรวมร้อยละ 12 ทั้งนี้สืบเนื่องจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจถดถอย และการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตเป็น 633 โฟรินท์ (2.32 ยูโร) / เฮกโตลิตร และภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 25% ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดเบียร์ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ
การบริโภคเบียร์ในส่วนของ การบริการด้านอาหาร (Catering) ลดลงร้อยละ 12 มากกว่าด้านธุรกิจค้าปลีก (retail trade) ซึ่งลดลงเพียงร้อยละ 2 Facts and Figures ยอดขายในปี 2552 ยอดขายในประเทศลดลงร้อยละ 9 ในส่วนของการส่งออกลดลงเกือบ 50% จึงส่งผลให้ยอดขายรวมทั้งหมดลดลงร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับปี 2551
ยอดขายเบียร์ภายในประเทศที่ลดต่ำลง มาจากแบบขวดมากกว่าแบบกระป๋อง ถึงแม้ว่าบริษัทผลิตเบียร์ทุกๆบริษัท ได้แนะนำเบียร์ประเภท (Pet-bottled) ออกสู่ตลาด ซึ่งทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ เบียร์บรรจุถัง (Keg) ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน
year 2008 2008 2009 2009 1000 hl. % 1000 hl. % returnable bottles 3157 48 2756 46 disposable bottles 230 3 260 4 keg (all sizes) 718 11 622 10 can (all sizes) 2157 38 2400 40 total 6262 100 6038 100
ในปี 2552 ยอดขายที่ลดลงชัดเจนคือ เบียร์ Quality รองลงมาคือ Premium และ Super premiumตามลำดับ ในส่วนของเบียร์ราคาถูก ยังคงรักษายอดขายเกือบเท่าเดิม เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
beer sales by product category
year 2008 2008 2009 2009 1000 hl. % 1000 hl. % super premium 458 7 433 7 premium 680 10 606 10 quality 3629 55 3153 52 private labe 1855 28 1842 31 total 6622 100 6034 100
โดยทั่วไปจะสังเกตุได้ว่า ยอดขายของเบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลงทุกๆ ปี
year 2008 2009 bottle 86 59 can 69 67 total 155 126
ตลาดเบียร์ในปี 2553 คาดว่ายังคงติดลบ ยอดขายยังคงลดลงเล็กน้อย เพราะผลกระทบจากการปรับภาษี แต่ทั้งนี้ผู้ผลิตเบียร์ทุกรายต่างคาดหวังว่า สภาวะตลาดจะกลับฟื้นคืนสู่สภาพปกติ ในช่วงครึ่งปีหลัง
สคร. ณ กรุงบูดาเปสต์
ที่มา: http://www.depthai.go.th